เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

สรุปบท เล่ม 6 บทที่ 226.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอน เล่ม 6 บทที่ 226.1 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

เล่ม 6 บทที่ 226.1 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เล่ม 6 บทที่ 226.1

ตอนที่ 226

“ตรวจวัดใหม่”

โยบาเนสเอียงคอด้วยความงุนงง

พอเห็นแบบนั้นแล้ว ราชเลขาฯผู้ส่งเอกสารให้แก่จักรพรรดิก็ขมวดคิ้วแน่น เอ่ยตอบดิวอิจ อังเกนัส

“หากกังวลว่ามีการคำนวณผิดพลาดละก็…”

“ปัญหาไม่ใช่เรื่องการคิดคำนวณ!”

เจ้าตระกูลอังเกนัสตะโกนเสียงดังตอบกลับไปด้วยความอึดอัดใจ

นี่มันอะไรกันเนี่ย

“ได้มีการวัดขนาดความใหญ่ของเขตแดนอย่างเหมาะสม หรือมีเขตแดนใดตกหล่นไปหรือไม่ ได้โปรดรับสั่งให้มีการตรวจสอบใหม่อีกครั้งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“พูดเรื่องบ้าอะไรอีก…”

“จะดึงดันก็ต้องมีขอบเขตเสียบ้างสิ จิ๊จิ๊!”

ขุนนางจำนวนไม่น้อยเดาะลิ้นส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา

แต่ดิวอิจ อังเกนัส ก็ยังคงหน้าด้านหน้าทน เอาแต่เงยหน้าขึ้นมองจักรพรรดิโยบาเนสเพียงผู้เดียว

คงเชื่อมั่นมากว่าหากรั้งสถานการณ์ให้มาถึงจุดนี้ได้ จักรพรรดิจะต้องเข้าข้างฝ่ายตนแน่

ทว่าโยบาเนสกลับเคาะนิ้วเสียงดังตึก ตึก ลงบนที่เท้าแขนเก้าอี้ ยื้อเวลาราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างเท่านั้น

หลังจากนั้นเธอก็ได้เห็น

จักรพรรดิเหลือบสายตามองเฟเรส

“เจ้าตระกูลอังเกนัส”

เธอยกมือขึ้นประสานกันบนโต๊ะ เอ่ยเรียกดิวอิจ อังเกนัส เสียงเรียบ

“อะไร รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

พอเห็นว่าเด็กน้อยอย่างเธอเรียกตัวเอง เจ้าตระกูลอังเกนัสก็ตอบกลับมาด้วยความหงุดหงิด

“ตอนนี้ที่ยอมรับไม่ได้ เพราะความแตกต่างที่ว่านั่นมันเล็กน้อยเกินไปใช่มั้ยคะ”

“ถูกต้อง”

เธอพยักหน้าลงสองครั้ง คราวนี้หันไปถามจักรพรรดิโยบาเนส

“ฝ่าบาทคิดเห็นเช่นไรเพคะ”

“เรื่องใดกัน”

“ประเด็นสำคัญในการตัดสินใจ มีเพียงแค่ความแตกต่างของขนาดเขตแดนเท่านั้นใช่มั้ยเพคะ”

“อืมมมม ใช่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นก็ยังคงเหมือนเคย มาตรฐานการตัดสินว่าตระกูลใดจะได้เป็นตัวแทนเขตแดน ขึ้นอยู่กับขนาดของเขตแดนในครอบครองเพียงอย่างเดียว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใช่มั้ยเพคะ”

“เป็นเช่นนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันจะช่วยพระองค์ตัดสินใจเองเพคะ ฝ่าบาท”

เธอกล่าวเช่นนั้น ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้

ไม่มีเรื่องใดให้ต้องรีบร้อน

ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผนการที่เธอวางไว้

สายตามากมายมองตามทุกจังหวะการย่างก้าวของเธอ

สายตาร้อนแรงที่จับจ้องมายังเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำให้ร่างกายรู้สึกสะท้านไปทั่วด้วยความตื่นเต้น

เธอส่งเอกสารที่นำมาจากคฤหาสน์ให้จักรพรรดิโยบาเนส

สิ่งที่ถูกเก็บเอาไว้อย่างล้ำค่าอยู่ในตู้เซฟในห้องของเธอ

แกรก

จักรพรรดินีราวีนีสะดุ้งตกใจ นางขยับกายกึ่งนั่งกึ่งยืน ก่อให้เก้าอี้เกิดเสียงดังขึ้นมาเบาๆ

“นี่มันอะไรกัน”

จักรพรรดิโยบาเนสเอ่ยถามเธอ

เธอหันไปมองราวีนีในขณะที่เอ่ยตอบ

“เอกสารสัญญาที่ตระกูลอังเกนัสลงนามไว้ ในตอนที่ยืมเงินไปจากร้านค้าเพลเลสเพคะ”

ลำบากแทบตายเพื่อตามหาเอกสารนี่ใช่มั้ยล่ะ

“มีการใช้เขตแดนเฮนโฟเรคเป็นที่ดินค้ำประกันเพคะ”

วันที่เธอเข้าร่วมการประชุมสภาขุนนางเมื่อตอนนั้น เอกสารที่เครย์ลีบันนำมาให้ก็คือ หนังสือสัญญากู้ยืมเงินของอังเกนัสกับร้านค้าเพลเลส

ถ้าเธอเริ่มบุกอย่างเต็มตัวขึ้นเมื่อไหร่ จักรพรรดินีจะต้องตามหาสิ่งนี้แน่ เธอเลยสั่งให้เอามันมาเก็บไว้ที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดีย

ไพ่ตายซึ่งถือเป็นอาวุธร้ายกาจที่สุดในมือจักรพรรดินีก็คือ ‘ราชวงศ์’ ดังนั้นสถานที่แห่งเดียวที่พวกนั้นจะไร้ซึ่งอำนาจจึงมีแต่คฤหาสน์ลอมบาร์เดียเพียงที่เดียวเท่านั้น

เธอกระตุกยิ้มเยาะมุมปากให้แด่จักรพรรดินีราวีนีเท่านั้นที่ได้เห็น

“ไม่นะเพคะ ฝ่าบาท!”

นึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้

จักรพรรดินีโต้แย้งทันทีราวกับกลัวว่าเธอจะพูดอะไรต่อ

คนแบบนี้เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรเนี่ยนะ

เธอกลืนลมหายใจที่เกือบหลุดพ่นออกมาเป็นเสียงหัวเราะเยาะเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดขึ้น

“เช่นนั้นหม่อมฉันมีเรื่องหนึ่งอยากขอคำยืนยันจากองค์จักรพรรดินีเพคะ”

จักรพรรดิโยบาเนสพยักหน้าลงเป็นเชิงอนุญาต

“ตระกูลอังเกนัสยังไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยงวดที่แล้ว และงวดก่อนหน้านั้นด้วยเพคะ และดอกเบี้ยของเดือนนี้ก็ยังค้างชำระอยู่เช่นกัน ถูกต้องหรือไม่เพคะ”

จักรพรรดินีจ้องเธอเขม็งด้วยนัยน์ตาเย็นชาสีฟ้า ราวกับอยากจะสาปเธอให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

“ความจริงแล้วหลังจากตระกูลอังเกนัสยืมเงินไป ก็ไม่เคยชำระดอกเบี้ยเลยแม้แต่งวดเดียวเพคะ”

อังเกนัสยืมเงิน แต่ไม่เคยคิดจ่ายดอกเบี้ย

มันอาจจะเป็นเรื่องน่าขำ แต่พวกเขาทำตัวเช่นนั้นราวกับเป็นธรรมเนียมเสียแล้ว

ในเมื่อเป็นตระกูลของจักรพรรดินี และเป็นตระกูลที่ยึดครองอำนาจอันแข็งแกร่ง ทุกตระกูลที่ถูกยืมเงินไปส่วนใหญ่จึงยอมรับและถือว่าใช้มันเพื่อสานสัมพันธ์กับอังเกนัส

ถึงแม้บนเอกสารสัญญาจะมีเขียนกำหนดชำระดอกเบี้ยเอาไว้อย่างชัดเจน และอังเกนัสจะไม่ยอมจ่าย พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะมองข้ามมันไปทุกครา

‘จักรพรรดินีราวีนีเข้าใจว่าเครย์ลีบันเองก็อยากจะทำตัวให้ดูดีในสายตานาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดที่จะจ่ายดอกเบี้ยอยู่แล้ว’

เธอถามย้ำอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“เป็นความจริงหรือไม่เพคะ องค์จักรพรรดินี”

“…”

จักรพรรดินีราวีนีกำหมัดแน่นจนมือสั่น นางได้แต่เม้มปากแน่น

ก็คงไม่รู้จะพูดอะไรนั่นแหละ ก็นะ

“ฝ่าบาท หากทรงทอดพระเนตรบนเอกสารแผ่นสุดท้ายของสัญญา จะมีหมายเหตุที่ระบุไว้เกี่ยวกับหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่เพคะ”

คำพูดของเธอทำให้โยบาเนสเหลือบมองจักรพรรดินี ก่อนจะกางเอกสารแผ่นสุดท้ายของสัญญาออกมาอ่าน

“ ‘กรณีที่อังเกนัสไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นได้ เจ้าของร้านค้าเพลเลสจะกลายเป็นเจ้าของเขตแดนเฮนโฟเรคที่เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน’ เขียนเอาไว้เช่นนี้”

“และข้างใต้นั้นก็มีคำอธิบายระบุไว้อย่างชัดเจนเพคะ ว่าสถานการณ์ที่หมายถึง ‘ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นได้’ ที่ว่านั้น หมายถึงสถานการณ์ใด”

เธอชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว

“สามครั้ง หากไม่ชำระดอกเบี้ยครบสามครั้ง จะถือว่าเป็นการ ‘ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นได้’ เพคะ”

มันเป็นส่วนที่จักรพรรดินีเองก็เป็นคนตรวจสอบด้วยตัวเองตอนที่ลงนามในสัญญากับเครย์ลีบัน ดังนั้นนางย่อมต้องทราบดีอยู่แล้ว

หมายเหตุที่จะทำให้หลักทรัพย์ค้ำประกันถูกเจ้าหนี้นำไปใช้การ

เพราะอย่างนั้นถึงได้ใช้ไพ่ตายที่เรียกว่ากองกำลังอัศวินส่วนพระองค์ สั่งให้พวกนั้นบุกเข้ารื้อค้นร้านค้า และไล่ล่าเครย์ลีบันอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้นยังไงล่ะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]