เล่ม 5 บทที่ 190.2
ชานตั้น เซอเชาว์ เมินเฉยไม่สนใจ แล้วหันไปหยิบผ้าพันแผลขึ้นมาพันบาดแผลบริเวณต้นขาเอาไว้แทน
พอเห็นแบบนั้นอีกฝ่ายก็ยิ่งโมโหเดือด นักฆ่าเดินเข้าไปใกล้ชานตั้นอีกก้าว ในขณะเดียวกันก็ตำหนิเสียงดัง
“มีโอกาสอยู่เห็นๆ แต่พอจะลงมือสังหารเจ้าชายเข้าจริงๆ ก็กลับขี้ขลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น หรือว่าประสาทสัมผัสจะด้อยลงไปมากเสียจนไม่อาจสังเกตเห็นโอกาสที่ว่านั่น…”
แต่มือสังหารกลับไม่อาจพูดได้จนจบประโยค
ครืนนนน
เพราะปลายดาบห่อหุ้มไปด้วยออร่าสีน้ำเงินได้จ่อเข้าที่ปลายคางของตนเสียแล้ว
“เจ้า”
ชานตั้น เซอเชาว์ ถลึงตาจ้องมือสังหารเขม็ง
“ทำไมถึงได้ใช้ยาพิษ”
“…”
มือสังหารรู้สึกได้ถึงจิตสังหารรุนแรงจนขนลุกชันด้วยความหวาดกลัวจากสายตาเย็นยะเยือกที่ส่องประกายอำมหิตผ่านเรือนผมยุ่งเหยิงปรกลงมาไม่เป็นทรงนั่น
“มีโอกาสอย่างนั้นหรือ”
ชานตั้น เซอเชาว์ กรอกเหล้าเทใส่ปากอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงแหบแห้ง
“ว่ามาสิ มีโอกาสตอนไหนกัน”
“ตะ…ตอนที่เจ้าชายพยายามปกป้องนังนั่น…”
“เหอะ”
เจ้าตระกูลเซอเชาว์หัวเราะเย้ยหยันด้วยความสมเพช
ปลายนิ้วเสยผมที่ปรกลงมาข้างหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ เลือดสีแดงเข้มที่เลอะเปรอะฝ่ามือใหญ่จึงพานทำให้ทั่วใบหน้าเลอะไปด้วยเลือด
“ตอนนั้นหากแกว่งดาบฟาดลงไป คงเป็นมือข้าที่จะถูกฟันขาด”
ชานตั้นเอ่ยพูดคล้ายเสียงคำรามต่ำ ขณะที่หันหน้าไปจ้องมือสังหารเขม็งอีกครั้ง
“ดูท่าเจ้าจะจับความรู้สึกไม่ได้เลยสินะ ว่าเจ้าชายลำดับที่สองเก่งกาจแค่ไหน”
ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้มีแค่เฉพาะต้นขาที่ถูกฟันด้วยออร่าเพียงอย่างเดียว
“ตอนนี้ข้ายังเจ็บร้าวไปถึงกระดูกอยู่เลยด้วยซ้ำ”
ชานตั้น เซอเชาว์ พึมพำเสียงแผ่ว เขาลองกำและแบมือข้างขวาที่ประดาบกับเจ้าชายลำดับที่สองอยู่หลายครั้ง
และพันผ้าพันแผลให้แน่นพลางเอ่ยพูด
“เจ้าไปบอกองค์จักรพรรดินีเสียว่าข้าชานตั้น เซอเชาว์ ได้ทำตามสัญญาแล้ว”
ไอ้สัญญาเฮงซวยนั่น
ชานตั้นกัดฟันกรอด
จักรพรรดินีราวีนีเป็นผู้หญิงที่มีเซนส์ไวดีจนน่าประหลาดใจจริงๆ
เพราะอย่างนั้นตอนนี้เขาถึงได้มีสภาพเละเทะจนดูไม่ได้แบบนี้
หน้ากากที่เคยใช้ปิดบังใบหน้าด้วยความขี้ขลาดกลิ้งตกอยู่บนพื้น
ชานตั้น เซอเชาว์ กระดกเหล้าลงคอ ความรู้สึกคลื่นเหียนด้วยความรังเกียจก็พลุ่งพล่านตีกลับขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหันไปเห็นหน้ากากอันนั้น
“คำสั่งขององค์จักรพรรดินีคือสังหารเจ้าชายลำดับที่สองให้สิ้น แต่นี่กลับล้มเหลว…”
ฟิ้ว
จู่ๆ สายลมก็พัดแรงอย่างกะทันหันจนทำให้หน้ากากของนักฆ่าหลุดร่วงหล่นจากใบหน้า
“อึก…”
นั่นไม่ใช่สายลมทั่วไป
ภายในห้องสี่เหลี่ยมมิดชิดแห่งนี้ จะไปมีสายลมพัดแรงแบบนั้นได้ยังไงกัน
สายลมนั่นคือมานาของเจ้าตระกูลเซอเชาว์ที่พัดกระหน่ำกดทับกายของนักฆ่าเอาไว้อย่างหนักหน่วงต่างหากล่ะ
แรงกดดันที่กดทับร่างกายนั่น มันบีบรัดกระดูกซี่โครงของนักฆ่าจนทำให้แทบกระอักเลือด
“ไสหัวไปก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า”
ชานตั้น เซอเชาว์ เอ่ยพูดพลางปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง
“กะ…กรอด…”
สุดท้ายนักฆ่าก็ถลาถอยไปอย่างทุลักทุเล แล้ววิ่งแจ้นหนีออกไปจากห้อง
ชานตั้น เซอเชาว์ มองตามแผ่นหลังน่าสมเพชนั่นไปจนลับสายตา ก่อนจะเก็บพลังมานากลับคืนไป
“เฮ้อ”
เขาถอนหายใจหนักอึ้ง
และในตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็มองเห็นสภาพของตัวเองสะท้อนจากกระจกที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้องนอน
จึ๊ก!
ดาบของเจ้าตระกูลเซอเชาว์บินพุ่งตรงไปปักอยู่กลางกระจกอย่างแม่นยำ
เพราะฝืนออกแรง เลือดที่ขาจึงไหลทะลักออกมาอีกครั้ง
แต่ชานตั้น เซอเชาว์ ก็ยังคงเอาแต่นั่งนิ่งอยู่ในห้องมืดมิด เหม่อมองสภาพของตัวเองในกระจกแตกร้าวอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน
* * *
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...