เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

“ไม่ได้กลับมาเสียนานเลย”

เครนีย์ยิ้มกว้าง ในขณะที่มองทิวทัศน์ของลอมบาร์เดียที่แสนคิดถึง

เด็กหนุ่มสูดเอาอากาศของลอมบาร์เดียเข้าไปเต็มปอด

“ต้องรีบกลับไปอวดท่านพี่เทียแล้ว!”

หลังจากที่เครนีย์เดินทางไปยังอะคาเดมี เด็กหนุ่มก็พัฒนาขึ้นมากราวกับปลากระดี่ได้น้ำ

เป็นเพราะเขาได้อ่านหนังสือดีๆ ทั้งหลายแหล่ที่พี่สาวลูกพี่ลูกน้องช่วยแนะนำให้ตอนเด็กๆ หรือเปล่านะ หรือเป็นเพราะเดิมทีเขาเองก็หัวดีอยู่แล้ว ถึงได้ไม่เคยพลาดอันดับท็อปของชั้นเรียนเลยสักครั้ง

“ถ้าคราวนี้บอกว่าเหลืออีกแค่ปีครึ่งละก็ ท่านพี่จะต้องดีใจแน่!”

ตอนนี้เหลือไม่ถึง 2 ปี เขาก็จะเรียนจบแล้ว

หลักสูตรที่ปกติต้องใช้เวลาถึง 6 ปี เขาจบมันได้ภายในเวลาแค่ 4 ปีเท่านั้น

เครนีย์ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุขจนแก้มเปล่งปลั่ง

ตึง!

“อึ๊ก!”

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ รถม้าก็หยุดอย่างกะทันหัน ทำให้เครนีย์ล้มลงไปเข่ากระแทกกับที่นั่งรถม้า

“มีเรื่องอะไรกันครับ”

“ขะ…ขออภัยครับ! พอดีด้านหน้ามีพวกอัศวินขวางทางอยู่!”

“อัศวิน”

เครนีย์เอียงคอด้วยความงุนงง เขายื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น

พวกอัศวินจากกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์กำลังมองเครนีย์ด้วยใบหน้าดุดัน

“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เครนีย์มองไปยังประตูคฤหาสน์ด้วยความตกใจ

“ทำไมทหารของราชวงศ์ถึงได้ล้อมอยู่รอบคฤหาสน์กันล่ะ”

โล่งอกที่พวกอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์ค่อยๆ ล่าถอยไปอย่างช้าๆ รถม้าจึงสามารถผ่านเข้าไปตรงหน้าเขตประตูคฤหาสน์ได้

“ขอตรวจค้นหน่อยนะครับ”

ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูรถม้าที่เครนีย์นั่งมาถูกเปิดออกกว้าง

เครนีย์ที่กำลังตกอยู่ในความตึงเครียดเงยหน้าขึ้นมองอัศวินที่เป็นคนเปิดประตูทันที

“…พี่คิลลีวู”

“อะไรกัน เครนีย์หรอกเหรอ”

คิลลีวูสวมชุดอัศวินลอมบาร์เดีย ชายหนุ่มแสยะยิ้มมองเครนีย์

“หืม เครนีย์งั้นเหรอ”

ใบหน้าของเมโลนเองก็โผล่แทรกเข้ามาในรถม้าด้วยเช่นกัน

“มาเพราะปิดเทอมแล้วสินะ”

เมโลนเอ่ยถาม

“มีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมหน้าคฤหาสน์…”

“เข้าไปถามเทียเองเถอะ นางคงอธิบายให้เจ้าฟังได้ดีกว่า แต่ไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะ”

คิลลีวูกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะปิดประตูรถม้าให้ แล้วส่งสัญญาณมือไปทางพลทหารลอมบาร์เดีย

ประตูคฤหาสน์ที่เคยปิดแน่นจึงเปิดออกอย่างช้าๆ รถม้าที่เครนีย์นั่งโดยสารมาจึงเริ่มวิ่งไปบนถนนในคฤหาสน์

อีกด้านหนึ่ง รูลลักกำลังมองรถม้าคันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาในคฤหาสน์

“ท่านพ่อ”

แคลอฮันเดินเข้ามาหารูลลักจากด้านหลัง

“จะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือครับ”

“ถ้าไม่ปล่อยล่ะ”

แคลอฮันขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินคำถามของรูลลัก

“ไม่ต้องช่วยเทียคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่หรือครับ”

ชานาเนสเองก็เดินเข้ามาช่วยพูดอย่างระมัดระวัง

“ประจันหน้ากันแบบนั้นมาหลายวันแล้วนะคะ ท่านพ่อ”

“ที่เจ้าเป็นห่วงใช่ความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์กับลอมบาร์เดียจริงหรือ แคลอฮัน”

รูลลักหันไปถามแคลอฮัน

“พูดความตั้งใจจริงของเจ้ามาดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นข้าไม่อ้อมค้อมแล้วนะครับ”

แคลอฮันเปิดปากพูดด้วยใจที่หนักอึ้ง

“เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียยังคงเป็นท่านพ่อนะครับ ไม่ใช่เทีย หากปล่อยให้ประจันหน้ากันแบบนี้ต่อไป มีแต่จะเพิ่มความกดดันให้เทียมากกว่านะครับ”

“ที่แคลอฮันพูดมาถูกต้องแล้วค่ะ ท่านพ่อ ข้าว่าส่งสารไปหาฝ่าบาทน่าจะดีกว่านะคะ”

ชานาเนสเองก็ช่วยแคลอฮันพูด แต่รูลลักกลับเพียงแค่ส่ายหน้าด้วยใบหน้าจริงจังเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]