เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

สรุปบท เล่ม 6 บทที่ 223.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

อ่านสรุป เล่ม 6 บทที่ 223.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บทที่ เล่ม 6 บทที่ 223.2 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เล่ม 6 บทที่ 223.2

ณ ห้องประชุมใหญ่ประจำพระราชวัง

ยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่กว่าการประชุมจะเริ่มขึ้น แต่ขุนนางมากมายต่างก็ทยอยเดินทางมาถึงกันแล้ว ที่นั่งในที่ประชุมจึงเต็มแน่นไปด้วยผู้คน

ระเบียบวาระประชุมในวันนี้ถือเป็นเรื่องด่วนที่เรียกความสนใจจากขุนนางทั่วอาณาจักรได้ชะงัด

อังเกนัสกับบราวน์ ผู้ใดจะได้เป็นตัวแทนเขตแดนตะวันตก

การต่อสู้ระหว่างตระกูลอังเกนัสซึ่งเป็นตระกูลของจักรพรรดินี ทั้งยังครอบครองดินแดนตะวันตกมาตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา และลอมบาร์เดียกับตระกูลบราวน์ เจ้าของเขตแดนตะวันตกตั้งแต่รุ่นบุกเบิก ทั้งยังเลือกสนับสนุนข้างฝ่ายเจ้าชายลำดับที่สอง

เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ

มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่ใกล้เข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างก็นั่งจับกลุ่มกันสามสี่คน คาดเดาผลการประชุมในวันนี้กันไปต่างๆ นานา

มีอยู่คนหนึ่งที่พวกเขาเอาแต่เหลือบมองด้วยความระแวดระวัง

“จักรพรรดินีก็ทรงเข้าร่วมด้วยงั้นหรือเนี่ย…”

“เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของอังเกนัสเชียวนะ แน่นอนว่าพระองค์ก็ต้องลงมือเคลื่อนไหวด้วยตัวเองอยู่แล้ว”

จักรพรรดินีราวีนีประทับอยู่บนพระที่นั่งด้านซ้ายสุดในบรรดาเก้าอี้สามตัวที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้

เดิมทีมันเป็นที่นั่งของอาสทาน่า

ถึงแม้จะได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของพวกขุนนาง แต่บนใบหน้าของจักรพรรดินีกลับไม่มีสีหน้าขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย

นางเพียงแค่ยกยิ้มจางๆ นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่วงท่าผ่อนคลายสมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

มีคนไม่น้อยเลยที่คาดเดาจากท่าทางมั่นอกมั่นใจนั่นว่า การประชุมในวันนี้จะต้องจบลงด้วยชัยชนะของอังเกนัสเป็นแน่

“องค์จักรพรรดินี”

ดิวอิจเดินเข้าไปใกล้ ลดระดับเสียงลงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ ก่อนจะเอ่ยรายงานสถานการณ์

“ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ออกเดินทางจากคฤหาสน์พ่ะย่ะค่ะ”

“ตรวจค้นรถม้าหรือยัง”

“เรื่องนั้น…ในห้องโดยสารมีแค่ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าสั่งแล้วมิใช่หรือว่าให้ตรวจค้นห้องเก็บสัมภาระด้วย”

“เป็นเพราะทางฝ่ายลอมบาร์เดียเองก็สั่งให้อัศวินคอยอารักขา…ทั้งแลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย และบุตรชายฝาแฝดของชานาเนส ลอมบาร์เดีย ต่างก็ออกโรงเคลื่อนไหวด้วยตัวเองทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”

“…เจ้าเล่ห์นัก”

สามคนนั่นอาจจะเป็นอัศวินตระกูลลอมบาร์เดียก็จริง แต่ก็เป็นสมาชิกตระกูลลอมบาร์เดียด้วยเช่นกัน

หากพวกนั้นเกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ลอมบาร์เดียจะสามารถยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องความขัดแย้งครั้งนี้ได้ในทันที

แต่การต้องเผชิญหน้ากับลอมบาร์เดียนั้น สำหรับอังเกนัสและราชวงศ์อย่างไรก็ยังเป็นเรื่องน่าลำบากใจทั้งสิ้น

‘ถ้ากล้าก็ลองดูสิ’

ฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย กำลังบอกนางเช่นนั้น

“ทั้งหมดนี่ต้องเป็นแผนการของไอ้เฒ่านั่นแน่”

จักรพรรดินีราวีนีกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงหน้ารูลลัก ลอมบาร์เดีย ขึ้นมา

ชี้นำให้สายเลือดลอมบาร์เดียแต่ละคนเป็นคนเคลื่อนไหว แต่เจ้าตัวกลับหลบซ่อนเหมือนนั่งเล่นหมากรุกอยู่ในคฤหาสน์

บางทีที่บอกว่าป่วยนั่น ทั้งหมดอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างก็ได้

“หรือจะมีที่ให้คนตัวเท่าเครย์ลีบัน เพลเลส ซ่อนอยู่ในช่องเก็บสัมภาระได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ดิวอิจเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“พูดอะไรโง่ๆ พวกนั้นทำได้ทุกอย่างเพื่อกวนโมโหพวกเราอังเกนัสอยู่แล้ว ไอ้ลอมบาร์เดียพวกนั้น”

จักรพรรดินีหันไปมองที่นั่งว่างที่อีกไม่นานรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียจะต้องนั่งลงตรงนั้น

“สั่งอีเดนให้หาทุกวิถีทางตรวจค้นห้องเก็บสัมภาระให้ได้”

“แต่จะทำได้ยังไง…”

บิดาของโครอีธานถือเป็นผู้อาวุโสของตระกูลที่ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลอังเกนัสมาเป็นเวลานาน

“และก่อนท่านพ่อจะหมดลมหายใจ กระหม่อมได้ลองถามเรื่องตระกูลบราวน์ดูอีกครั้ง”

ชั่วขณะ นัยน์ตาของจักรพรรดินีทอประกายขึ้นมา

ตั้งแต่วันที่ตระกูลบราวน์กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ราวีนีก็พยายามสืบหามาตลอดว่าเมื่อ 40 ปีก่อนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

แต่ไม่ว่าจะพยายามค้นทั่วตระกูลแค่ไหน ก็ไม่อาจหาเอกสารเกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อสมัยนั้นได้เลย

ราวกับผู้คนในตอนนั้นจงใจทำลายร่องรอยทุกอย่างทิ้งไปจนหมดสิ้น กระทั่งเอกสารธรรมดาก็ไม่เหลือไว้เลยสักฉบับ

บิดาของโครอีธาน อังเกนัส เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่เหลือแค่ไม่กี่คนของตระกูล และได้ประสบกับเรื่องราวในยุคนั้นด้วยตัวเอง

ตอนที่ราวีนีไปเยี่ยมเมื่อครั้งก่อน คนคนนั้นก็ยังเอาแต่ปิดปากแน่น บอกแค่ว่าไม่รู้เรื่องใดทั้งสิ้น

“ว่าอย่างไรบ้าง”

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะที่ต้องทำให้ผิดหวัง แต่ท่านพ่อไม่ยอมบอกเรื่องนั้นจนถึงวินาทีสุดท้าย”

“อะไรกัน”

เสียงของราวีนีหวีดแหลมด้วยความไม่พอใจ

แต่โครอีธาน อังเกนัส ยังคงมีสีหน้าเศร้าหมอง ตอนนี้เขาไม่ได้หัวหดต่อหน้าราวีนีเหมือนในอดีตอีกแล้ว

ไม่ใช่ว่าแข็งแกร่งขึ้นหรืออะไรหรอก ก็แค่ใกล้เคียงกับคนที่ยอมแพ้ในทุกสิ่งแล้วมากกว่า

“วันนี้กระหม่อมมาเพื่อถ่ายทอดคำสั่งเสียครั้งสุดท้ายของท่านพ่อแก่พระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

โครอีธาน อังเกนัส กล่าวเช่นนั้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตาจักรพรรดินีราวีนี

และเปิดปากพูดคำสั่งเสียของบิดาด้วยใบหน้าเจ็บปวด

“อย่าเชื่อในตัวจักรพรรดิ”

คำพูดประโยคสุดท้ายที่ผู้อาวุโสตระกูลอังเกนัสเหลือทิ้งไว้ก่อนจะจากโลกนี้ไปด้วยความเป็นห่วงในอนาคตของตระกูล สุดท้ายก็เป็นคำพูดประโยคนี้

“อย่าเชื่อในราชวงศ์ที่ทอดทิ้งตระกูลบราวน์”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]