เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

สรุปบท เล่ม 6 บทที่ 222.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เล่ม 6 บทที่ 222.2 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง เล่ม 6 บทที่ 222.2 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

“ไม่ได้กลับมาเสียนานเลย”

เครนีย์ยิ้มกว้าง ในขณะที่มองทิวทัศน์ของลอมบาร์เดียที่แสนคิดถึง

เด็กหนุ่มสูดเอาอากาศของลอมบาร์เดียเข้าไปเต็มปอด

“ต้องรีบกลับไปอวดท่านพี่เทียแล้ว!”

หลังจากที่เครนีย์เดินทางไปยังอะคาเดมี เด็กหนุ่มก็พัฒนาขึ้นมากราวกับปลากระดี่ได้น้ำ

เป็นเพราะเขาได้อ่านหนังสือดีๆ ทั้งหลายแหล่ที่พี่สาวลูกพี่ลูกน้องช่วยแนะนำให้ตอนเด็กๆ หรือเปล่านะ หรือเป็นเพราะเดิมทีเขาเองก็หัวดีอยู่แล้ว ถึงได้ไม่เคยพลาดอันดับท็อปของชั้นเรียนเลยสักครั้ง

“ถ้าคราวนี้บอกว่าเหลืออีกแค่ปีครึ่งละก็ ท่านพี่จะต้องดีใจแน่!”

ตอนนี้เหลือไม่ถึง 2 ปี เขาก็จะเรียนจบแล้ว

หลักสูตรที่ปกติต้องใช้เวลาถึง 6 ปี เขาจบมันได้ภายในเวลาแค่ 4 ปีเท่านั้น

เครนีย์ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุขจนแก้มเปล่งปลั่ง

ตึง!

“อึ๊ก!”

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ รถม้าก็หยุดอย่างกะทันหัน ทำให้เครนีย์ล้มลงไปเข่ากระแทกกับที่นั่งรถม้า

“มีเรื่องอะไรกันครับ”

“ขะ…ขออภัยครับ! พอดีด้านหน้ามีพวกอัศวินขวางทางอยู่!”

“อัศวิน”

เครนีย์เอียงคอด้วยความงุนงง เขายื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่น

พวกอัศวินจากกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์กำลังมองเครนีย์ด้วยใบหน้าดุดัน

“นี่มัน…เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

เครนีย์มองไปยังประตูคฤหาสน์ด้วยความตกใจ

“ทำไมทหารของราชวงศ์ถึงได้ล้อมอยู่รอบคฤหาสน์กันล่ะ”

โล่งอกที่พวกอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์ค่อยๆ ล่าถอยไปอย่างช้าๆ รถม้าจึงสามารถผ่านเข้าไปตรงหน้าเขตประตูคฤหาสน์ได้

“ขอตรวจค้นหน่อยนะครับ”

ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูรถม้าที่เครนีย์นั่งมาถูกเปิดออกกว้าง

เครนีย์ที่กำลังตกอยู่ในความตึงเครียดเงยหน้าขึ้นมองอัศวินที่เป็นคนเปิดประตูทันที

“…พี่คิลลีวู”

“อะไรกัน เครนีย์หรอกเหรอ”

คิลลีวูสวมชุดอัศวินลอมบาร์เดีย ชายหนุ่มแสยะยิ้มมองเครนีย์

“หืม เครนีย์งั้นเหรอ”

ใบหน้าของเมโลนเองก็โผล่แทรกเข้ามาในรถม้าด้วยเช่นกัน

“มาเพราะปิดเทอมแล้วสินะ”

เมโลนเอ่ยถาม

“มีเรื่องอะไรเหรอ ทำไมหน้าคฤหาสน์…”

“เข้าไปถามเทียเองเถอะ นางคงอธิบายให้เจ้าฟังได้ดีกว่า แต่ไม่ได้มีเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะ”

คิลลีวูกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะปิดประตูรถม้าให้ แล้วส่งสัญญาณมือไปทางพลทหารลอมบาร์เดีย

ประตูคฤหาสน์ที่เคยปิดแน่นจึงเปิดออกอย่างช้าๆ รถม้าที่เครนีย์นั่งโดยสารมาจึงเริ่มวิ่งไปบนถนนในคฤหาสน์

อีกด้านหนึ่ง รูลลักกำลังมองรถม้าคันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาในคฤหาสน์

“ท่านพ่อ”

แคลอฮันเดินเข้ามาหารูลลักจากด้านหลัง

“จะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือครับ”

“ถ้าไม่ปล่อยล่ะ”

แคลอฮันขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินคำถามของรูลลัก

“ไม่ต้องช่วยเทียคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่หรือครับ”

ชานาเนสเองก็เดินเข้ามาช่วยพูดอย่างระมัดระวัง

“ประจันหน้ากันแบบนั้นมาหลายวันแล้วนะคะ ท่านพ่อ”

“ที่เจ้าเป็นห่วงใช่ความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์กับลอมบาร์เดียจริงหรือ แคลอฮัน”

รูลลักหันไปถามแคลอฮัน

“พูดความตั้งใจจริงของเจ้ามาดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นข้าไม่อ้อมค้อมแล้วนะครับ”

แคลอฮันเปิดปากพูดด้วยใจที่หนักอึ้ง

“เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียยังคงเป็นท่านพ่อนะครับ ไม่ใช่เทีย หากปล่อยให้ประจันหน้ากันแบบนี้ต่อไป มีแต่จะเพิ่มความกดดันให้เทียมากกว่านะครับ”

“ที่แคลอฮันพูดมาถูกต้องแล้วค่ะ ท่านพ่อ ข้าว่าส่งสารไปหาฝ่าบาทน่าจะดีกว่านะคะ”

ชานาเนสเองก็ช่วยแคลอฮันพูด แต่รูลลักกลับเพียงแค่ส่ายหน้าด้วยใบหน้าจริงจังเท่านั้น

รถม้าออกเดินทางมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเหล็กที่ยังคงปิดแน่น

แอ๊ด

เสียงพลทหารเปิดประตูรั้วออกหลังจากสังเกตเห็นรถม้าที่เธอนั่งมาดังขึ้น

และก็อย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด

“ขอเสียมารยาทสักครู่นะครับ”

ประตูรถม้าถูกเปิดออกพรวด โดยไม่แม้แต่จะรอคำตอบจากเธอ

“บ้าไปแล้วสินะ”

เธอจ้องหน้าอีเดน ครูส มือขวาของจักรพรรดินี

“ไอ้เวรพวกนี้!”

อัศวินลอมบาร์เดียด้านหลังสบถเสียงดังด้วยความโกรธ

แต่เธอแจ้งพวกเขาเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าไม่ต้องเข้ามายุ่ง ดังนั้นจึงไม่มีการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายเกิดขึ้นอย่างที่ควรเป็น

เธอเอ่ยพูดไปทางอีเดน ครูส แทน

“เปิดประตูรถม้าของเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียแบบนี้ คงจะไม่มีตามองแล้วกระมัง เซอร์ครูส”

คำตำหนิของเธอทำให้อีเดน ครูส ขมวดคิ้วลงเล็กน้อย

ดูท่าคงจะรู้สึกเสียศักดิ์ศรี เพราะได้ยินคำตำหนิแบบนี้จากเธอที่ยังเด็กนั่นแหละ แต่อย่างไรสิ่งที่สำคัญกว่าอายุก็คือ ระดับชั้นอยู่ดี

ถ้าไม่ชอบใจก็ขึ้นมาเป็นเจ้าตระกูลให้ได้สิ!

พอเธอจ้องหน้าเขาเขม็งด้วยนัยน์ตาเย็นชา อีเดน ครูส ก็มองสำรวจภายในรถม้าโดยไม่เอ่ยตอบอะไร

“เครย์ลีบัน เพลเลส ไม่ได้อยู่ในรถม้าคันนี้ ไม่ต้องมองขนาดนั้นก็น่าจะรู้มิใช่หรือไง”

“…เป็นคำสั่งของราชวงศ์ที่สั่งให้ตรวจรถม้าทุกคันที่ออกมาจากลอมบาร์เดียครับ”

“คำสั่งขององค์จักรพรรดินีต่างหาก”

เธอกระตุกยิ้มมุมปาก

“จักรพรรดินีสั่งให้ขัดขวางเอาไว้ ไม่ให้เครย์ลีบัน เพลเลส ออกไปจากคฤหาสน์ได้สินะ”

ทันทีที่อ้างถึงจักรพรรดินี บรรยากาศรอบตัวอีเดน ครูส ก็พลันดุดันขึ้นทันที

แต่ของแค่นั้นทำอะไรเธอไม่ได้หรอก

เธอมองจ้องนัยน์ตาสีเทาของอีเดน ครูส อย่างแข็งกร้าวยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่เอ่ยพูดขึ้น

“ทำไม คิดจะขวางทางข้าผู้เป็นรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียด้วยหรือไง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]