เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 5

สรุปบท เล่ม 5 บทที่ 195.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

อ่านสรุป เล่ม 5 บทที่ 195.1 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บทที่ เล่ม 5 บทที่ 195.1 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เล่ม 5 บทที่ 195.1

ตอนที่ 195

บนเส้นทางมุ่งหน้าไปยังวิลล่าตระกูลลอมบาร์เดีย

ความเงียบอันน่าอึดอัดกลืนกินไปทั่วรถม้าที่จักรพรรดิโยบาเนสและจักรพรรดินีราวีนีนั่งโดยสารมาด้วยกัน

หากไม่จำเป็นแล้วละก็ ทั้งสองคนแทบไม่เคยนั่งอยู่ในสถานที่เดียวกันแบบนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนทนาอะไรกันแม้แต่คำเดียว

โดยเฉพาะโยบาเนสที่เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนั้นมีใบหน้าอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง

หากสามารถกระโดดออกไปนอกรถม้าได้เสียประเดี๋ยวนี้ละก็ ต่อให้ต้องจ่ายทองคำออกไปกี่แท่งเขาก็ยอม

“อะแฮ่ม”

สุดท้ายโยบาเนสก็กระแอมไอด้วยความอึดอัดใจ

เหตุผลที่เขารู้สึกอึดอัดเวลาต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีมากถึงขนาดนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาทในช่วงระยะหลังมานี่

แน่นอนว่าจักรพรรดินีไม่เคยมาพูดกับเขาเองโดยตรงเกี่ยวกับปัญหาพวกนั้นหรอก

แต่ไม่มีทางที่โยบาเนสจะไม่รู้ว่า จักรพรรดินีกับอังเกนัสอยู่เบื้องหลังพวกขุนนางที่เอาแต่กดดันให้เขาแต่งตั้งรัชทายาทเสียทีในทุกการประชุมใหญ่

ว่าแล้วเชียว

“ฝ่าบาท”

จักรพรรดินีเอ่ยเรียกโยบาเนสเสียงหวาน

“ได้ยินมาว่าช่วงนี้ในที่ประชุมใหญ่กำลังเสนอให้มีการแต่งตั้งรัชทายาทหรือเพคะ”

เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด

โยบาเนสแอบเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ

“ถึงแม้ฝ่าบาทจะยังสุขภาพแข็งแรงดีก็เถอะ แต่ยังไงก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของเหล่าขุนนางที่เป็นห่วงหากเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยสิเพคะ”

เหตุไม่คาดฝัน

คำพูดประโยคนั้นทำให้โยบาเนสไม่คิดที่จะทนนิ่งเงียบอีกต่อไป

“ที่คนพวกนั้นเป็นห่วงคือข้าผู้เป็นจักรพรรดิคนนี้ หรืออนาคตของอังเกนัสกันแน่”

“แน่นอนว่าต้องเป็นความสงบสุขของอาณาจักรแลมบลูกับตัวฝ่าบาทเองไม่ใช่หรือเพคะ”

“เห็นข้าโง่นักสินะ”

คราวนี้จักรพรรดิไม่คิดเก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้อีกแล้ว

นัยน์ตาที่จ้องมองมาอย่างเย็นชาคู่นั้น มันน่ากลัวมากพอจะทำให้ราวีนียอมถอยก็จริง แต่วันนี้นางตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไล่ต้อนโยบาเนสให้รุนแรงกว่าเดิม

“ขอหม่อมฉันกล่าวอะไรสักหน่อยได้มั้ยเพคะ ฝ่าบาท”

แทนคำตอบ โยบาเนสพ่นลมหายใจเสียงดังหึทางจมูกคล้ายกับจะบอกว่าก็ลองพูดมาสิ

จักรพรรดิโยบาเนสชายตามองจักรพรรดินีด้วยหางตา

มองผิวเผินอาจจะดูเหมือนกำลังให้คำแนะนำจากใจจริงอย่างอ่อนโยน แต่ภายใต้คำพูดพวกนั้นมันก็มีเพียงแค่ความโลภในผลประโยชน์ของตัวเองและตระกูลอังเกนัส

นับจากวันแรกที่ได้พบกันก็เป็นเช่นนั้นมาเสมอ

ราวีนีไม่ใช่จักรพรรดินีของอาณาจักรแห่งนี้ แต่เป็นเพียงแค่ ‘ราวีนีจากตระกูลอังเกนัส’

“ตอนนี้ฝ่าบาทก็เพียงแค่ผัดวันในสิ่งที่ต้องทำในสักวันอยู่ดีเท่านั้นเองเพคะ”

“ข้ารู้”

“ถ้าอย่างนั้นทำไมยังต้องรอเวลาอยู่อีกล่ะเพคะ คงไม่คิดที่จะแต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นเป็นรัชทายาทหรอกใช่มั้ยเพคะ”

คำถามของราวีนีที่ทิ่มแทงตรงจุดราวกับใช้หอกแทงลงมากลางใจ ทำให้จักรพรรดิโยบาเนสขมวดคิ้วจนหน้าผากยับย่นเป็นริ้ว

“เพราะอย่างไรสายเลือดมารดาชั้นต่ำนั่นก็ไม่มีทางสืบบัลลังก์อาณาจักรแลมบลูแห่งนี้ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือเพคะ”

เสียงของราวีนีสงบเยือกเย็น

น้ำเสียงไม่ได้เร่งรัดกดดันอะไร

เพราะตำแหน่งเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมันเป็นตำแหน่งเช่นนั้นอยู่แล้ว

“เอาละ ทั้งหมดเงยหน้าขึ้นได้”

โยบาเนสกล่าวขณะที่ยังคงยิ้มแย้มไม่หยุด ราวกับมีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พยายามมองสำรวจใบหน้าของจักรพรรดิโยบาเนสอย่างละเอียด

ใบหน้านั่นกำลังหัวเราะอยู่อย่างแน่นอน แต่มันมีอะไรแปลกๆ

เหมือนกับคนที่กำลังพยายามฝืนยิ้ม

และพอรู้สึกได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังมองเธออยู่ ก็เลยหันกลับไปมอง

เฟเรสนี่เอง

ในเมื่อที่นี่เป็นงานพบปะอย่างเป็นทางการที่ทุกคนต่างก็กำลังมองดูอยู่ พอเฟเรสสบตาเข้ากับเธอ เขาก็แค่โค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทักทายเท่านั้น

เธอเองก็พยักหน้าตอบกลับไป ก่อนจะหันกลับไปเอียงหูแอบฟังบทสนทนาระหว่างท่านปู่กับจักรพรรดิโยบาเนสต่อ

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์จัดในป่าวิกลจริตอย่างนั้นหรือเนี่ย เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียลองทำอะไรแปลกใหม่หรือครับ”

“งานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ครั้งนี้ไม่ใช่กระหม่อม แต่เป็นฟีเรนเทียหลานสาวของกระหม่อมเป็นผู้จัดเตรียมงานทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”

“โฮ่ว อย่างนั้นหรือครับ”

สายตาแฝงความใคร่รู้ของโยบาเนสเบนมาที่เธอแทน

“ถึงแม้จะยังด้อยความสามารถอยู่มาก แต่หม่อมฉันก็พยายามทำเต็มที่เพคะ ฝ่าบาท”

เธอจับกระโปรงย่อเข่าลงเล็กน้อย แสร้งทำเป็นเขินอายกับคำชม

และส่งสัญญาณทางสายตาไปทางคนงานของลอมบาร์เดียที่ยืนรออยู่ข้างๆ

ทันทีที่ได้รับสัญญาณจากเธอ เหล่าผู้ดูแลประจำตระกูลต่างก็ส่งมอบชุดป้องกันสองชุดให้แก่เจ้าชายทั้งสอง

สีแดงเป็นของเฟเรส ส่วนสีเหลืองเป็นของอาสทาน่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]