เล่ม 5 บทที่ 208.1
ตอนที่ 208
ความเงียบงันอันแสนเย็นยะเยือกเข้าปกคลุมไปทั่วห้อง
แม้จะอยู่ต่อหน้าราวีนีผู้มีสีหน้าเย็นชาลงเรื่อยๆ แต่เจ้าตระกูลเซอเชาว์ก็ยังคงนิ่งสงบเหมือนเคย ทั้งยังดูผ่อนคลายมากจนถึงกับยกแก้วชาขึ้นมาดื่มลงคออีกครั้งได้หลายอึกเสียด้วย
ร่างกายใหญ่โตนั่งจนเต็มเก้าอี้ แต่เรียวนิ้วยามถือแก้วชานั้นกลับประณีตยิ่ง
“นั่นมัน…หมายความว่ายังไงกันคะ”
ท้ายประโยคเสียงของราวีนีสั่นเทาเล็กน้อย นางกำลังโมโหอย่างยิ่ง
ใบหน้าแย้มยิ้มงดงามราวกับสวมหน้ากากแก้วกำลังแตกระแหงส่งเสียงเปรี๊ยะด้วยโทสะ
“อย่างที่กล่าวไปพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าตระกูลเซอเชาว์ยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ข้าง สองมือประสานกันวางลงบนเข่าอย่างช้าๆ ขณะเอ่ยตอบ
มือของอัศวินที่มีรอยแผลเป็นแห่งเกียรติยศอยู่มากมาย
“หมดเวลาสัญญากู้ยืมเงินที่เซอเชาว์เคยให้อังเกนัสกู้ยืมแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นหากไม่สามารถคืนเงินให้กระหม่อมได้ทันทีละก็ คงจะต้องมอบหลักทรัพย์ค้ำประกันให้แก่กระหม่อมเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่ เจ้าตระกูลเซอเชาว์!”
ในที่สุดจักรพรรดินีก็ร้องตวาดดังลั่นออกมา รอยยิ้มที่เคยเสแสร้งทำเป็นนิ่งเฉยก็แตกยับพังทลาย
“ให้คืนเงินเดี๋ยวนี้เลยอย่างนั้นหรือ! ไม่ทราบหรือไงคะว่านั่นเป็นข้อเรียกร้องที่มากเกินไป”
“กระหม่อมพูดผิดไปหรือพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”
ชานตั้น เซอเชาว์ แสดงสีหน้าแปลกประหลาดชอบกล
ริมฝีปากนั่นจะว่ากระตุกด้วยอารมณ์โกรธก็มิใช่ จะยิ้มก็ไม่เชิงนัก
ทว่าราวีนีเมื่อได้เห็นใบหน้านั่นแล้วกลับยิ่งรู้สึกโมโหเดือดมากกว่าเดิม
“นี่คิดจะเป็นศัตรูกับข้าหรือคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่แล้วอะไรกันคะ สถานการณ์แบบนี้จู่ๆ มาขอให้คืนเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นให้อย่างกะทันหันเนี่ย จะเรียกว่าอะไรได้อีก!”
“กระหม่อมเองก็เข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ แต่การที่พระองค์ยืมเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นไปแล้วยังเอ้อระเหยได้ขนาดนี้อีก มันช่างแปลกประหลาดจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ในที่สุดเจ้าตระกูลเซอเชาว์ก็พ่นลมหายใจเสียงดังหึ มุมปากแสยะยิ้ม แต่แววตาของเขากลับเย็นชาเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง
“ยืมเงินไปแล้ว ตอนนี้ก็ต้องคืนสิพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดินีราวีนีจ้องชานตั้นเขม็ง
คิดดูเถอะว่าโมโหมากขนาดไหน ทุกครั้งที่หายใจ ไหล่ก็กระเพื่อมขึ้นลงไปมา แต่อย่างไรก็ไม่อาจกรีดร้องโวยวายเหมือนอย่างที่เคยชินเป็นนิสัยออกไปได้
อังเกนัสได้ขอยืมเงินจากเซอเชาว์โดยมอบที่ดินไว้เป็นหลักประกันจริงๆ ดังนั้นคนที่คุมเกมนี้จึงเป็นเจ้าตระกูลเซอเชาว์ ไม่ใช่นาง
จักรพรรดินีนั่งจ้องหน้าชานตั้น เซอเชาว์ เขม็งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเปิดปากพูด
“แค่ทางใต้ยังไม่พอ แต่นี่ยังคิดจะเอาเขตแดนตะวันตกอีก อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นตัวแทนของทั้งสองภาคได้อยู่แล้ว สิทธิ์ขาดเหล่านั้นก็จะยังคงเป็นของอังเกนัสเช่นเดิมนะคะ”
“ข้าทราบครับ”
“แต่ก็ยังโลภอยากได้ที่ดินอีกงั้นหรือ ไม่คิดว่าทะเยอทะยานเกินตัวไปหน่อยหรือคะ”
“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าตระกูลเซอเชาว์ตอบกลับไปด้วยความเฉื่อยชาเหมือนไม่ได้สนใจอะไรนักกับคำดูหมิ่นนั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...