เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 4

สรุปบท เล่ม 4 บทที่ 165.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เล่ม 4 บทที่ 165.2 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง เล่ม 4 บทที่ 165.2 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เล่ม 4 บทที่ 165.2

เวลาเดียวกัน

จักรพรรดิโยบาเนสกับจักรพรรดินีราวีนี่ไม่ได้มานั่งพบหน้าพูดคุยกันเช่นนี้เสียนาน

เพราะการนัดหมายครั้งนี้ทำให้โยบาเนสไม่อาจนอนตื่นสายได้ จึงอ้าปากกว้างหาวแล้วหาวอีก

“หาว แล้วมีอะไรถึงได้บอกให้ข้ามาพบล่ะ จักรพรรดินี”

“อย่างที่เคยบอกไปเพคะ การตกลงหมั้นหมายของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเป็นไปด้วยดี พวกเราก็น่าจะร่วมฉลองด้วยกันไม่ใช่หรือเพคะ ฝ่าบาท”

“หมั้นหมาย?”

โยบาเนสขมวดคิ้วแน่น

“หรือที่เคยถามข้าว่า หากผูกสัมพันธ์อาสทาน่ากับบุตรสาวของเบเจอร์ ลอมบาร์เดียจะเป็นเช่นไร”

“เพคะ มารดาของเด็กคนนั้นเองก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของหม่อมฉัน ทางนั้นเองก็ภูมิใจกับการได้เป็นพ่อตาของเจ้าชายแห่งราชวงศ์ด้วย การตกลงหมั้นหมายจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่นดีเพคะ”

“ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องสายรองกับอาสทาน่าหรือนั่น”

“ตามกฎมนเทียรบาลของอาณาจักรแล้ว หากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดห่างชั้นระดับลูกพี่ลูกน้องละก็ สามารถหมั้นหมายแต่งงานกันได้ไม่ใช่หรือเพคะ ปกติก็มีหลายคนที่แต่งงานกันเองระหว่างลูกพี่ลูกน้องอยู่เหมือนกัน”

“แฮ่ม” โยบาเนสกระแอมไอด้วยความไม่สบายใจนัก

“เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่”

การแต่งงานระหว่างตระกูล จำเป็นต้องได้รับคำอนุญาตจากเจ้าตระกูลเป็นคำตัดสินสุดท้าย

และโยบาเรสเองก็รู้จักนิสัยของรูลลักดี ทั้งยังรู้ด้วยว่าคนหัวแข็งนั่นรักในสายเลือดของตัวเองขนาดไหน

จักรพรรดินีราวีนี่เหลือบมองโยบาเนสครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า

“นี่ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เป็นการแต่งงานของเชื้อพระวงศ์นะเพคะ ทุกอย่างสมควรที่จะเป็นไปตามความตั้งใจของฝ่าบาทถึงจะถูกต้อง”

“แต่…”

“การปฏิเสธการหมั้นหมายของราชวงศ์ ต่อให้เป็นลอมบาร์เดียก็ยังเป็นเรื่องที่ข้ามเส้นกันอย่างเห็นได้ชัดเพคะ พวกนั้นไม่ควรที่จะเมินเฉยอำนาจของราชวงศ์กับฝ่าบาท…ไม่ใช่หรือเพคะ ฝ่าบาท”

“ย่อมเป็นเช่นนั้น” โยบาเนสพยักหน้าลง

จักรพรรดินีราวีนี่ลอบยิ้มในใจให้กับภาพที่ได้เห็น ก่อนจะกล่าวเสริมต่ออีกประโยค

“ไหนว่าช่วงนี้เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคัดค้านการพัฒนาเหมืองแร่เหล็กของราชวงศ์ เลยกำลังกลุ้มใจอยู่ไม่ใช่หรือเพคะ”

จักรพรรดิโยบาเนสอยากจะพัฒนาเหมืองแร่เหล็กขนาดใหญ่ในครอบครองของราชวงศ์ เพื่อที่จะได้หาเงินเข้าคลังตัวเองให้เยอะขึ้น

แต่หากทำเช่นนั้น จำนวนสินค้าที่จะปล่อยสู่ตลาดเหล็กที่ในตอนนี้ก็อยู่ในภาวะอิ่มตัวแล้ว ราคาเหล็กก็มีแต่จะตกลงไปมากกว่าเดิมแน่

รูลลัก ลอมบาร์เดียจึงใช้เหตุผลดังกล่าวยืนกรานคัดค้านไม่เห็นด้วยกับแผนการของโยบาเนส

เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียออกตัวขนาดนั้น จำนวนขุนนางที่ลงเสียงโหวตข้างฝ่ายนั้นจึงมีมากพอควร ต่อให้เป็นจักรพรรดิก็ยังไม่อาจเมินเฉยความเห็นพวกนั้นได้

“ถ้าหากราชวงศ์กับลอมบาร์เดียได้เกี่ยวดองกันในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเองก็คงไม่สามารถเอาแต่ยืนกรานคัดค้านไปได้ตลอดหรอกเพคะ”

โยบาเนสเริ่มคล้อยตาม

“หากเป็นบุตรสาวของเบเจอร์ละก็ ถ้าเบเจอร์ได้ขึ้นเป็นเจ้าตระกูลในสักวันหนึ่ง คงจะยิ่งมีประโยชน์ให้ได้ใช้งานด้วย”

“หม่อมฉันดีใจจริงๆ เพคะ ที่ฝ่าบาททรงทราบความตั้งใจจริงของหม่อมฉัน”

จักรพรรดินีราวีนี่แย้มยิ้มงดงาม และช่วยเทเหล้าฤทธิ์ร้อนแรงที่โยบาเนสชอบมากที่สุดลงในแก้วตรงหน้าพระองค์

“ไม่จำเป็นต้องตัดสินใจทันทีตอนนี้หรอกเพคะ พรุ่งนี้ค่อยลองคุยกับเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียดูก็ได้ ฝ่าบาท บางทีอาจจะไม่ได้คัดค้านอะไรอย่างที่พวกเราคิดก็ได้ไม่ใช่หรือเพคะ”

แน่นอนว่ารูลลัก ลอมบาร์เดียจะต้องโมโหจนเดือดพล่านแน่

นางสั่งเซรัลเอาไว้แล้วว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับคนในตระกูลลอมบาร์เดีย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

เจ้าเฒ่าที่ไม่เคยชอบใจในตัวอาสทาน่า ทั้งยังดูถูกเหยียดหยามราชวงศ์คนนั้น เมื่อได้รู้เรื่องการหมั้นหมายอย่างกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัวคราวนี้แล้ว จะมีปฏิกิริยาแบบไหนให้เห็น มันก็ชัดเจนกันอยู่แล้วนั่นแหละ

และการแสดงออกของเฒ่าลอมบาร์เดียก็จะต้องส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีเย่อหยิ่งของโยบาเนสอย่างแน่นอน

จักรพรรดินีราวีนี่ลอบยิ้มอย่างมีเลศนัย

* * *

กริ๊ง

“ท่านชายรูมันอยู่คนเดียวบนระเบียงชั้น 3 ครับ สีหน้าอย่างกับจะกระโดดลงไปได้ทุกเมื่อ ข้าเองก็อยากจะให้ไปนั่งที่อื่นอยู่หรอก แต่ดูเหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ ก็เลยให้เขาไปตรงนั้นแทนน่ะครับ”

“เหรอคะ”

ดีเลย

เธอกุมกระโปรงชุดเดรสแน่นจนยับย่น แล้วเอ่ยในขณะที่ก้าวขึ้นไปบนบันไดอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป อย่าให้ใครขึ้นมาบนระเบียงชั้น 3 นะคะ”

“ทราบแล้วครับ”

หันไปจ้องเบ๊ตที่แอบพูด ‘โธ่ๆ จุ๊จุ๊’ เป็นการทิ้งท้ายหนึ่งครั้ง ก่อนจะมุ่งหน้าเดินขึ้นไปบนชั้น 3

ที่นั่นไม่มีคนอื่นอยู่เลยสักคนอาบีน็อกซ์อยู่ริมระเบียงอย่างที่เบ๊ตบอกเมื่อครู่

หนังสือคำกลอนที่เป็นหัวข้อสนทนาในสโมสรการอ่านถูกโยนทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างไม่สนใจไยดีเอาแต่ถอนหายใจไม่หยุด ท่าทางยามเงยหน้าขึ้นเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอยนั่น ไม่ต่างอะไรจากหมาหงอยเลยสักนิด

แต่นัยน์ตาของเธอตอนนี้ไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอกนะ

เธอก้าวไปยังริมระเบียงแล้วปิดประตูลงทันที

แกรกเสียงที่ดังขึ้นทำให้อาบีน็อกซ์เหลียวหลังหันกลับมามอง หลังจากเห็นว่าเป็นเธอ เขาก็เบิกตากว้าง

และหนังสือที่ถือไว้ในมือของเธอก็ฟาดออกไปอย่างแรง

พลั่ก!อาบีน็อกซ์สะดุ้งเมื่อถูกตบด้วยหนังสือเข้าอย่างจัง

“ทะ ท่านฟีเรนเทีย…”

“ก็เพราะแบบนี้ไง ก็น่าจะขอหมั้นหมายกันตั้งแต่แรกสิ!ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าให้แสดงออกให้มันชัดเจนน่ะ!”

ยิ่งได้เห็นใบหน้าอ่อนโยนกับผมสีบลอนด์แพลทินัมส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์แบบนี้แล้ว มันทำให้เธอรู้สึกได้ว่าอาบีน็อกซ์เหมาะสมกับลาลาเน่ขนาดไหน จนยิ่งรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม

“รับผิดชอบด้วยค่ะ!”

“…ครับ”

“รับผิดชอบลาลาเน่ของข้าด้วย!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]