เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

เล่ม 4 บทที่ 157.1

ตอนที่ 157

หลังเกิดอุบัติเหตุ เธอต้องอยู่พักฟื้นดูแลร่างกายที่ไอบันต่ออีกประมาณหนึ่งสัปดาห์

คิดอยู่ว่าคงต้องใช้เวลาในช่วงฤดูหนาวในไอบัน ซึ่งมักจะมีหิมะตกลงมาอย่างหนักแต่ท่านปู่ก็ส่งรถม้าที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษมาให้ เพื่อที่เธอจะสามารถนอนได้อย่างสะดวกสบายยามเดินทาง ทำให้เธอเดินทางกลับลอมบาร์เดียได้ในที่สุด

เธอจึงออกเดินทางจากไอบัน กลับมายังลอมบาร์เดียด้วยวิธีเช่นนั้น จากนั้นเวลาก็ผ่านมาได้หลายเดือนแล้วเธอค่อยๆ ฟื้นฟูร่างกายและกลับมาใช้ชีวิตประจำวันปกติ ฤดูหนาวก็ผ่านพ้นไป

ในที่สุดฤดูใบไม้ผลิหมุนเวียนกลับมาอีกครั้งหรือเรียกให้ถูกก็คือ ฤดูกาลของงานสังคมได้เริ่มต้นแล้ว

ราวกับเฝ้ารอโอกาสนี้อยู่ก่อนแล้ว จักรพรรดินีจึงเดินหน้าจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่อลังการเป็นการประเดิมฤดูกาลใหม่ในทันทีซึ่งนั่นก็เหมือนกับการสั่งเรียกเธอรวมถึงคนอื่นๆ ที่อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงของอาณาจักร ให้มารวมตัวกันที่งานนี้นั่นแหละ

เธอรับเอาเหล้าแก้วหนึ่งมาจากผู้ดูแลที่เดินผ่านมาพอดีมาถือไว้

“ทั้งเหล้า ทั้งอาหาร ใช้แต่ของชั้นยอดทั้งนั้นเลยนะเนี่ย”

ต่อให้เป็นงานเลี้ยงของราชวงศ์ก็เถอะ แต่ปกติไม่ได้จัดกันหรูหราขนาดนี้หรอก

มีอยู่จุดหนึ่งที่ทำให้รู้ได้ว่า งานเลี้ยงครั้งนี้จักรพรรดินีใส่ใจทุ่มเทกับมันมากเพียงใด

ถึงแม้งานนี้จะได้ชื่อว่าเป็น ‘งานเลี้ยงแรกประจำฤดูกาลที่องค์จักรพรรดินีเป็นเจ้าภาพ’ ก็เถอะ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วคงคิดจะโปรโมตการท่องเที่ยวตะวันตกที่พัฒนาเสร็จไปบ้างแล้วสินะ

ถ้าอย่างนั้นแค่โปรโมตกันตรงๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเว่อร์แบบนี้สักหน่อย

ดูจากที่ดึงดันอ้างชื่อ ‘งานเลี้ยงราชวงศ์’ จนถึงที่สุดทำให้รู้ได้เลยว่า จักรพรรดินีมีความคิดแบบไหนเกี่ยวกับ ‘การหาเงิน’ เข้ากระเป๋าตัวเอง

“ช่างเป็นคนที่น่าทึ่งในหลายด้านจริงๆ”

ครึ่งหนึ่งเธอพูดจากใจจริง

จักรพรรดินีพยายามผลักดันโครงการพัฒนาเขตตะวันตกทั้งๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากหลายเรื่อง ทั้งไม้ทรีบ้าที่เป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างก็ขาดแคลนเป็นอย่างมาก ส่วนไม้ที่พอจะมีขายให้พวกนางก็ดันถูกกลุ่มการค้าโมนัคเรียกร้องราคาสูงมาก ขูดเลือดขูดเนื้อกันจนกระเป๋าเงินว่างเปล่าเลยทีเดียวแถมความสัมพันธ์กับเขตแดนเหนือก็ดันมาพังไม่เป็นท่าอีก

อีกอย่าง อังเกนัสยังต้องขายที่ดินบางส่วนทิ้ง เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าปรับเรื่องดินถล่มอีกด้วย

แต่จักรพรรดินีก็ยังคงดึงดันจะพัฒนาเขตตะวันตกต่อ จนกิจการท่องเที่ยวสามารถเปิดตัวขึ้นได้ในที่สุด

เธอจิบเหล้าพลางหันไปมองกลุ่มคนที่ยืนเป็นจุดเด่นอยู่กันตรงกลางงานเลี้ยง

“ทั้งหมดเป็นเพราะท่านชายลอมบาร์เดียช่วยไว้แท้ๆ เลยนะคะ”

จักรพรรดินีเอ่ยเสียงดังราวกับจงใจให้ผู้คนรอบๆ ที่กำลังมองพวกนางอยู่ได้ยินกันถ้วนหน้า

“ฮ่าฮ่าฮ่า งานของราชวงศ์ กระหม่อมก็ต้องช่วยอย่างสุดความสามารถอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เบเจอร์หัวเราะเสียงดังจนปากฉีกไปถึงใบหู

“แน่นอนว่าข้าเองก็ไม่ได้ลืมความช่วยเหลือของเซอเชาว์นะคะ”

“ชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์จักรพรรดินี”

พอจักรพรรดินีหันไปมองบุคคลที่ยืนตรงข้ามกับเบเจอร์แล้วเอ่ยว่าเช่นนั้น เจ้าของใบหน้าไม่คุ้นตาก็ยกแก้วในมือขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

“คนนั้นคือ ชานตั้น เซอเชาว์สินะ”

เป็นคนที่เหมือนในข่าวลือเป๊ะเห็นว่าเดิมทีเป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินของราชวงศ์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]