เล่ม 5 บทที่ 192.2
“เจ้าชาย ยังเร็วเกินไปที่จะเดินทางกลับพระราชวังนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ริกนีเต้ตะโกนเสียงดังด้วยความผิดหวัง
หลังจากได้ยินข่าวว่าเฟเรสเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เขาก็รีบพาเทดโร่วกับสติลลีย์พุ่งตรงมายังคฤหาสน์ลอมบาร์เดียทันที
แต่ทันทีที่เดินทางมาถึง สิ่งที่พบตรงหน้ากลับกลายเป็นเฟเรสที่ดื้อรั้นเอาแต่จะกลับพระราชวังให้ได้ ทั้งๆ ที่ยังขยับกายเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่ว่าทั้งโลกรู้เรื่องที่จักรพรรดินีพยายามจะสังหารเจ้าชายเสียหน่อย แบบนี้กลับวังไปก็ไม่มีทางได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมจากแพทย์หลวงอยู่แล้ว คิดจะทำอะไรทั้งๆ ที่ร่างกายยังมีสภาพแบบนี้กันฮะ!”
สติลลีย์เองก็ขึ้นเสียงดังด้วยความโมโห แต่เฟเรสก็ไม่คิดที่จะสนใจอยู่ดี
“ไปเอาดาบข้ามา เทดโร่ว”
“คราวนี้ข้าเองก็คิดเหมือนกับสองคนนั่นนะ เจ้ายังต้องพักฟื้นร่างกายอยู่ที่ลอมบาร์เดียต่อ”
“ใช่แล้ว แค่เดินให้ตรงทางยังทำไม่ได้เลย!”
ริกนีเต้ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ท่าทางอ่อนแอแบบนี้ของเฟเรส ทำให้ทั้งสามคนได้แต่เดินเข้ามาใกล้ด้วยความตกตะลึง
เพราะถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเคยโดนลอบสังหารอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เฟเรสได้รับบาดเจ็บหนักถึงขนาดนี้
“แถมยังถูกพิษด้วย! ยังไงแพทย์ตระกูลลอมบาร์เดียก็มีความสามารถสูงส่งพอตัว อยู่พักรักษาตัวที่นี่ต่ออีกสักวันสองวันแล้วค่อยกลับเถอะ เจ้าชาย!”
แต่เฟเรสกลับเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธ
สุดท้ายริกนีเต้จึงตวาดเสียงดังลั่น
“งั้นก็บอกเหตุผลมาสิ! มีเหตุผลอะไรกัน จู่ๆ ถึงได้ดึงดันจะกลับวังแบบนี้ ตอนแรกที่บอกจะมาคฤหาสน์ลอมบาร์เดียยังเอาแต่รั้นจะมาให้ได้ ทำอย่างกับจะมาสร้างบ้านอยู่ที่นี่ถาวรแท้ๆ!”
“เพราะเทียน่ะ”
เฟเรสที่นั่งอยู่บนเตียงเอ่ยตอบในขณะที่ฝืนจับเสาพยุงกายลุกขึ้นยืน
“จะดึงเทียเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของข้าไม่ได้”
อา เห็นว่าเรื่องคราวนี้คุณหนูตระกูลลอมบาร์เดียเองก็อยู่ด้วยตอนเกิดเรื่องสินะ
ตอนนี้เองถึงค่อยเข้าใจท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันไม่มีปี่มีขลุ่ยของเฟเรสขึ้นมาได้บ้าง
ก็สำหรับเฟเรสแล้ว คุณหนูลอมบาร์เดียเป็นคนสำคัญมากเหนือสิ่งอื่นใดนี่นะ
“ข้าคิดน้อยเกินไป ข้าควรจะกำจัดจักรพรรดินีก่อนเป็นคนแรก”
นัยน์ตาสีแดงของเฟเรสส่องประกายอำมหิตขึ้นมา
ไม่เพียงแค่ส่งเจ้าตระกูลเซอเชาว์มาลอบสังหารเขาเท่านั้น ยังถึงกับใช้พิษร้ายตั้งใจสังหารให้ตายสิ้นไม่มีโอกาสรอดชีวิตอีกด้วย
ถ้าอยากจะฆ่ากันให้ตายด้วยวิธีการเช่นนั้นแล้วละก็ ทางฝั่งนี้คงจะต้องตอบแทนกลับคืนไปให้เท่าเทียมถึงจะสมศักดิ์ศรีสินะ
แต่เขาไม่อยากดึงเทียเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้อันแสนสกปรกนี้
“โล่งอกที่ยังไงตอนนี้ก็ตระหนักได้แล้ว”
นี่ไม่ใช่เวลามานั่งดีใจกับการได้มีเทียอยู่ข้างกาย ถึงแม้จะแค่หมั้นหมายกันตามสัญญาก็ตาม
การกระทำที่เห็นแก่ตัวของเขา มันทำให้หญิงสาวต้องตกอยู่ในอันตราย เขามันช่างโง่เง่านักที่ไม่เคยฉุกคิดได้เลยว่า การกระทำนี้มันไร้ความรับผิดชอบมากแค่ไหน
“เฮ้อ”
เฟเรสถอนหายใจผสานด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ก่อนจะเอ่ยถามริกนีเต้
“ฝ่าบาทอยู่ที่ใด”
“…บ้านชู้รักนางหนึ่งทางตอนเหนือของเมืองหลวง”
“เพิ่งจะเริ่มสานสัมพันธ์ได้ไม่นานงั้นหรือ”
“ก็น่าจะใช่ละมั้ง”
“ถ้างั้นต่อให้ได้ยินเรื่องยกเลิกการหมั้นหมาย ก็คงจะอารมณ์ดีได้อยู่สินะ โล่งอกไปที”
“ถะ…ถอนหมั้น!?”
สามสหายเอ่ยด้วยความตกใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...