เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

เสียงตวาดลั่นของรูลลักทำให้นัยน์ตาของแคลอฮันที่เหม่อลอยเหมือนสติหลุดไป เริ่มกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง

“ท่านพ่อกล่าว…ถูกแล้วครับ เทียของพวกเราอาจจะยังปลอดภัยอยู่ใต้นั้นก็ได้ ใช่แล้ว ใช่…”

ร่างกายของแคลอฮันที่เคยไหวเอนดั่งกิ่งไผ่ลู่ลม เริ่มกลับมาทรงตัวและหยุดสั่นได้ในที่สุด

เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนตัวตรง กำหมัดแน่น ในขณะที่เอ่ยขึ้นว่า

“ข้าจะเดินทางไปไอบันครับ ได้โปรดให้กองกำลังอัศวินติดตามข้าไปด้วยเถอะครับ”

รูลลักพยักหน้าตกลง

“พาไปให้หมดทั้งกองกำลังที่ 1 และ 2 เลยก็แล้วกัน”

หมายความว่าให้เหลือเพียงแค่กำลังทหารส่วนเดียวไว้เพื่อคอยอารักขาคฤหาสน์ลอมบาร์เดียก็พอ

“สองแฝดขี่ม้าได้รวดเร็ว พวกเขาจะต้องมีประโยชน์แน่ ข้าจะลองตรวจดูว่าเหมืองลอมบาร์เดียในไอบัน พอจะมีเครื่องไม้เครื่องมืออะไรช่วยได้บ้างหรือเปล่า”

ชานาเนสกล่าว

“กำลังเสริมกลุ่มที่สองทางข้าจะจัดการส่งไปเพิ่มให้ ข่าวสารจากทางไอบันเองก็จะบอกต่อให้เจ้ารู้ผ่านทางพิราบสื่อสาร ดังนั้นแคลอฮัน เจ้าจงออกเดินทางล่วงหน้าไปก่อนทันที”

“ฝากด้วยนะครับ ท่านพ่อ”

แคลอฮันผลักประตูห้องทำงานเจ้าตระกูลออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่เคยตกใจจนตัวเซมาก่อน

รูลลักเอ่ยกับโยฮัน

“โยฮัน สั่งให้คนเตรียมรถม้า”

“ครับ ท่านเจ้าตระกูล”

โยฮันเองก็วิ่งออกไปจากห้อง รูลลักสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมแต่เพราะมือที่สั่นเทาทำให้เขามือไม้ลื่นไปหมดจนจับอะไรไม่ถูกอยู่หลายรอบ

ชานาเนสทนดูต่อไปไม่ไหว จึงเดินเข้ามาช่วยบิดาสวมเสื้อนอกพลางเอ่ยขึ้นว่า

“จะไปไหนเหรอคะ”

“เข้าวัง ข้าตั้งใจว่าจะไปสั่งให้โยบาเนสออกราชโองการลงมาเสียหน่อย”

“ราชโองการ…”

“ถนนที่ใช้มุ่งหน้าจากลอมบาร์เดียไปจนถึงไอบันทุกเส้น ป้อมปราการทุกป้อม เจ้าเมืองทั้งหลายจะต้องเปิดทางให้กองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียผ่านทางไปได้โดยไม่มีการหยุดตรวจค้น แม้แต่ตอนกลางคืนเองก็ต้องเปิดประตูเมืองเอาไว้ให้พวกเรา”

“ท่านพ่อคิดถูกแล้วค่ะ ราชโองการย่อมรวดเร็วกว่า”

ลอเรนซ์เบิกตากว้างเฝ้ามองภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาเกาหัวแกรกๆ พึมพำเสียงแผ่ว

“แต่ถ้าโดนดินถล่มทับลงมา ก็น่าจะ…”

ปัง!

เสียงสนั่นดังก้องไปทั่วห้องทำงาน

ราวแขวนเสื้อหนักๆ ที่อยู่ตรงหน้ารูลลักถูกผลักจนล้มคว่ำไปด้านข้าง

“ลอเรนซ์”

รูลลักเอ่ยเรียกบุตรชายด้วยนัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยโทสะราวกับเป็นคำเตือน ทำเอาลอเรนซ์ผวาเฮือกจนตัวโยน

“วันนี้ข้าไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอจะหลับตาไม่มองความผิดพลาดของเจ้าหรอกนะ ระวังคำพูดด้วย”

ลอเรนซ์รีบพยักหน้าลงอย่างรวดเร็ว

“เทียต้องไม่เป็นอะไรค่ะ ท่านพ่อ” ชานาเนสกล่าวปลอบโยน

รูลลักพยักหน้าลง

“ใช่แล้ว ต้องไม่เป็นอะไร เด็กคนนั้นคือหลานสาวของข้า รูลลักคนนี้ นางเป็นเด็กที่แข็งแกร่งยิ่ง ดังนั้นจะต้องไม่เป็นอะไร”

รูลลักพึมพำอยู่อย่างนั้นหลายครั้งราวกับต้องการสะกดจิตตัวเอง ก่อนจะพุ่งออกไปจากห้องทำงานอย่างรวดเร็วจนเกิดสายลมพัดตามหลัง

ชานาเนสถอนหายใจเสียงแผ่ว ขยับตัวตั้งใจจัดการเก็บกวาดพื้นที่รอบๆ ให้เป็นระเบียบ

“ท่านพี่จะไปไหนหรือครับ” เบเจอร์นั่งนิ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย ราวกับพายุที่พัดกระหน่ำอยู่ตรงหน้าเมื่อครู่นี้ เป็นเพียงแค่เรื่องของคนอื่น

“จะไปพาตัวดอกเตอร์เอสทีร่าไปด้วย เทียอาจจะได้รับบาดเจ็บ ต้องเตรียมพร้อมเผื่อไว้ก่อน”

เบเจอร์ขมวดคิ้วแน่นครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น

ชานาเนสพอจะคาดเดาได้ว่าน้องชายของนางอยากจะพูดอะไร จึงทำเพียงแค่เหลือบมองเบเจอร์ด้วยนัยน์ตาเย็นชา ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องด้วยความเร่งรีบแต่สถานที่ที่ชานาเนสมุ่งหน้าไปไม่ใช่อาคารซึ่งเป็นที่ตั้งห้องวิจัยของเอสทีร่าแต่อย่างใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]