“ไม่ได้กลับมาเสียนานเลย”
เครนีย์ยิ้มกว้าง ในขณะที่มองทิวทัศน์ของลอมบาร์เดียที่แสนคิดถึง
เด็กหนุ่มสูดเอาอากาศของลอมบาร์เดียเข้าไปเต็มปอด
“ต้องรีบกลับไปอวดท่านพี่เทียแล้ว!”
หลังจากที่เครนีย์เดินทางไปยังอะคาเดมี เด็กหนุ่มก็พัฒนาขึ้นมากราวกับปลากระดี่ได้น้ำ
เป็นเพราะเขาได้อ่านหนังสือดีๆ ทั้งหลายแหล่ที่พี่สาวลูกพี่ลูกน้องช่วยแนะนำให้ตอนเด็กๆ หรือเปล่านะ หรือเป็นเพราะเดิมทีเขาเองก็หัวดีอยู่แล้ว ถึงได้ไม่เคยพลาดอันดับท็อปของชั้นเรียนเลยสักครั้ง
“ถ้าคราวนี้บอกว่าเหลืออีกแค่ปีครึ่งละก็ ท่านพี่จะต้องดีใจแน่!”
ตอนนี้เหลือไม่ถึง 2 ปี เขาก็จะเรียนจบแล้ว
หลักสูตรที่ปกติต้องใช้เวลาถึง 6 ปี เขาจบมันได้ภายในเวลาแค่ 4 ปีเท่านั้น
เครนีย์ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุขจนแก้มเปล่งปลั่ง
ตึง!
“อึ๊ก!”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ รถม้าก็หยุดอย่างกะทันหัน ทำให้เครนีย์ล้มลงไปเข่ากระแทกกับที่นั่งรถม้า
“มีเรื่องอะไรกันครับ”
“ขะ…ขออภัยครับ! พอดีด้านหน้ามีพวกอัศวินขวางทางอยู่!”
“อัศวิน”
เครนีย์เอียงคอด้วยความงุนงง เขายื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
พวกอัศวินจากกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์กำลังมองเครนีย์ด้วยใบหน้าดุดัน
“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เครนีย์มองไปยังประตูคฤหาสน์ด้วยความตกใจ
“ทำไมทหารของราชวงศ์ถึงได้ล้อมอยู่รอบคฤหาสน์กันล่ะ”
โล่งอกที่พวกอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์ค่อยๆ ล่าถอยไปอย่างช้าๆ รถม้าจึงสามารถผ่านเข้าไปตรงหน้าเขตประตูคฤหาสน์ได้
“ขอตรวจค้นหน่อยนะครับ”
ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูรถม้าที่เครนีย์นั่งมาถูกเปิดออกกว้าง
เครนีย์ที่กำลังตกอยู่ในความตึงเครียดเงยหน้าขึ้นมองอัศวินที่เป็นคนเปิดประตูทันที
“…พี่คิลลีวู”
“อะไรกัน เครนีย์หรอกเหรอ”
คิลลีวูสวมชุดอัศวินลอมบาร์เดีย ชายหนุ่มแสยะยิ้มมองเครนีย์
“หืม เครนีย์งั้นเหรอ”
ใบหน้าของเมโลนเองก็โผล่แทรกเข้ามาในรถม้าด้วยเช่นกัน
“มาเพราะปิดเทอมแล้วสินะ”
เมโลนเอ่ยถาม
“มีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมหน้าคฤหาสน์…”
“เข้าไปถามเทียเองเถอะ นางคงอธิบายให้เจ้าฟังได้ดีกว่า แต่ไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะ”
คิลลีวูกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะปิดประตูรถม้าให้ แล้วส่งสัญญาณมือไปทางพลทหารลอมบาร์เดีย
ประตูคฤหาสน์ที่เคยปิดแน่นจึงเปิดออกอย่างช้าๆ รถม้าที่เครนีย์นั่งโดยสารมาจึงเริ่มวิ่งไปบนถนนในคฤหาสน์
อีกด้านหนึ่ง รูลลักกำลังมองรถม้าคันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาในคฤหาสน์
“ท่านพ่อ”
แคลอฮันเดินเข้ามาหารูลลักจากด้านหลัง
“จะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือครับ”
“ถ้าไม่ปล่อยล่ะ”
แคลอฮันขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินคำถามของรูลลัก
“ไม่ต้องช่วยเทียคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่หรือครับ”
ชานาเนสเองก็เดินเข้ามาช่วยพูดอย่างระมัดระวัง
“ประจันหน้ากันแบบนั้นมาหลายวันแล้วนะคะ ท่านพ่อ”
“ที่เจ้าเป็นห่วงใช่ความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์กับลอมบาร์เดียจริงหรือ แคลอฮัน”
รูลลักหันไปถามแคลอฮัน
“พูดความตั้งใจจริงของเจ้ามาดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นข้าไม่อ้อมค้อมแล้วนะครับ”
แคลอฮันเปิดปากพูดด้วยใจที่หนักอึ้ง
“เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียยังคงเป็นท่านพ่อนะครับ ไม่ใช่เทีย หากปล่อยให้ประจันหน้ากันแบบนี้ต่อไป มีแต่จะเพิ่มความกดดันให้เทียมากกว่านะครับ”
“ที่แคลอฮันพูดมาถูกต้องแล้วค่ะ ท่านพ่อ ข้าว่าส่งสารไปหาฝ่าบาทน่าจะดีกว่านะคะ”
ชานาเนสเองก็ช่วยแคลอฮันพูด แต่รูลลักกลับเพียงแค่ส่ายหน้าด้วยใบหน้าจริงจังเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...