เล่ม 5 บทที่ 177.2
ต่อสู้กับจักรพรรดินีผู้เป็นมารดาของหมอนี่ก็พอจะได้รสชาติอยู่หรอก แต่อาสทาน่านั้นถือเป็นอีกเรื่อง
เป็นแค่คู่แข่งเกรดต่ำคนละชั้นที่ไม่อาจช่วยดับไฟที่ลุกโชนด้วยเพราะความต้องการเอาชนะในใจเขาได้เลยแม้แต่น้อย
ตึก ตึก
เฟเรสขยับก้าวเข้าไปใกล้อีกหนึ่งก้าว
และเอ่ยพูดขึ้นในขณะที่กดสายตามองเหยียดลงต่ำ
“การที่คนอย่างเจ้ามีสายเลือดเดียวกันกับข้าอยู่ครึ่งหนึ่ง เจ้านั่นแหละที่ควรจะรู้สึกขอบคุณ อาสทาน่า”
“หน็อย”
อาสทาน่าโดนจิตสังหารของเฟเรสกดดันเสียจนไม่อาจเปล่งเสียงพูดออกมาจากลำคอได้
เฟเรสยิ้มเยาะสภาพน่าสมเพชของอาสทาน่า ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ
“โกรธหรือ”
“ขะ…ข้าเป็นโอรสองค์โต…เป็นโอรสที่ถูกต้องตามกฎหมายของอาณาจักรแลมบลู…”
“ชู่ว”
เฟเรสยกนิ้วชี้ขึ้นแนบริมฝีปากของตัวเอง
ถ้าอาสทาน่ายังพูดพล่ามต่อไปเรื่อยๆ บางทีเขาอาจจะเผลอลงมือฆ่าหมอนี่ทิ้งเสียที่นี่เลยจริงๆ ก็เป็นได้
โล่งอกที่อาสทาน่ายอมเชื่อฟังคำของเฟเรสแต่โดยดี
เฟเรสยกยิ้มด้วยความพอใจ เขาเอ่ยพูดเสียงเรียบ
“ถ้าเจ้ามีดีขนาดนั้นจริงๆ ถ้าเจ้าอยากจะเอาชนะข้าให้ได้ ก็เข้าร่วมการแข่งขันล่าสัตว์ในเขตแดนลอมบาร์เดียเดือนหน้าสิ”
นัยน์ตาสีน้ำเงินของอาสทาน่าสั่นระริก
นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสสะท้อนภาพเจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่กำลังใช้หัวสมองทึบๆ ของตัวเองครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน
การแข่งล่าสัตว์ที่ทางเขตแดนลอมบาร์เดียจัดขึ้นทุกกลางฤดูใบไม้ร่วง เรียกได้ว่าเป็นงานเทศกาลที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของอาณาจักร
เพราะฉะนั้นคนที่มาร่วมแข่งขันจึงมีจำนวนมาก หากชนะก็จะได้รับเกียรติยศอันสูงส่ง
และที่สำคัญที่สุดก็คือ มันเป็นลานล่าสัตว์ที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตาจนที่อื่นเทียบไม่ติด
อธิบายง่ายๆ ก็คือ เป็นสถานที่ที่ง่ายต่อการหลอกลวงคนอื่นเป็นอย่างยิ่ง
เพียงแค่ให้คนที่คอยช่วยเหลืออาสทาน่าไปลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันก็พอแล้ว จากนั้นก็ให้แต่ละคนแอบเอาเหยื่อที่ล่ามาได้มามอบให้แก่อาสทาน่า
นัยน์ตาของอาสทาน่าที่ทราบความจริงเรื่องนั้นดีจึงส่องประกายวาววับด้วยความหวัง
เฟเรสลอบมองท่าทางของอีกฝ่ายได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็จงใจพูดเสริมเหมือนคนไม่รู้เรื่องราวใดๆ
“หากเป็นการแข่งขันนั้นที่ต้องลงแข่งคนเดียว เจ้ากับข้าก็คงจะได้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาแข่งขันกันได้”
“ชะ…ใช่แล้ว!จริงด้วย! ทันทีที่กลับไปถึงพระราชวัง ข้าจะส่งใบสมัครเข้าร่วมงานทันที เจ้าเองก็อย่าหนีก็แล้วกัน!”
เพียงครู่เดียวอาสทาน่าก็ตะโกนโต้ตอบกลับไปอย่างเย่อหยิ่ง
ท่าทียโสโอหังน่ารังเกียจที่แสดงออกมาให้เห็นทันทีที่มีรูให้มุดหนีอย่างขลาดเขลา ทำให้อารมณ์ของเฟเรสเริ่มขุ่นมัว
เขาชักจะเริ่มเข้าใจแล้วสิว่า เพราะเหตุใดเทียถึงได้มักจะเรียกเจ้านั่นว่า ‘เจ้าโง่งม’ อยู่บ่อยๆ
เฟเรสส่ายหน้า หมุนตัวหันหลังเดินจากไป แต่อาสทาน่าก็ยังเอาแต่ตะโกนเสียงดังปาวๆ ไล่ตามหลังเขาไม่หยุด
“ในงานแข่งล่าสัตว์ครั้งหน้าข้าจะทำให้จมูกโด่งนั่นแบนราบไปเลย! วะฮ่าฮ่า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“วะฮ่าฮ่าฮ่า!”
พวกชนชั้นสูงคนอื่นๆ เองก็พากันระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่นราวกับร้องเพลงประสานเสียง
สติลลีย์เดินตามหลังเฟเรสกลับไปยังที่พักของพวกเขา เด็กหนุ่มเดินขึ้นมาอยู่ข้างกายเฟเรส ก่อนจะกระซิบเสียงเบา
“นี่ เจ้าชาย”
“มีอะไร สติลลีย์”
“เจ้านั่นมันเป็นพี่น้องร่วมบิดากับเจ้าชายจริงๆ เหรอ”
“…”
เฟเรสขมวดคิ้วแน่นไม่พูดอะไร
สติลลีย์เหลียวหลังกลับไปมองอาสทาน่าอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อ
“คนอย่างเจ้านั่นน่ะ แค่แอบใช้เข็มจิ้มให้ม้าตกใจ ทำให้มันตกลงมาจากหลังม้าจนกลายเป็นตายด้วยอุบัติเหตุ ก็คงไม่มีใครคิดว่าแปลกอะไรด้วยซ้ำมั้งนั่น”
“ใช่ๆ พวกโง่ทั้งหลายนั่นก็คงแค่คิดว่าไอ้โง่นั่นมันทำเรื่องโง่ๆ ถึงได้ตายแบบนั้นนั่นแหละ เป็นธรรมชาติสุดๆ เอาไงดี”
“หรือไม่ก็ให้ยิงลูกศรพิษใส่เท้าตัวเองตายก็ไม่เลวนะ”
“เฮ้ย แบบนั้นก็ดีนะเว้ย!”
สติลลีย์กับเทดโร่วหัวเราะคิกคักไม่หยุด ในขณะที่เริ่มร่ายฉากอุบัติเหตุที่พอจะจัดฉากได้กันต่อ
จนกระทั่งริกนีเต้ที่พอจะอ่านความรู้สึกไม่สบายใจของเฟเรสได้ ฟาดเข้ากลางแผ่นหลังของทั้งคู่นั่นแหละ ถึงได้ยอมหยุดพูด
สุดท้ายจนกระทั่งเฟเรสเดินกลับมาถึงห้องพัก ก็ไม่มีใครสนทนาอะไรกันอีกแม้แต่ประโยคเดียว
และเมื่อภายในห้องเหลือแค่พวกเขาสี่คน เฟเรสจึงค่อยเปิดปากพูดขึ้น
“การจะลงมือจัดการอาสทาน่าทันทีตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาก็จะยังเหลืออยู่เหมือนเดิม”
ปัญหาที่ว่านั่นหมายถึงจักรพรรดินีนั่นเอง
คนที่เขาต้องการแก้แค้นตัวจริง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงเป็นจักรพรรดินีคนนั้น
“ต้องลากมันลงไปพร้อมกัน”
เฟเรสเอ่ยปากในขณะที่ปลายนิ้วหยาบกร้านก็ขยับคลายปมผ้าคลุมออกไปด้วย
“จะปล่อยให้ตายสบายแบบนั้นได้ยังไงกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...