เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 5

สรุปบท เล่ม 5 บทที่ 207.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอน เล่ม 5 บทที่ 207.1 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

เล่ม 5 บทที่ 207.1 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เล่ม 5 บทที่ 207.1

ตอนที่ 207

“ต้องขัดขวางเอาไว้ให้ได้”

จักรพรรดินีราวีนีเอ่ยพูดกับดิวอิจ

ท่าทางนิ่งสงบของราวีนียิ่งทำให้ดิวอิจ อังเกนัส หวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม

ตั้งแต่เล็กราวีนี่มีนิสัยอารมณ์ร้อนเหมือนไฟ โมโหทีไรก็เอาแต่ทำลายข้าวของไม่หยุด แต่ตอนนี้หญิงสาวกลับนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง

แต่ดิวอิจคิดว่าสู้ให้นางระบายอารมณ์โกรธออกมายังจะดีเสียกว่า เพราะท่าทางสงบเยือกเย็นของราวีนีกลับยิ่งแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก

บางทีอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าที่ดิวอิจคิดไว้ก็ได้

เขาเองก็ไม่ชอบใจในตัวราวีนีที่ให้เขานั่งตำแหน่งเจ้าตระกูล แล้วแย่งชิงอำนาจทุกอย่างไปเหมือนให้เขาเป็นแค่หุ่นเชิดนักหรอก แต่ตอนนี้จำเป็นต้องผลักอารมณ์ขุ่นเคืองพวกนั้นเก็บไปก่อน

“ต้องทำยังไงหรือพ่ะย่ะค่ะ ท่านพี่”

ดิวอิจถามเสียงเครียด

“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือไง ต้องขวางไว้ให้ได้”

ราวีนีกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดสีเขียวปูดโปนขึ้นบนหลังมือ

“ไอ้ชั้นต่ำนั่น…”

ราวีนีกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงเฟเรสขึ้นมา

เห็นว่านิ่งเงียบไปพักใหญ่แล้วแท้ๆ แต่กลับคิดวางแผนการลอบตลบหลังนางแบบนั้นเสียได้

“เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่เจ้าชายลำดับที่สอง บราวน์ และลอมบาร์เดีย รวมหัวกันสร้างเรื่องขึ้นแน่ ดิวอิจ”

คนที่จัดงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์ ชักจูงทุกคนให้ไปยังป่าวิกลจริตเองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย

“ถึงแม้จะอยากฟันคอนังเด็กน่ารังเกียจนั่นเหมือนอย่างที่ใจอยากก็เถอะ”

อย่างไรก็เป็นหลานสาวของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย และยังเป็นบุตรสาวของแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย อีกด้วย

หากบุ่มบ่ามลงมือทำอะไรลงไป ลอมบาร์เดียจะตอบโต้กลับแบบไหนไม่อาจรู้ได้

ถึงแม้ราวีนีเองจะเคยคิดส่งกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์บุกเข้าไปอยู่เหมือนกันก็เถอะ แต่กองกำลังทหารของราชวงศ์เองก็ไม่สามารถย่างกรายเข้าไปในเขตคฤหาสน์ลอมบาร์เดียได้

“ทางด้านกองกำลังอัศวินเป็นเช่นไรบ้าง”

“ภายในกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เริ่มแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ตระกูลอังเกนัสครอบครองดินแดนตะวันตก มีอิทธิพลกว้างขวาง จักรพรรดินีผู้มาจากตระกูลอังเกนัสเองก็ได้ให้กำเนิดพระโอรสผู้สืบบัลลังก์

ระยะเวลากว่า 40 ปีที่อังเกนัสสร้างอำนาจขึ้นมานั่น มันเป็นเวลาที่มากพอจะให้พวกเขาส่งคนของตัวเองไปทั่วอาณาจักร

และกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

“ตามที่ได้รับรายงานมา เห็นว่าแบ่งเป็นครึ่งต่อครึ่งพ่ะย่ะค่ะ”

“ครึ่ง?”

คิ้วของราวีนีกระตุกขึ้นสูง

“ที่ผ่านมาพวกเราทุ่มเทเงินทองให้กองกำลังอัศวินไปตั้งมากเท่าไหร่ แต่กลับได้มาแค่ครึ่งเดียวเนี่ยนะ!”

ปัง!

ราวีนีทุบกำปั้นลงกับโต๊ะ

“เรื่องนั้น…ยังมีหัวหน้ากองกำลังอัศวินอยู่ไม่ใช่หรือครับ แต่ปัญหาคือโทเลียน บาร์คตัน ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะเป็นแกนนำกลุ่มสนับสนุนเจ้าชายลำดับที่สองกับตระกูลบราวน์พ่ะย่ะค่ะ”

“หากมีเวลามากกว่านี้อีกสักหน่อย คงจัดการยัดคนของพวกเราเป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินได้แล้ว”

หากมีเวลามากกว่านี้อีกสักหน่อยละก็

จักรพรรดินีราวีนีเอาแต่พึมพำคำพูดประโยคนั้น

มีอะไรบางอย่างแปลกๆ

ถึงจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก แต่มันจะต้องมีสิ่งที่เชื่อมต่อเรื่องทุกอย่างพวกนี้เอาไว้ด้วยกันอย่างแน่นอน

แต่ทั้งจักรพรรดินีราวีนีทั้งดิวอิจต่างก็ทราบดีว่าไม่อาจพูดออกไปเช่นนั้นได้

คนที่รับผิดชอบเป็นผู้นำการสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นนี่ก็คือเฟเรสมิใช่หรือไงกัน

“ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือผลักลูกศรออกไปจากอาสทาน่า ดังนั้น…”

นัยน์ตาของจักรพรรดินีราวีนีทอประกายอำมหิต

“เบเลซัก เห็นว่าเด็กนั่นก็ถูกคุมขังด้วยใช่มั้ย”

“หรือว่า…”

ดิวอิจ อังเกนัส อ้าปากค้าง เพราะพอจะคาดเดาได้แล้วว่า จักรพรรดินีราวีนีตั้งใจจะทำอะไร

“คิดจะโยนเรื่องครั้งนี้ให้เด็กนั่นเป็นคนรับผิดชอบหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่อย่างนั้นจะมีวิธีการใดดีกว่านี้อีกล่ะ ดิวอิจ”

ราวีนีพ่นลมหายใจเสียงดังหึ

“ดิวอิจ บนบันทึกการสอบสวนของกองกำลังอัศวินที่เจ้านำมา อาสทาน่าพูดเอาไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า ‘เบเลซักเป็นคนเอากระบอกน้ำมาให้’ ”

“แต่เบเลซักเป็นบุตรชายของเซรัลไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

เซรัลเป็นลูกพี่ลูกน้องของราวีนีกับดิวอิจ

จักรพรรดินีนิ่วหน้ามองใบหน้าตื่นตกใจของดิวอิจ

ใบหน้าดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก

หลังจากนั้นนางเพียงแค่เอ่ยพูดเสียงเย็นชาไร้เยื่อใย

“ดิวอิจ เด็กเบเลซักนั่นไม่ใช่อังเกนัส แต่เป็นลอมบาร์เดีย”

ดิวอิจ อังเกนัส พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เหม่อมองจักรพรรดินีนิ่งอยู่อย่างนั้น

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]