เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

สรุปบท เล่ม 4 บทที่ 153.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปเนื้อหา เล่ม 4 บทที่ 153.1 – เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บท เล่ม 4 บทที่ 153.1 ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 153

เธอปัดเศษดินที่กองอยู่บนที่นั่งข้างกายออก

มิเคนเต้ ไอบันเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูลอมบาร์เดีย”

เขาคงคิดว่าเธอกำลังปฏิเสธความเป็นจริงอยู่ละมั้งถึงได้มองเธอด้วยนัยน์ตาสงสารกันแบบนั้น

แต่เธอส่ายหน้าให้เขาและยกแผ่นไม้บริเวณที่บั้นท้ายนั่งทับเอาไว้ขึ้น

มันเป็นช่องลับในรถม้าที่เอาไว้เก็บพวกของกินง่ายๆ

เพื่อเธอที่มีนิสัยอดทนไม่ไหวเวลาอยากกินอะไรสักอย่าง เครย์ลีบันจึงสร้างที่ซ่อนนี่ให้เป็นพิเศษ

โล่งอกที่ข้างในนั้นยังมีขวดน้ำอยู่สองขวด ขนมปัง และพวกคุกกี้ช็อกโกแลตใส่เอาไว้บ้าง

ขนมปังนั่นเป็นของที่ไวโอเล็ตให้เป็นของขวัญเมื่อหลายวันก่อน ส่วนคุกกี้ช็อกโกแลตนั่นเป็นของที่เฟเรสเอามาให้

พอนึกถึงคนสำคัญทั้งหลายขึ้นมา ลำคอก็พลันตีบตันจนอยากจะร้องไห้ชะมัด แต่ก็ไม่ได้ร้องออกไป

จะเสียน้ำในร่างกายกับพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ไม่ได้

เธอเอ่ยกับมิเคนเต้ ไอบัน ที่ยังคงมองเธอด้วยความสงสาร

“พูดแบบนี้ต้องขอโทษท่านชายไอบันด้วยนะคะ แต่ใช่แล้วละค่ะ ถ้าหากคนที่ถูกขังอยู่ในรถม้าคันนี้มีแต่ท่านชายไอบันคนเดียวละก็คงจะรอดยากอยู่เหมือนกันค่ะ”

ถ้าหากเป็นแบบนั้น คนที่จะพยายามขุดรถม้าคันนี้ จะมีเพียงแค่คนของไอบันอย่างเดียวเท่านั้น

“แต่ข้างในนี้มีข้าอยู่ด้วยยังไงล่ะคะ นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้ข้างนอกนั่น ผู้คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนไหว เพื่อที่จะขุดรถม้าคันนี้ออกไปค่ะ เพราะข้าคือลอมบาร์เดีย”

“อา…”

“ตระกูลลอมบาร์เดียจะรวมกำลังพลทั้งหมดเพื่อช่วยข้าค่ะ อ๊ะ เจ้าชายลำดับที่สองก็ด้วย”

ส่วนเรื่องนี้เธอไม่อาจบอกมิเคนเต้ไอบันได้ แต่นั่นย่อมรวมถึงร้านค้าเพลเลสกับเครย์ลีบันด้วย

ใช่แล้ว ทุกคนจะต้องลงมือเคลื่อนไหวเพื่อเธอ

“เพราะฉะนั้นพวกเราเพียงแค่มีชีวิตรอด จนกว่าคนมากมายพวกนั้นจะจัดการเก็บกวาดหินกับดินข้างบนออกไปจนหมดก็พอค่ะ”

ความจริงแล้วนั่นไม่ใช่คำพูดที่เธอพูดกับมิเคนเต้ ไอบัน

แต่เป็นคำที่เธอพูดเน้นย้ำกับตัวเองซึ่งเอาแต่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอยู่เรื่อยต่างหาก

โล่งอกที่มันได้ผล หัวใจของเธอเริ่มสงบลงบ้างแล้ว

ในหัวสมองเริ่มกระจ่างแจ้งขึ้นมาบ้าง เธอนึกถึงมืออบอุ่นหยาบกระด้างเล็กน้อย ที่มักจะกอบกุมมือของเธอเอาไว้ขึ้นมา

เขาจะต้องมาช่วยเธอแน่

เธอครุ่นคิดพลางกุมขวดน้ำเอาไว้แน่น

* * *

โยฮัน พ่อบ้านประจำตัวเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย ดึงเอากระดาษสีแดงที่ห้อยอยู่บนขาของนกพิราบสื่อสารที่บินเข้ามาในคฤหาสน์ออกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

กระดาษสีแดงหมายถึงเรื่องด่วน

อีกทั้งประเภทของนกพิราบสื่อสารก็ตัวใหญ่เสียด้วย

โงนเงน

แคลอฮันตัวเซจนเกือบจะล้มลงด้วยใบหน้าซีดเผือด

“แคลอฮัน”

ชานาเนสรีบเดินเข้ามาช่วยพยุงแคลอฮัน พลางเอ่ยถามรูลลัก

“มีเรื่องอะไรหรือคะ ท่านพ่อ”

“เทีย…สารจากเจ้าตระกูลไอบันแจ้งมาว่าเทียถูกดินถล่มลงมาทับ”

“…ว่ายังไงนะคะ ตอนนี้?”

ชานาเนสแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง นางรีบกวาดสายตาอ่านสารฉบับนั้นอย่างรวดเร็ว

“เป็นไปไม่ได้ เทีย ทำไมถึง…”

แคลอฮันสติหลุดจนไม่อาจแม้แต่จะหายใจได้เป็นปกติ เขาพึมพำเสียงแผ่วซ้ำไปซ้ำมา

มือของชานาเนสที่จับไหล่ของแคลอฮันเอาไว้เองก็สั่นเทาไม่หยุดเช่นกัน

รูลลักอ่านสารอีกครั้งราวกับต้องการตรวจเช็กให้แน่ใจก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ในสารฉบับนี้ไม่มีคำพูดบอกว่าเทียเป็นหรือตายกันแน่ เพียงแค่บอกว่ารถม้าโดนดินถล่มทับลงมาเท่านั้น”

และดึงเสื้อของแคลอฮันอย่างแรงเป็นการบังคับให้บุตรชายลุกขึ้นยืน

“ตั้งสติ แคลอฮัน! เจ้าเป็นบิดาของเทีย ถ้าเจ้ายังไม่ตั้งสติแบบนี้ จะทำเช่นไรได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]