เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 5

สรุปบท เล่ม 5 บทที่ 205.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เล่ม 5 บทที่ 205.2 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง เล่ม 5 บทที่ 205.2 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เล่ม 5 บทที่ 205.2

“นั่นมันเรื่องอะไรกัน!”

โยบาเนสโมโหเดือด

“เรื่องนั้นข้าไม่ใช่คนลงมือเสียหน่อยมิใช่หรือครับ! อดีตจักรพรรดิต่างหากที่เป็นคนก่อเรื่อง!”

โยบาเนสรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง

คนที่คิดผลักไสไล่ส่งตระกูลบราวน์ที่สนิทสนมใกล้ชิดมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นแค่เจ้าชายคืออดีตจักรพรรดิต่างหาก ไม่ใช่เขาเสียหน่อย

เพราะอย่างนั้นถึงได้ยอมหลับตาข้างหนึ่ง ปล่อยให้พวกนั้นใช้วิธีขุดรากถอนโคนลงมือกับตระกูลบราวน์จนได้เขตแดนตะวันตกมาไว้ในครอบครอง หลังจากนั้นก็ยังจัดการสั่งให้โยบาเนสผู้เป็นโอรสต้องแต่งงานกับราวีนี

ทั้งหมดเป็นแผนการของอดีตจักรพรรดิแท้ๆ ! แล้วทำไมเขาจะต้องมาโดนด่าสาปส่งแทนด้วย!

ไม่เพียงแต่คอยโผล่มาในความฝันอยู่เรื่อยจนทำให้เขานอนไม่หลับ แต่นี่ยังสร้างเรื่องวุ่นวายทิ้งไว้ให้เขาต้องปวดหัวตามแก้อีกหรือเนี่ย

สมแล้วที่คอยแต่จะขัดขวางอนาคตของโอรสตัวเองจนกระทั่งสิ้นพระชนม์

“พวกโง่เขลาพวกนั้นจะไปรู้อะไรได้พ่ะย่ะค่ะ”

รูลลักเอ่ยปลอบราวกับอยู่ข้างฝ่ายโยบาเนส

“ก็แค่เสียงกระซิบกระซาบว่ากล่าวว่าราชวงศ์ได้รับโทษ เพราะทอดทิ้งตระกูลบราวน์เท่านั้นเอง เพราะอย่างไรตระกูลบราวน์ก็เป็นที่นิยมต่อเหล่าสามัญชนเป็นอย่างยิ่งจากวิชาดาบประจำอาณาจักรมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“หึ”

โยบาเนสพ่นลมหายใจเสียงดังทางจมูก

“ข้าเองก็พอจะทราบแล้วละครับว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงได้เกลียดชังตระกูลบราวน์มากถึงเพียงนั้น ในเมื่อยามผู้คนกล่าวถึงวิชาดาบประจำอาณาจักรทีไร ก็เอาแต่ตระกูลบราวน์อย่างนั้น ตระกูลบราวน์อย่างนี้อยู่เรื่อย”

ความอิจฉาริษยาของผู้เป็นจักรพรรดินั้นน่ากลัวยิ่ง

ราคาของความอิจฉานั้นจึงถูกจ่ายแทนด้วยการทำลายล้างตระกูลบราวน์ทั้งตระกูล

“แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีใครจะหยุดยั้งข่าวลือพวกนั้นได้เร็วเท่าตระกูลบราวน์อีกแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นหมายความว่ายังไงกันครับ”

จักรพรรดิโยบาเนสผู้เกลียดชังการถูกผู้คนรุมเกลียดถึงกับกระดิกหูตั้งใจฟัง

“โปรดคืนฐานะให้ตระกูลบราวน์เถอะพ่ะย่ะค่ะ หากทำเช่นนั้นย่อมสามารถหยุดยั้งข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับอังเกนัสได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ตระกูลบราวน์งั้นหรือ…”

โยบาเนสลูบปลายคางครุ่นคิด ก่อนจะถามรูลลัก

“จะไม่ลำบากเกินไปหรือครับ ผ่านมาก็ตั้งหลายสิบปีแล้ว เพิ่งมาคืนตระกูลให้เอาป่านนี้”

“ฝ่าบาทเพียงแค่เปิดประเด็นเรื่องตระกูลบราวน์ขึ้นในที่ประชุมสภาขุนนางก็พอพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากนั้นไอ้หมาล่าเนื้ออย่างเจ้าชายลำดับที่สองนั่นคงจัดการต่อเองได้

ตอนที่โยนเรื่องตระกูลบราวน์มาใส่หัวเขา เรื่องแค่นี้ก็เจ้าเด็กนั่นคงจะมีแผนการวางเอาไว้อยู่แล้วแน่

“อย่างน้อยระหว่างที่ผู้คนฮือฮากันเรื่องตระกูลบราวน์ เสียงพูดคุยเกี่ยวกับราชวงศ์ก็จะค่อยๆ เบาบางลงไปมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

รูลลักยกยิ้มอย่างผ่อนคลาย

โยบาเนสลังเลเพียงแค่ชั่วครู่ เพียงไม่นานก็เอ่ยตอบทันที

“นั่นสิครับ เอาตามนั้นก็แล้วกัน”

การประชุมสภาขุนนางจะถูกจัดขึ้นในอีกไม่กี่วันให้หลังพอดี โยบาเนสตัดสินใจแล้วว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอยู่เหมือนกัน

“เรื่องเจ้าชายลำดับที่หนึ่งทรงคิดจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ”

คำถามของรูลลักทำให้โยบาเนสกระดกเหล้าลงคออีกรอบ

เพราะนึกไปถึงนัยน์ตาสีเลือดของอดีตจักรพรรดิที่สาปแช่งพระองค์ไว้ขึ้นมาได้

“ยาก็ให้ไปหมดแล้วนะ…”

“ตะ…ต้องแจ้งกรมวังมั้ย”

ข้ารับใช้สองนายกลอกตาไปมาด้วยความอึดอัดใจ พวกเขาได้แต่ปรึกษากันด้วยความร้อนรนไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านี่

“ไม่จำเป็น”

ในตอนนั้นเองก็พลันได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากข้างหลังพวกเขาทั้งคู่

“เจ้าชายลำดับที่สอง!”

พอเห็นเฟเรสปรากฏตัวพร้อมกับเหล่าอัศวินจากกองกำลังส่วนพระองค์ ใบหน้าของข้ารับใช้ทั้งสองก็เบิกบานขึ้นทันที

“พวกเจ้าค่อยกลับมาใหม่พรุ่งนี้เช้า ตอนนี้กลับไปก่อนเถอะ”

เมื่อได้ยินคำสั่งของเฟเรส ข้ารับใช้ทั้งสองก็รีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง ราวกับกลัวว่าเดี๋ยวเฟเรสเปลี่ยนใจแล้วตนจะถูกรั้งตัวเอาไว้อีกครั้ง

“เข้าไปกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ลอร์ดสโลนเป็นฝ่ายเดินนำเข้าไปก่อน

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ก็ได้ยินเสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดของอาสทาน่าดังขึ้นเป็นสิ่งแรก

“เฮ้! เจ้าน่ะ! มัดข้าเอาไว้แบบนี้ คิดว่าหัวเจ้าจะยังตั้งอยู่บนบ่าได้อีกหรือไง! ปล่อยข้า! เดี๋ยวนี้! อ๊ากกกก”

อาสทาน่าถูกมัดขาข้างหนึ่งเอาไว้กับเตียง เจ้าชายลำดับที่หนึ่งสบถเสียงดังดีดดิ้นไม่หยุด

“ดูหมิ่นข้าขนาดนี้ ข้าจะฆ่าเจ้า…!”

เสียงตะโกนด่าท่อของอาสทาน่าหยุดชะงักหลังจากที่เฟเรสก้าวเท้าเข้าไปในห้อง

“อาสทาน่า เนเรมเฟย์ ดิวเรลลี่ ตั้งแต่นี้ไปพวกเราจะเริ่มทำการไต่สวนความผิดโทษฐานลอบสังหารองค์จักรพรรดิ และคิดก่อการกบฏ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]