เหตุผลที่มิเคนเต้ ไอบัน ชวนเธอมาพบที่ลานก่อสร้างสะพานแห่งนี้นั้นเรียบง่ายมาก
เพราะอยากจะให้เธอได้เห็นด้วยตาตัวเองว่า สะพานกำลังถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ด้วยความช่วยเหลือจากลอมบาร์เดีย
เธอกับมิเคนเต้ ไอบันหันไปมองรอบๆ ที่ผู้คนมากมายกำลังแบกไม้ไว้บนไหล่ ขยับตัวกันอย่างยุ่งวุ่นวาย พลางสนทนากันไปด้วย
“ได้ยินเรื่องราวจากสารที่ท่านพี่ส่งมาให้เมื่อคืนนี้แล้วครับ เห็นว่าในตอนที่ทุกคนต่างก็เบือนหน้าหนีพวกเราไอบัน คนแรกที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคือคุณหนู”
ผ่านไปแค่คืนเดียวท่าทางของมิเคนเต้ ไอบันที่แสดงออกต่อเธอกลับดูดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
เดิมทีไม่ใช่แค่กับเฟเรสเท่านั้น แต่เขาเป็นคนรักษามารยาทที่พึงมีกระทั่งเวลาปฏิบัติต่อเธอ กับอาบีน็อกซ์ด้วยเช่นกัน
แต่ท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อเธอในตอนนี้ มีกระทั่งความเคารพนับถือแฝงอยู่ด้วย
“ข้าจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลยครับ คุณหนูลอมบาร์เดีย”
“พูดเกินไปแล้วค่ะ ท่านชายไอบัน”
พอคิดว่าเธอสามารถทำให้เจ้าตระกูลไอบันในอนาคตประทับใจได้สำเร็จ ก็พลอยทำให้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที
แต่เธอก็ยังยิ้มถ่อมตัวจนถึงที่สุด พลางเอ่ยตอบกลับไป
“ข้าเองก็บอกท่านลอนเชนต์เช่นนี้เหมือนกันค่ะ เวลาลำบากก็ควรที่จะช่วยเหลือกันและกัน มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
แม้จะเป็นคำพูดที่ค่อนข้างจะธรรมดาทั่วไป แต่ดูเหมือนมิเคนเต้ ไอบันจะรู้สึกซึ้งมากจากใจจริง
“กล่าวได้ถูกต้องแล้วครับ!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
“ต่อไปหากมีเรื่องใดที่ข้าสามารถช่วยเหลือคุณหนูได้ ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หนข้าก็จะช่วยครับ”
โถ เด็กน้อย ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วละจ้ะเจ้าตระกูลไอบันกับเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียก็ต้องจับมือคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันสิจ๊ะ
ในระหว่างที่เดินชมแถวนั้นได้หนึ่งรอบใครบางคนก็เดินมาหามิเคนเต้ ไอบันถึงลานก่อสร้างน่าจะเป็นคนที่ทางเจ้าตระกูลไอบันส่งตัวมาละมั้ง
“ท่านเจ้าตระกูลเรียกตัวท่านมิเคนเต้ด่วนครับ คงจะต้องเดินทางกลับคฤหาสน์ทันทีละครับ”
“…เข้าใจแล้ว” สีหน้าของคนที่มาแจ้งข่าวดูไม่ปกติเอาเสียเลย
มิเคนเต้ ไอบันเองก็คงจะรู้สึกได้เช่นกัน สีหน้าของเขาจึงนิ่งไป
“ไปเถอะค่ะ ข้าจะอยู่ดูลานก่อสร้างต่ออีกหน่อย แล้วเดี๋ยวค่อยกลับ”
“ครับ เช่นนั้นไว้พบกันที่คฤหาสน์นะครับ”
หลังจากนั้นเธอก็อยู่สนทนากับเหล่าวิศวกรก่อสร้างจากลอมบาร์เดียที่ลานก่อสร้างต่ออีกสักพัก
เพื่อจะตรวจเช็กให้แน่ใจว่าพวกเขายังมีอะไรที่ต้องการเพิ่มเติมในการทำงานให้ลุล่วงอย่างปลอดภัยอีกหรือเปล่า
หลังจากสนทนากันจบ เธอก็เดินกลับไปขึ้นรถม้า เพราะท้องฟ้าวันนี้มีเมฆครึ้มดูมืดสลัวเร็วกว่าที่เคย
ลานก่อสร้างสะพานไม่ได้ไกลจากป้อมปราการไอบันเท่าไหร่แค่ผ่านเนินเขาที่ถูกเคลียร์พื้นที่เนื่องจากดินถล่มไปไม่กี่เนินก็ถึงแล้ว
ภายในรถม้าที่สั่นคลอนโยกเยกไปตามทาง เธอมีเพียงแค่ความคิดเดียวเท่านั้นต้องรีบกลับห้องไปแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างสักหน่อย
ทั้งที่ตอนเดินชมสะพานก็พยายามเดินอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว แต่ก็ยังเลอะโคลนจนเท้าเย็นไปหมด
“โว้วๆ”
แต่จู่ๆ รถม้าที่วิ่งมาสักพักกลับค่อยๆ ลดความเร็วลงอย่างช้าๆ
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ”
“ข้างหน้ามีรถม้าตระกูลไอบันจอดขวางอยู่ครับ เหมือนว่าล้อจะพัง เอายังไงดีครับ”
สารถีรถม้าถามเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...