เล่ม 5 บทที่ 192.1
ตอนที่ 192
คำว่าผู้สืบทอดทำให้บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาพูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่ด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านเจ้าตระกูล เรื่องนั้นยัง…”
“จะบอกว่าเร็วเกินไปงั้นหรือ”
รูลลักถามกลับยิ้มๆ
“ข้าเองก็ถึงเวลาต้องพักได้แล้วมิใช่หรือ นี่กระมังที่คนเขาว่าสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาต่างก็มีสีหน้าหม่นหมอง
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ยังถือว่าหนุ่มอยู่บ้างเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ยิ่งแล้วใหญ่
เนื่องจากเจ้าตระกูลที่พวกเขารู้จักมาตั้งแต่เกิดมีเพียงแค่รูลลักผู้เดียว จึงไม่อาจจินตนาการภาพบุคคลอื่นที่ไม่ใช่รูลลักขึ้นมานั่งดำรงตำแหน่งเจ้าตระกูลได้เลย
ทั่วห้องประชุมจึงตกอยู่ในความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วน
“พวกเจ้านี่นะ ข้าบอกหรือว่าจะลงจากตำแหน่งตอนนี้ ทำไมถึงได้ทำท่าจะเป็นจะตายกันแบบนั้นเล่า”
รูลลักหัวเราะหยอกเย้า
“เอาละๆ เช่นนั้นก็เสนอความเห็นกันตามสบายเถอะ ข้าควรจะเชื่อใจและส่งมอบตระกูลต่อให้ผู้ใด”
และความเงียบแบบอื่นก็เข้าครอบงำไปทั่วห้องอีกครั้ง
ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
ในตอนนั้นเอง เจ้าตระกูลเฮย์ลิ่งเป็นคนแรกที่กล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ท่านชานาเนสเป็นเช่นไรครับ”
ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ที่ผ่านมาก็ได้ดำรงตำแหน่งรักษาการณ์เจ้าตระกูล ลงมือทำงานด้วยตัวเองในหลายๆ ด้านไม่ใช่หรือครับ นั่นก็ไม่ต่างอันใดจากการได้พิสูจน์ความสามารถให้ประจักษ์แจ้งแล้ว ข้าคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด”
“อืมมมม คนอื่นๆ เองก็คิดแบบนี้เหมือนกันหรือ”
คราวนี้เป็นเจ้าตระกูลกรีนิค ผู้ดูแลจัดการที่ดินเป็นคนตอบคำถามรูลลัก
“ข้าเคยมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับท่านชานาเนสมาก่อนครับ อันที่จริงทุกครั้งก็รู้สึกได้เลยว่าคล่องแคล่วมากจนไม่จำเป็นต้องให้เวลาได้ทดลองฝีมือกันเลย ราวกับข้ากำลังทำงานอยู่กับท่านเจ้าตระกูลเลยละครับ”
“ใช่แล้วละครับ อีกอย่าง ความสามารถในการจัดการเหตุวิกฤตต่างๆ ของท่านชานาเนสเองก็ไม่มีผู้ใดเทียบได้ด้วย”
เจ้าตระกูลทลทาร์ ผู้บริหารจัดการดูแลกิจการเหมืองแร่เสนอตัวเห็นด้วย
ในตอนนั้นเอง เจ้าตระกูลเบรย์ ผู้รับผิดชอบธนาคารลอมบาร์เดียก็เปิดปากพูดขึ้นบ้าง
“ข้าคิดว่าท่านแคลอฮันก็น่าจะเหมาะนะครับ”
“โอ้”
รูลลักเลิกคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินนามอื่นดังขึ้นบ้าง
“เหตุผลใดกัน”
“ท่านแคลอฮันเป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านพัฒนาและบริหารจัดการเขตแดนอยู่ก่อนแล้วนี่ครับ ท่านเจ้าตระกูล”
“ก็จริง เชซายูพัฒนาขึ้นมากในระยะเวลาสั้นๆ เลยทีเดียว”
“ครับ ขนาดคนที่ดูแลด้านการเงินโดยตรงอย่างข้ายังรู้สึกประหลาดใจเลยละครับ ท่านแคลอฮันมีความเข้าใจในเรื่องธุรกิจและการเงินสูงมาก”
ยิ่งเป็นคำพูดของเจ้าตระกูลเบรย์ผู้ตระหนี่ในเรื่องเงินทองแล้ว ยิ่งสร้างน้ำหนักให้แก่ความเห็นของเขาได้มากยิ่งขึ้น
“เรื่องนั้นท่านแคลอฮันเองก็ยอดเยี่ยมมากเหมือนกันนะครับ”
“ใช่แล้วละครับ แถมถ้าโยกย้ายเชซายูให้กลายมาเป็นเขตแดนของลอมบาร์เดียได้ด้วยละก็ คงสามารถเล็งเห็นถึงผลสำเร็จที่จะตามมาทางด้านการค้าเลยไม่ใช่หรือครับ คิดเห็นเช่นไรครับ เจ้าตระกูลดิลลาร์ด”
สายตาของทุกคนมองจ้องตรงไปยังโรมาเชียร์ ดิลลาร์ด หัวหน้ากลุ่มการค้าลอมบาร์เดียกันอย่างพร้อมเพรียง
รูลลักเองก็เช่นกัน
“ข้า…”
โรมาเชียร์ ดิลลาร์ด ตอบเสียงเรียบ
“ข้าคิดว่าทั้งท่านชานาเนส ทั้งท่านแคลอฮันต่างก็ต้องเป็นตัวเลือกผู้สืบทอดที่ดีได้แน่นอนครับ แต่คิดว่านั่นยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
“หมายความว่ายังไงกัน”
เจ้าตระกูลทลทาร์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความตกใจ
“ยังมีตัวเลือกอื่นนอกจากท่านชานาเนสกับท่านแคลอฮันอีกหรือไงกัน ไม่สิ เจ้าตระกูลดิลลาร์ด เจ้าคงจะไม่…”
ไม่ได้พูดถึงท่านเบเจอร์หรอกใช่มั้ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...