เล่ม 6 บทที่ 224.2
ถนนสายสุดท้ายก่อนเข้าสู่บริเวณพระราชวังส่วนกลางซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมใหญ่
รถม้าตระกูลลอมบาร์เดียจอดนิ่งโดยมีกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ล้อมอยู่ทั่ว
“ฮ่าฮ่า”
แลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย แสยะยิ้มจ้องหน้าเหล่าอัศวินที่กล้าขวางทางพวกเขา
เพียงแค่นั้นก็สามารถทำให้ไหล่ของพวกอัศวินที่ยืนประจันหน้าสะดุ้งไปเล็กน้อยได้แล้ว
“ได้แต่ฝึกซ้อมไม่ได้ออกมานอกคฤหาสน์เสียนาน”
น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยเสียงหัวเราะขบขัน แต่โทสะและจิตสังหารที่ผสานอยู่ในนั้นกลับมากพอที่จะทำให้กระดูกสันหลังของทุกคนสะท้านเยือก
“ระหว่างนั้นลอมบาร์เดียเปลี่ยนไปมาก หรือโลกนี้มันบ้าไปแล้วกันแน่”
นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองอัศวินทีละคน ก่อนจะหันมามองคนที่ยืนอยู่หน้าสุดของกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์
“คิดยังไงล่ะ อีเดน ครูส”
“ต้องตรวจห้องเก็บสัมภาระ”
“ดูเหมือนพวกเดรัจฉานจะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องกระมัง”
แลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย เอ่ยพูดในขณะที่ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างช้าๆ
“บอกตั้งกี่รอบแล้วว่าถ้าจะทำอย่างนั้น คงจะต้องข้ามศพข้าไปก่อน”
อีเดน ครูส และกองกำลังอัศวินเกินกว่า 30 คนล้อมกรอบอัศวินลอมบาร์เดียที่มีไม่ถึง 10 คนด้วยซ้ำ
ลอมบาร์เดียอาจจะมีจำนวนคนน้อยกว่าก็จริง แต่บรรยากาศของกองกำลังทั้งสองฝ่ายที่ยืนประจันหน้ากันอยู่นั้นกลับตรงกันข้ามกับจำนวนคน
ฝ่ายที่มีจิตสังหารและพลังคุกคามเหนือชั้นกว่าคือฝ่ายของลอมบาร์เดีย
“อะไรกัน ทำไมอ่อนแอขนาดนั้นล่ะเนี่ย”
คิลลีวูเยาะเย้ยกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์
“หัวหน้า บุกเข้าไปเลยดีกว่ามั้ย”
เมโลนเองก็กวาดสายตามองกองกำลังอัศวินทีละคนเหมือนอย่างที่แลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย ทำเมื่อครู่
แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็ตาม พวกอัศวินกองกำลังอัศวินก็ไม่กล้าท้วงติงอะไรอยู่ดี
“ให้ตายเถอะ”
เพราะมันก็เห็นกันอยู่ชัดๆ คาตาอยู่แล้วว่าความสามารถของอัศวินลอมบาร์เดียเหนือชั้นกว่ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์อยู่มาก
ที่เมโลนกับคิลลีวูกล่าวมานั้นไม่ใช่การโอ้อวดเกินจริงเลยสักนิด
ถ้าหากพวกเขาตั้งใจจะลงมือจริงๆ แล้วละก็ อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์ที่อยู่ตรงหน้านี่ทั้งหมดจะต้องได้รับบาดเจ็บหนัก หรือไม่ก็มีสภาพพิกลพิการจนไม่สามารถออกรบได้อีก
ไม่ต้องพูดถึงอัศวินคนอื่นๆ ของลอมบาร์เดียเลย แค่แลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย คนเดียวก็หนักหนาพอแล้ว และคนที่มีฝีมือมากพอจะรับมือหัวหน้ากองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียคนนี้ได้ก็มีแค่อีเดน ครูส เท่านั้น
“ที่นี่เป็นอาณาเขตของราชวงศ์สินะ และเจ้าตรงนั้นน่ะ”
แลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย พยักพเยิดหน้าไปทางอัศวินกองกำลังส่วนพระองค์คนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างอีเดน ครูส
“รองหัวหน้ากองกำลังอัศวินหน่วยที่ 4 ใช่มั้ย”
“ชะ…ใช่ครับ…ไม่สิ ใช่แล้ว”
“ลอร์ดคิดเช่นไรล่ะ สุนัขรับใช้อังเกนัสบอกว่าต้องเปิดช่องสัมภาระรถม้าของลอมบาร์เดีย”
“พะ…พวกเรา…”
รองหัวหน้ากองกำลังได้แต่มองอีเดน ครูส สลับไปมากับแลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย สุดท้ายก็ต้องหลับตาแน่นตอบกลับไปทั้งๆ ที่ในใจตะโกนก้องว่า ‘โอ๊ย ไม่รู้ด้วยแล้วโว้ย’
“เป็นคำสั่งจากทางราชวงศ์ให้ตรวจค้นห้องเก็บสัมภาระรถม้าของลอมบาร์เดียครับ!”
“ได้ยังไงกัน”
“เหตุผลด้านความปลอดภัยครับ!”
“ช่างสรรหาข้ออ้างกันเก่งนัก”
แลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย แสยะยิ้ม รู้สึกได้ว่าความอดทนของตนเริ่มถึงขีดจำกัดแล้ว
“หัวหน้าเริ่มหัวเราะแล้วนั่น”
“เกิดเรื่องใหญ่แน่”
“ตอนนี้พวกเราก็ห้ามไม่อยู่แล้ว”
สองแฝดคุ้นกับนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย ที่มักจะชอบยิ้มเวลาโมโหเดือดเป็นอย่างดี พวกเขาเดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความสมเพชในตัวกองกำลังอัศวินส่วนพระองค์พวกนี้
อีกด้านหนึ่ง อีเดน ครูส กลับแน่ใจเป็นอย่างยิ่ง
‘เครย์ลีบัน เพลเลส ต้องอยู่ข้างในนั้นแน่’
อีกไม่นานการประชุมใหญ่จะเริ่มขึ้นแล้ว
เหตุผลที่ยังยื้อเวลาขนาดนี้ อีเดนมั่นใจมากว่าจะต้องเป็นเพราะเครย์ลีบัน เพลเลส ซ่อนตัวอยู่ในช่องเก็บสัมภาระอย่างแน่นอน
‘หรือจะยื้อเวลาเอาไว้ ไม่ให้ไปเข้าร่วมประชุมได้ก็เป็นวิธีที่ไม่เลว’
อีเดน ครูส คิดเช่นนั้น ในขณะที่จ้องหน้าแลมเบิร์ต ลอมบาร์เดีย นิ่ง
ในตอนนั้นเอง
“เซอร์ลอมบาร์เดีย”
ก็พลันได้ยินเสียงของฟีเรนเทีย ลอมบาร์เดีย ดังขึ้นจากข้างในรถม้า
“ครับ รักษาการเจ้าตระกูล”
“ให้เขาดูเถอะค่ะ”
ทุกคนด้านนอกรถม้าต่างก็ตกใจกันทั้งสิ้น
โดยเฉพาะอีเดน ครูส ที่มั่นใจมากว่าเครย์ลีบัน เพลเลส จะต้องซ่อนกายอยู่ในช่องเก็บสัมภาระ นัยน์ตาของเขาสั่นคลอนด้วยความไม่แน่ใจเสียแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...