เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

ต่อให้ทุกคนไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้เห็นภายนอก แต่เมื่อถึงเวลาพัก แล้วได้นั่งล้อมวงกันเป็นกลุ่มสองสามคนทีไร หัวข้อบทสนทนาก็มักจะเป็นเรื่องนี้ทั้งสิ้น นี่เป็นความจริงที่ไวโอเล็ตเองก็รู้ดี

พวกเขาเป็นแรงงานจากกิจการเหมืองแร่ที่มาช่วยงานในครั้งนี้ จึงเคยพบเจอเหตุการณ์เหมืองถล่มหรืออุบัติเหตุรูปแบบต่างๆ มากันบ้างแล้ว

“หินก้อนใหญ่มาก ดินเองก็ค่อนข้างร่วน ดังนั้นอากาศจะสามารถผ่านลงไปได้ถึงข้างใต้นั่นครับ”

คำพูดนั้นเป็นเพียงความหวังเดียวของไวโอเล็ตและผู้คนทั้งหลายในยามนี้

“นั่นท่านฟีเรนเทียเชียวนะ” ไวโอเล็ตกล่าวย้ำกับตัวเองซ้ำๆ เช่นนั้น

ในตอนนั้นเอง ราโมนาก็เดินยกชาร้อนกรุ่นมาให้ นางเอ่ยกับไวโอเล็ตว่า

“ดื่มชาอุ่นๆ ก่อนนะคะ คุณไวโอเล็ต”

ราโมนาเป็นหนึ่งในบรรดาคนกลุ่มแรกๆ ที่วิ่งมาถึงที่นี่หลังจากทราบข่าวอุบัติเหตุของฟีเรนเทียนางคอยช่วยแจกจ่ายอาหารให้แก่ผู้คนที่มารวมตัวกันกู้รถม้า ถ้าหากมีใครได้รับบาดเจ็บ นางก็จะคอยช่วยดูแลพวกเขาให้

“ขอบคุณค่ะ คุณราโมนา”

“คุณหนูลอมบาร์เดียจะต้องปลอดภัยค่ะ สู้ๆ นะคะ คุณไวโอเล็ต”

“ขอบคุณค่ะ” ไวโอเล็ตยิ้มอย่างไร้เรี่ยวแรง

“คงจะสนิทกันมากเลยสินะคะ คุณไวโอเล็ตกับคุณหนูลอมบาร์เดีย”

“ท่านฟีเรนเทียคือเหตุผลที่ข้ามาทำงานให้กับร้านค้าเพลเลสค่ะ ท่านเป็นคนช่วยให้ข้าวาดฝันที่ใหญ่ขึ้น บางทีนอกจากข้าแล้ว ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ติดหนี้บุญคุณท่านฟีเรนเทียจนไม่อาจตอบแทนได้เลยละค่ะ เพราะท่านเป็นคนเช่นนั้นนี่คะ ท่านฟีเรนเทียน่ะ”

“เป็นคนได้รับความรักมากมายเลยนะคะ” ราโมนายิ้มด้วยใบหน้าซับซ้อน

“มีคนมาจากทางด้านนั้นครับ! ลอมบาร์เดีย! ดูเหมือนจะเป็นคนจากลอมบาร์เดียครับ!”

พลทหารที่ทำงานอยู่ด้านบนคนหนึ่งตะโกนเสียงดังลั่น

ไวโอเล็ตรีบส่งถ้วยชาที่ดื่มอยู่ยัดคืนใส่มือราโมนา ก่อนจะวิ่งตรงไปทางด้านที่ว่าทันที

กลุ่มคนที่ควบม้าตรงมายังลานที่เกิดเหตุคือกลุ่มผู้ชายประมาณสิบห้าคน

ในกลุ่มนั้นมีกว่าสิบคนที่สวมชุดอัศวินประดับสัญลักษณ์ตระกูลลอมบาร์เดีย

ทางฝั่งนั้นเองก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นไวโอเล็ตเช่นกัน จึงนำม้ามุ่งตรงมาหานาง

กุบกับ กุบกับ!

“ฮี้ ฮี้”

ม้าตัวใหญ่ยักษ์ขนาดผู้ใหญ่สองคนนั่งได้สบายพ่นลมหายใจเสียงดัง ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้านาง

ชายคนที่นั่งอยู่ด้านหลังรีบกระโดดลงจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว

“ท่านแคลอฮัน!”

ไวโอเล็ตตะโกนด้วยความตกใจ

ระยะทางจากลอมบาร์เดียมาถึงที่นี่มันไกลมากจนถ้านั่งรถม้าจะต้องใช้เวลากว่าสิบวัน

ต่อให้ควบม้าวิ่งมาเร็วแค่ไหน ก็ยังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์อยู่ดี

แต่พวกเขากลับเดินทางมาถึงที่นี่ในเวลาเพียงแค่สี่วันเท่านั้นเนี่ยนะ

การเดินทางจะทรหดขนาดไหน นางจินตนาการไม่ออกเลย

“…เทียล่ะ เทียอยู่ที่ไหนครับ”

สีหน้าซีดเผือดนั่น มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าแคลอฮันเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด แต่เขาก็ยังเอ่ยถามถึงบุตรสาวในทันทีที่พบหน้าไวโอเล็ต

“ยัง…”

แคลอฮันตัวเซเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดจากปากไวโอเล็ต

ใครคนหนึ่งช่วยจับไหล่ของแคลอฮันเอาไว้

เครย์ลีบันนั่นเอง

“นำทางพวกเราไปนั่งก่อนเถอะครับ ไวโอเล็ต”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]