เล่ม 5 บทที่ 209.2
“ไม่เห็นเจ้าตระกูลอังเกนัสเลยนะคะ”
“ฮ่าฮ่า เจ้านั่นมาสายทุกวันนั่นแหละครับ”
ลองแอบเหลือบมองด้วยหางตา ก็พบว่าเฟเรสกำลังรับคำทักทายจากขุนนางหลายท่าน ในขณะเดียวกันก็เดินไปนั่งลงบนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับที่นั่งของผู้สังเกตการณ์ที่จักรพรรดินีนั่งอยู่
และยังมีอีกหนึ่งคนที่เดินตามหลังเฟเรสเข้ามาในห้อง
“เจ้าตระกูลบราวน์เองก็มาด้วยเหรอคะเนี่ย”
เสียงของเธอทำให้เหล่าขุนนางที่นั่งอยู่รอบๆ รีบหันหน้าไปมองทางด้านนั้นกันเป็นสายตาเดียว
เจ้าตระกูลบราวน์เดินเข้ามาในห้องประชุมด้วยสีหน้าที่มองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้วว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่มากมายจนซับซ้อนไปหมด เขาหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเฟเรส
“คนคนนั้น ข่าวลือที่ว่า…”
“ช่างถอดแบบอดีตเจ้าตระกูลบราวน์ที่เคยได้พบเมื่อวัยหนุ่มมากเหลือเกิน”
การเลือกจับจองที่นั่งทางฝั่งผู้เข้าสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ แบบนี้ ถือว่าการตัดสินใจของเจ้าตระกูลบราวน์นั้นยอดเยี่ยมมาก
ปฏิกิริยาของพวกขุนนางที่ไม่ได้มาร่วมงานเทศกาลแข่งล่าสัตว์เองก็ไม่ได้แย่อะไรเท่าไหร่
ถ้าหากเจ้าตระกูลบราวน์เลือกที่จะนั่งลงตรงตำแหน่งที่นั่งที่มีแต่ขุนนางเท่านั้นที่สามารถนั่งได้ละก็ คงก่อให้เกิดความไม่พอใจจนคิดต่อต้านกันอย่างหนักเป็นแน่
ในเมื่อต้องการที่จะเรียกคืนสิทธิในฐานะชนชั้นสูงผ่านการประชุมสภาขุนนางในครั้งนี้ การไม่ทำตัวให้พวกคนที่มาเข้าร่วมการประชุมต้องขุ่นเคืองใจนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
“สีหน้าเจ้าตระกูลอังเกนัสกับคนรอบๆ ฝั่งนั่นดูไม่ดีเอาเสียเลยนะคะ”
“บางทีตอนนี้อาจจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ก็ได้ครับ”
คราวนี้เป็นขุนนางวัยค่อนข้างหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังเธอเป็นคนเอ่ยพูดขึ้นมา
“สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหรอคะ”
“ก็เจ้าตระกูลอังเกนัสน่ะสิครับ จิตอ่อนมากเสียจนตั้งสติกับการประชุมสำคัญแบบนี้ไม่ได้เลยทีเดียว นี่ก็มีข่าวลือว่าดื่มเหล้าฤทธิ์แรงย้อมใจก่อนจะมาเข้าร่วมการประชุมเลยละครับ”
“อืมมมม”
จะว่าไปหน้าก็ดูจะแดงอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน
แต่เจ้าตระกูลอังเกนัสไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว
ข้างกายเจ้าตระกูลอังเกนัสที่นั่งตรงกันข้ามกับเธอเป๊ะจนเผชิญหน้ากันตรงๆ นั่น ยังมีเจ้าตระกูลเซอเชาว์นั่งอยู่ด้วย
ช่างเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากเสียจนกลบเจ้าตระกูลอังเกนัสผู้อ่อนด้อยจนแทบจะเอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองไปจนมิดแล้วนั่น
“อะแฮ่ม”
หลายคนรอบๆ ตัวเธอกระแอมไอเสียงค่อย
การมีตัวตนของเจ้าตระกูลเซอเชาว์คนนี้ ดูจะสร้างความอึดอัดให้แก่ผู้คนฝ่ายพันธมิตรของลอมบาร์เดียอยู่ไม่น้อย
และในวินาทีนั้นเธอก็พลันสังเกตเห็น
เจ้าตระกูลเซอเชาว์กับเฟเรสแอบลอบแลกเปลี่ยนสายตากันเงียบๆ
ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที คล้ายกับแค่บังเอิญสบตากันในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างก็หันศีรษะพอดีก็เถอะ
รู้สึกอยากหัวเราะชะมัด
“ชานตั้น เซอเชาว์ หากไม่ใช่เจ้านั่นละก็…”
เจ้าตระกูลเบิร์นพึมพำ
“อำนาจครึ่งหนึ่งของอังเกนัสได้มาจากชานตั้น เซอเชาว์ เจ้าตระกูลคนนั้นใช่มั้ยคะ”
พอเธอพูดแบบนั้นออกไป เจ้าตระกูลเบิร์นกับคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...