เล่ม 4 บทที่ 164.2
จักรพรรดินียิ้มเข้มเพื่อกดข่มโทสะที่พุ่งปรี๊ดขึ้นสมอง
“ชากลิ่นหอมดีนะพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”
“โล่งอกไปทีนะคะที่ถูกใจ เจ้าตระกูลเซอเชาว์”
“แต่…”
ชานตั้น เซอเชาว์เว้นจังหวะไปครู่หนึ่งไม่ยอมพูดต่อ แต่จักรพรรดินีเองก็ทราบคำพูดประโยคถัดไปที่จะหลุดออกจากปากนั่นอยู่ก่อนแล้ว
“เรื่องร้านค้าเพลเลสหรือคะ เจ้าตระกูลเซอเชาว์”
“ทราบอยู่แล้วนี่เอง ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะจะไม่ส่งผลกระทบต่อกิจการท่องเที่ยวตะวันตกของอังเกนัสหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“…ไม่มีปัญหาใดหรอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“แต่ได้ยินว่า การล่องเรือสำราญอะไรนั่น เหมือนจะมีเสน่ห์มากทีเดียวนะพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างตะวันออกเองก็มีสภาพภูมิอากาศอบอุ่นตลอดปี เหมาะจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยิ่ง”
“เจ้าตระกูลเซอเชาว์”
เจ้านี่คิดที่จะยั่วโทสะนางหรือยังไงกัน!ราวีนี่ตั้งใจจะระเบิดโทสะออกไปด้วยความโกรธ แต่ก็ต้องปิดปากแน่นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดถัดมาของชานตั้น เซอเชาว์
“ยังคงรักษาสัญญาวันจ่ายเงินได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”
“เรื่องนั้น…” ตอนนี้อังเกนัสกำลังติดหนี้สินเซอเชาว์จำนวนมหาศาล
โทสะเริ่มเบาบางลง สติก็เริ่มกลับคืนมา
“หากช่วยเลื่อนวันชำระหนี้ออกไปก่อนได้คงจะดีนะคะ”
ท่าทางดูหน้าด้านเกินกว่าจะเป็นพฤติกรรมของคนที่เป็นฝ่ายขอร้อง แต่จักรพรรดินีก็ยังรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถ้าหากเซอเชาว์ไม่ยอมเลื่อนวันชำระหนี้ออกไปแล้วละก็ ทางอังเกนัสเองก็ไม่มีความสามารถพอจะชำระหนี้ทันที จึงได้แต่ทำแบบนี้อย่างช่วยไม่ได้
“ว่าแล้วเชียว ดูเหมือนกิจการท่องเที่ยวตะวันตกจะได้รับผลกระทบไม่น้อยเลยสินะพ่ะย่ะค่ะ”
ชานตั้น เซอเชาว์พยักหน้าลงก่อนจะพูดประโยคถัดไปทันที
“หากต้องการละก็ ทางกระหม่อมสามารถให้ยืมเงินเพิ่มได้พ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”
ราวีนี่แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองแต่คำพูดประโยคถัดมาของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ดีว่านางไม่ได้ฟังผิดไปจริงๆ
“พวกเราเซอเชาว์เองก็ลงทุนกับกิจการตะวันตกไปมากแล้ว หากจะถอยเอาตอนนี้ มีแต่จะเสียหายหนักยิ่งกว่าพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างถ้าคิดจะแข่งขันกับกิจการเรือสำราญตะวันออก ก็ยังจำเป็นต้องใช้เงินทุนอีกมาก… ไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของราวีนี่ค่อยมีสีเลือดกลับคืนมาบ้าง
“เช่นนั้นก็ถือว่าช่วยเหลือได้มากเลยค่ะ เจ้าตระกูลเซอเชาว์”
ถึงแม้จะรู้สึกตงิดใจอยู่บ้างที่จะต้องติดหนี้ติดสินเพิ่ม แต่คำพูดของชานตั้น เซอเชาว์ก็ถูกอยู่เหมือนกัน
หากหยุดแค่นี้ สิ่งที่เหลือตามมาคงมีเพียงแค่หนี้สินเท่านั้น
ต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง
สำหรับอังเกนัสในตอนนี้ เจ้าตระกูลเซอเชาว์เป็นเพียงแสงสว่างดวงเดียวของพวกนาง
ชานตั้น เซอเชาว์มองสบนัยน์ตาเปล่งประกายของจักรพรรดินีราวีนี่ ก่อนจะเลียบๆ เคียงๆ พูดหยั่งเชิงออกไป
“แต่ครั้งนี้กระหม่อมคงต้องขอหลักทรัพย์ค้ำประกันพ่ะย่ะค่ะ”
“หละหลักทรัพย์ค้ำประกัน?” ที่ผ่านมาอังเกนัสยืมเงินจากเซอเชาว์โดยการลงนามในเอกสารแผ่นเดียว
ก็เหมือนกับใช้เครดิตไปกู้ยืมเงินจากธนาคารนั่นแหละ
“ต่อให้กระหม่อมเป็นเจ้าตระกูล แต่อย่างไรก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนไปแสดงให้คนอื่นๆ ในตระกูลเซอเชาว์เห็นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเชื่อว่าองค์จักรพรรดินีเองก็คงจะเข้าใจฐานะของกระหม่อม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...