เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 5

สรุปบท เล่ม 5 บทที่ 203.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

อ่านสรุป เล่ม 5 บทที่ 203.1 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บทที่ เล่ม 5 บทที่ 203.1 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เล่ม 5 บทที่ 203.1

ตอนที่ 203

“ฝ่าบาท เจ้าชายลำดับที่หนึ่งกำลัง…”

“ปล่อยไปเถอะ”

โยบาเนสเอ่ยพลางจ้องตามหลังอาสทาน่าไปด้วยความไม่พอใจ

“ก็คงแค่ไปด้อมๆ มองๆ อยู่แถวชายป่านั่นแหละ อ่อนปวกเปียกจริงๆ”

ไม่ถูกใจเขาเอาเสียเลย

มีจุดด่างพร้อยมากเกินไป

ในตอนนั้นเอง สายตาของจักรพรรดิโยบาเนสก็พลันสังเกตเห็นเฟเรสเข้าพอดี

โอรสอีกคนที่เพียงแค่หันมาโค้งศีรษะทักทายเขาที่นั่งอยู่เหนือแท่นประทับ แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังบ้านพักตากอากาศ

“คงไม่คิดที่จะแต่งตั้งเจ้าชายลำดับที่สองขึ้นเป็นรัชทายาทหรอกใช่มั้ยเพคะ

ประโยคที่จักรพรรดินีกล่าวไว้ตอนนั่งรถม้ามายังที่แห่งนี้ดังขึ้นในหัว

“เพราะอย่างไรสายเลือดมารดาชั้นต่ำนั่น ก็ไม่มีทางสืบบัลลังก์อาณาจักรแลมบลูแห่งนี้ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือเพคะ”

เขาเองก็เห็นด้วยกับประโยคที่ว่านั่นเหมือนกัน

แต่เจ้าชายลำดับที่สองกลับแสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์อันแสนโดดเด่นสมกับเป็นสายเลือดราชวงศ์ดิวเรลลี่ผู้ยิ่งใหญ่ มากกว่าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งอยู่มาก

แบบนี้ก็น่าจะพอใช้ได้อยู่มิใช่หรือไง

อย่างไรก็ดีกว่าเจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่เอาแต่แสดงท่าทางโอ้อวด เผยให้เห็นจุดด้อยมากมายของพวกอังเกนัสอยู่แล้ว

สายตาของจักรพรรดิโยบาเนสมองค้างอยู่ที่แผ่นหลังของเฟเรสอย่างอ้อยอิ่ง

แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พระองค์ไม่อาจสังเกตเห็น

เรื่องที่คนที่คอยเดินตามหลังเฟเรสอยู่เสมอ ไม่ได้มีครบสามคนตลอดเวลาที่เด็กหนุ่มเดินจากไป

สติลลีย์และเทดโร่วที่เคยเดินตามหลังเฟเรสกำลังบ่นอะไรบางอย่าง แล้วหมุนตัวเดินหายกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง

* * *

วันที่สองของเทศกาลแข่งล่าสัตว์

อาสทาน่าหัวเราะพลางดื่มของเหลวที่เขาไม่รู้จักในกระบอกหนังลงคอจิบใหญ่

“เยี่ยม เยี่ยมมาก”

การล่าสัตว์เป็นไปได้อย่างราบรื่นง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

ไม่สิ ยิ่งกว่านั้นอีกด้วยซ้ำ

“สิบแปดตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย!”

เบเลซักตะโกนเสียงดังในขณะที่กำลังเฉือนแขนขวาของมอนสเตอร์

อาสทาน่าหอบหายใจแฮกๆ แต่ยังยืนยันเสียงดัง

“ไปกันเถอะ!ครั้งต่อไปต้องจับตัวใหญ่กว่านี้ให้ได้!”

“พักสักประเดี๋ยวแล้วค่อยไปดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย”

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ นี่ก็แทบจะเดินต่อไม่ไหวแล้ว…”

บรรดาคนสนิทต่างก็เอ่ยพูดเสียงแหบด้วยความเหนื่อยล้า

กลุ่มที่เคยเริ่มต้นด้วยจำนวนสิบกว่าคน กลายเป็นลดลงเหลือแค่ห้าคนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทันได้สังเกต

ทุกย่างก้าวเบาสบาย ดาบก็ชักออกมากวัดแกว่งได้อย่างคล่องแคล่ว

ปะทะกับมอนสเตอร์ในป่าไปตั้งหลายครั้ง แต่ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด

แถมยังดีใจด้วยซ้ำ

ถึงขนาดคิดว่าไหนๆ ก็เผชิญหน้ากับพวกมันแล้ว ก็จัดการให้จบสิ้นไปเสีย แล้วยิ่งถ้าเป้าหมายตัวต่อไปโผล่หัวออกมา กลับจะยิ่งดีด้วยซ้ำไป

“เบเลซัก เจ้าตามข้ามา”

อาสทาน่าหันไปพูดกับเบเลซัก

หลังจากที่แอบขโมยกระบอกน้ำนั่นมาให้ เบเลซักก็กลับมารับหน้าที่เป็นมือขวาของอาสทาน่าอีกครั้งเหมือนสมัยก่อน

“พ่ะย่ะค่ะ เจ้าชาย!”

เบเลซักย่อมต้องยินดีแน่นอนอยู่แล้ว

“คอยระวังตัวให้ดีว่าไอ้เสื้อเกราะแดงนั่นไม่ได้ไล่ตามพวกเรามา เข้าใจมั้ย”

เกราะสีแดง

หมายถึงชุดป้องกันสีแดงของเฟเรสนั่นเอง

“ระวังแค่ไอ้เวรนั่นก็พอ แค่ไอ้เวรนั่น…”

อาสทาน่าพึมพำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นทุกก้าวที่ย่างเดิน

ในป่าแห่งนี้ ตอนนี้ที่เขายังต้องระวังก็มีแค่เฟเรสที่สวมชุดป้องกันสีแดงเท่านั้น

แค่เจ้านั่นเท่านั้น

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]