เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 5

สรุปบท เล่ม 5 บทที่ 175.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอน เล่ม 5 บทที่ 175.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

เล่ม 5 บทที่ 175.2 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เล่ม 5 บทที่ 175.2

ขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย

รูลลัก ลอมบาร์เดีย กำลังประชุมอยู่กับหัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียอย่างโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด และชานาเนสผู้เป็นบุตรสาว

“ในที่สุดก็ถึงเวลาแล้วสินะ”

รูลลักพูดพลางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับกำลังจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้น

“ข้านึกว่าจะต้องรอไปอีกทั้งชีวิตเสียแล้ว กว่าวันนี้จะมาถึงได้เสียที”

“ท่านพ่อ”

ชานาเนสส่ายหน้าไปมา แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามบิดาแต่อย่างใด

เพราะมันเป็นวันที่นางเองก็เฝ้ารอด้วยความอดทนมานานเหมือนกัน

“ว่ามาอีกรอบซิ โรมาเชียร์”

“ครับ ท่านเจ้าตระกูล”

โรมาเชียร์ ดิลลาร์ด กระแอมไอในลำคอหนึ่งครั้ง ก่อนจะเริ่มร่ายเนื้อหาในกระดาษรายงานที่ถือไว้ในมือ

“ผลที่ได้จากการตรวจสอบ นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้สินแร่เหล็กของกลุ่มการค้าเรดจะถูกปล่อยสู่ตลาดครับ ส่วนยอดเงินที่ทางกลุ่มการค้าเรดลงทุนไป เพื่อที่จะขุดเจาะแร่เหล็กจนถึงตอนนี้…”

ยิ่งรายงานของโรมาเชียร์ร่ายยาวต่อไปเท่าไหร่ รอยยิ้มของรูลลักก็ยิ่งเหี้ยมเกรียมมากขึ้นเท่านั้น

“โง่เขลานัก”

รูลลักรู้สึกว่าที่ผ่านมาเขาคงประเมินโยบาเนสสูงเกินไปเสียแล้ว

“ไอ้นิสัยที่พอเริ่มโลภอยากได้ของสิ่งหนึ่ง ก็จะหน้ามืดตามัวลุ่มหลงเสียจนมองไม่เห็นสิ่งอื่นนี่ ตอนนี้ก็ยังคงแก้มันไม่ได้อยู่ดีสินะ หึ”

“โลภมากมาตั้งแต่สมัยยังเยาว์วัยแล้วนี่คะ”

พอนึกถึงจักรพรรดิโยบาเนสสมัยที่ยังเป็นเด็กขึ้นมา ชานาเนสก็ดื่มชาอุ่นร้อนลงลำคอ เพื่อปลอบอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเอง

“เตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ชานาเนส”

“ค่ะ แค่สั่งการมาก็เริ่มได้ทันทีค่ะ”

ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์และลอมบาร์เดียได้กลับมาเป็นปกติเสียส่วนมาก

มองจากภายนอกอาจจะดูเป็นเช่นนั้น

กลุ่มการค้าลอมบาร์เดียเองก็กลับมาเปิดกิจการในเมืองหลวงเหมือนเดิม กิจการคมนาคมลอมบาร์เดียเองก็กลับมาเปิดให้บริการใหม่อีกครั้ง

จักรพรรดิโยบาเนสเองก็วางใจจนเผอเรอ

ส่วนพวกอังเกนัสก็เก็บเนื้อเก็บตัวกันเงียบกริบ เพราะการหมั้นหมายของเทียกับเจ้าชายลำดับที่สอง

กระทั่งจักรพรรดินีผู้แสนจะชอบเสนอหน้าไปทั่ว ช่วงนี้ก็ยังเงียบไม่ไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ อย่างที่เคย

“คงจะผ่อนคลายเพราะคิดว่าทุกอย่างจะกลับไปเป็นปกติเหมือนแต่ก่อนสินะ”

จักรพรรดิเอาแต่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปจำนวนค่อนข้างมากกับการขุดเจาะเหมืองแร่

ไม่ใช่ทรัพย์สินของราชวงศ์ แต่โยบาเนสผู้ก่อตั้งกลุ่มการค้าเรดขึ้นมานั้น ได้ทุ่มเทเงินทองกว่าครึ่งจากทรัพย์สินส่วนตัวไปกับมัน

เพราะอย่างไรตลาดเหมืองแร่ที่คงเสถียรภาพอยู่แล้วนั้น ย่อมเป็นแหล่งทรัพยากรที่เหมาะกับการหาเงินเข้ากระเป๋าอย่างสม่ำเสมอ

คงจะคิดโง่ๆ แค่ว่า จะเอากำไรมาลบต้นทุนที่ลงทุนไปในขั้นตอนขุดเจาะง่ายๆ นั่นแหละ

รูลลักแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะออกคำสั่งแก่ชานาเนสกับโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด

“ปล่อยสินแร่เหล็กสู่ตลาด”

“ค่ะ”

“ทราบแล้วครับ ท่านเจ้าตระกูล”

เพียงแค่คำสั่งเดียวจากรูลลัก ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป สินแร่เหล็กปริมาณมากมายมหาศาลจะถูกปล่อยเข้าสู่ตลาดในทันที

ถ้าเป็นเช่นนั้นราคาของสินแร่เหล็กก็จะลดต่ำลงโดยธรรมชาติตามกฎอุปสงค์อุปทาน

“ข้าจะทำให้มันไม่สามารถหาเงินจากสินแร่เหล็กได้แม้แต่เหรียญเดียว”

เขาตั้งใจว่าจะย้อนศรเงินที่ทุ่มเทไปกับค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ให้กลายเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่โยบาเนสผู้แสนดื้อรั้น

แน่นอนว่าสำหรับกลุ่มการค้าเรดมันอาจจะเป็นเงินจำนวนมากมหาศาล แต่สำหรับลอมบาร์เดียแล้วความเสียหายพวกนั้นมันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วมาก

อีกอย่าง สินแร่เหล็กราคาถูกพวกนั้น ทางกลุ่มเหมืองแร่ลอมบาร์เดียเองก็วางแผนเอาไว้ว่าจะจัดการช้อนซื้อมันอย่างแข็งขันในราคาต่ำที่สุดอยู่แล้ว

เมื่อถึงเวลาที่ตลาดกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมอีกครั้ง สินแร่เหล็กของกลุ่มการค้าเรดทั้งหมดก็จะกลายเป็นของลอมบาร์เดีย

รูลลักเอ่ยพูดกับชานาเนสเป็นอย่างสุดท้าย

“เรื่องที่ตระกูลลอมบาร์เดียของพวกเราจะปล่อยสินแร่เหล็กสู่ตลาดนั่น จงทำอย่างเอิกเกริกให้มั่นใจได้ว่ามันจะถูกลือจนไปถึงหูของโยบาเนสด้วยล่ะ ชานาเนส”

เธอคิดแบบนั้นในขณะที่เดินทางกลับคฤหาสน์

แน่นอนไม่ลืมที่จะฮัมเพลงด้วยความอารมณ์ดีไปด้วย

แต่ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถม้า ทัศนียภาพน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

เหล่าลูกจ้างร่างกายกำยำของลอมบาร์เดียทั้งหมดต่างก็กำลังขนย้ายข้าวของกันอย่างยุ่งวุ่นวาย

มันเป็นพวกเครื่องเรือนอย่างโต๊ะและเก้าอี้

“ใครจะย้ายที่อยู่เหรอนั่น”

ในระหว่างที่เธอพึมพำด้วยความสงสัยอยู่อย่างนั้น เสียงตะโกนดังลั่นก็ดังมาจากทางคฤหาสน์หลัก

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! กล้าดียังไงมาขนย้ายข้าวของโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า! โยฮัน! พ่อบ้านโยฮัน!”

มองไปเห็นเบเจอร์กำลังตะเบ็งเสียงเรียกตัวโยฮัน พ่อบ้านประจำตระกูลลอมบาร์เดียจนเส้นเลือดปูนโปนขึ้นบนลำคอ

ว่าแล้วเชียว

โยฮันปรากฏตัวขึ้นก่อนจะถูกเรียกชื่อไปหลายครั้งมากกว่านี้ เขาเดินเข้ามาประกาศแจ้งข่าวแก่เบเจอร์ด้วยใบหน้านิ่งสงบ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่พักของท่านเบเจอร์กับท่านเซรัลจะถูกย้ายจากคฤหาสน์หลักไปยังเรือนเล็กหลังอื่นทางด้านหลังครับ นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากท่านเจ้าตระกูล”

“อะ…อะไรกัน”

ใบหน้าของเบเจอร์ซีดเผือดจนไร้สีเลือด

เรือนเล็กที่ว่านั่นมันเป็นสถานที่เอาไว้ใช้รับรองเวลามีแขกมาเยือนลอมบาร์เดีย

พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขากำลังปฏิบัติต่อเบเจอร์กับเซรัลเหมือนเป็นแค่คนนอกเท่านั้น

“ขะ…ข้าจะไปพบท่านพ่อ! ตอนนี้ท่านพ่ออยู่ที่ไหน!”

“คิดว่าพบข้าแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างนั้นหรือ”

ท่านปู่เดินลงมาจากด้านบนของคฤหาสน์หลัก ท่านเอ่ยพูดเสียงเรียบ เมินเฉยบรรดาข้าวของที่เหล่าข้ารับใช้กำลังขนย้ายกันอยู่

“โอกาสนี้มาจบเรื่องทั้งหมดกันเสียทีก็ไม่เลวนัก”

ท่านปู่เดินเข้าไปหาเบเจอร์ ก่อนจะประกาศก้องเสียงดัง

“นับแต่นี้เป็นต้นไป เบเจอร์ เจ้าจะถูกยึดคืนอำนาจและสิทธิทุกอย่างในฐานะลอมบาร์เดีย เงินค่าใช้จ่ายรายเดือนที่เคยมอบให้ตามฐานะเองก็จะไม่มีให้อีกต่อไปเช่นกัน แน่นอนว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องไปทำงานที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลอมบาร์เดียอีกต่อไป”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]