เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

สรุปบท เล่ม 6 บทที่ 230.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

เล่ม 6 บทที่ 230.1 – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง เล่ม 6 บทที่ 230.1 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เล่ม 6 บทที่ 230.1

ตอนที่ 230

รถม้าตระกูลลอมบาร์เดียที่พาเธอกับท่านปู่โดยสารมากำลังวิ่งตรงไปยังพระราชวังอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้จะออกเดินทางหลังจากได้ข่าวว่าจักรพรรดิป่วยหนัก แต่ท่านปู่กลับดูไม่ได้ร้อนใจอะไรเลยสักนิด

“วันนี้ก็คงจะเป็นวันที่ยาวนานเช่นเคย”

เพราะท่านปู่ดูผ่อนคลายมากเสียจนพูดปลอบโยนกลัวว่าเธอจะเหนื่อยได้แบบนี้อยู่เลย

“นั่นสิคะ จริงๆ เลย”

เธอเอ่ยตอบพลางยักไหล่ไม่ยี่หระราวกับมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้

“ว่าแต่ไม่อยากถามหรือว่าเพราะเหตุใดปู่คนนี้ถึงพาเจ้าไปด้วย”

“ก็คงจะมีอะไรอยากให้ข้าได้เห็นใช่มั้ยล่ะคะ”

“ใช่แล้ว เจ้าพูดถูก”

ท่านปู่พยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะถามเธอด้วยน้ำเสียงมีเลศนัย

“เจ้าคิดว่าราชวงศ์ดิวเรลลี่กับลอมบาร์เดียมีความสัมพันธ์แบบใด เทีย”

“พาร์ตเนอร์แบบหนึ่งละมั้งคะ”

“พาร์ตเนอร์”

“ค่ะ สองตระกูลร่วมมือกันมาตั้งแต่ตอนก่อตั้งอาณาจักรแลมบลูในยุคแรกเริ่ม ตอนนี้อาจจะมีทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะเกลียดหรือชอบ ก็ยังคงถูกผูกมัดกันไว้ด้วยความสัมพันธ์หลากหลายอย่างไม่ใช่เหรอคะ”

แค่ดูว่าองค์จักรพรรดิในแต่ละยุคสมัยปฏิบัติต่อลอมบาร์เดียเช่นไรก็ได้คำตอบแล้ว

ทั้งๆ ที่เกลียดชังลอมบาร์เดีย ทั้งๆ ที่ไม่อาจทนมองการมีตัวตนของลอมบาร์เดียได้

แต่ก็ไม่มีจักรพรรดิองค์ใดที่จะมุ่งทำลายตระกูลลอมบาร์เดียให้หายไป

มีแค่พยายามกดข่มอำนาจของเจ้าตระกูลเท่านั้นเอง

“เจ้ามองได้ถูกต้องยิ่ง”

ท่านปู่ยกยิ้มด้วยความพอใจกับคำตอบของเธอ

“และเหตุผลที่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเดินทางเข้าสู่พระราชวังยามจักรพรรดิสวรรคต ก็มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น คือเพื่อตรวจเช็กด้วยสองตาของตัวเองให้มั่นใจว่าจักรพรรดิสวรรคตแล้ว”

เรื่องนี้ผิดคาดไปเล็กน้อย

เธอสะดุ้ง หยัดกายขึ้นนั่งตัวตรง

“ตรวจเช็กให้แน่ใจหรือคะ”

“ราชวงศ์ดิวเรลลี่น่ะ นอกจากทรัพย์สินในท้องพระคลังของราชวงศ์แล้ว ก็ยังมีเงินทองมากมายที่ฝากไว้ให้ลอมบาร์เดียดูแล”

“พวกเงินทุนลับสินะคะ”

“ใช่แล้วละ ทรัพย์สินพวกนั้นมีแต่จักรพรรดิเท่านั้นที่ทราบว่ามันมีอยู่จริง และเป็นเพียงผู้เดียวที่ใช้มันได้ และหากจักรพรรดิสวรรคต สิทธิ์ในการถือครองเงินจำนวนนั้นก็จะถูกส่งมอบให้แก่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียผู้เดียว”

“อา เพราะอย่างนั้น…”

มันเป็นความเชื่อใจอันใหญ่หลวง

ส่งมอบเงินจำนวนมากมายมหาศาลที่สะสมมาเป็นเวลานานให้แก่เจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเลยหรือเนี่ย

“และเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียก็จะแจ้งการมีอยู่ของทรัพย์สินเหล่านั้น หากจักรพรรดิพระองค์ใหม่ขึ้นนั่งบัลลังก์อย่างถูกกฎหมาย และส่งมอบมันคืนกลับไป”

“ถูกกฎหมาย”

น้ำหนักของคำคำนั้นถือว่ามากพอสมควร

พอเห็นเธอพึมพำคำนั้นเงียบๆ ท่านปู่ก็อธิบายต่อ

“หมายถึงองค์รัชทายาทที่ได้รับความเห็นชอบจากตัวแทนแต่ละเขตแดน โดยเฉพาะลอมบาร์เดีย แน่นอนว่ามีบ้างที่อยู่นอกเหนือกรณีนั้น”

ท่านปู่กล่าวเช่นนั้น ก่อนจะถอนหายใจเสียงแผ่วด้วยความไม่สบายใจนัก

“เรื่องคงจะวุ่นวายน่าดู”

เสียงท่านปู่ดังก้องไปทั่วรถม้า

“หมายความว่า ไม่มี ‘คนที่ถูกกฎหมาย’ อย่างนั้นเหรอคะ”

“ย่อมใช่ โยบาเนสเป็นพวกไม่อยากเอ่ยถึงผู้สืบทอดอยู่แล้ว แล้วใครเล่าจะคาดเดาความคิดในใจของเจ้านั่นได้”

“ถ้าอย่างนั้น หากฝ่าบาทสวรรคตขึ้นมาจริงๆ ล่ะคะ”

เธอถามในขณะที่พยายามข่มความรู้สึกอยากตะโกนสาปส่งออกไปอย่างสุดความสามารถ

“ถ้าอย่างนั้นสิทธิ์ในการเลือกตำแหน่งผู้สืบทอด…”

“ก็จะตกอยู่ที่จักรพรรดินี”

ให้ตายเถอะ

ทั้งๆ ที่อุตส่าห์พยายามทำทุกวิถีทาง จนในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนตัวแทนเขตตะวันตกจากอังเกนัสเป็นตระกูลบราวน์ได้แล้วแท้ๆ

คราวนี้จักรพรรดินีกลับเป็นผู้มีอำนาจ สามารถแต่งตั้งผู้สืบทอดได้โดยตรงเนี่ยนะ!

“จะหมดสติไปแล้วทำไมจะต้องมาหมดสติเอาช่วงเวลาแบบนี้ด้วย โยบาเนส เจ้าโง่นั่น”

ท่านปู่เดาะลิ้นเสียงดังจิ๊จ๊ะด้วยความไม่พอใจ

“แต่ท่านปู่”

“อะไรหรือเทีย”

“ทำไมไม่ตกใจเลยล่ะคะ”

ท่านปู่เอียงคอด้วยความงุนงง

ท่าทางคงจะไม่เข้าใจคำถามของเธอเท่าไหร่

“ตอนได้ยินข่าวว่าฝ่าบาททรงประชวรหนักน่ะค่ะ ดูท่านปู่ไม่ตกใจเลย”

เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในรถม้าระหว่างเดินทางกลับลอมบาร์เดีย หลังจากส่งเบเลซักให้เซรัลเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมา

“เอสทีร่าบอกให้ข้ามอบนี่ให้เจ้า”

เธอส่งกล่องใบเล็กให้เฟเรส

“มันเป็นยาพิษแมงมุมทีที กับยาแก้พิษที่เจ้าขอไว้”

“ขอบใจ”

เฟเรสปิดฝากล่องลง

“ข้าจะใช้มันอย่างมีประโยชน์”

เธอไม่ได้ถามเฟเรสออกไปว่าเขาวางแผนที่จะเอามันไปใช้ยังไง

เฟเรสเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เธอฟัง

เธอตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นเดียวกับท่านปู่

เฟเรสกับจักรพรรดินี

คนที่วางยาพิษโยบาเนส ในสองคนนี้จะเป็นใครกันแน่

“ถึงวังจักรพรรดิแล้วครับ”

เสียงสารถีรถม้าแจ้งข่าวการเดินทางปลุกเธอกับท่านปู่ให้ตื่นจากภวังค์

และหลังจากเปิดประตูรถม้าออกไป พวกเราก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม

“ดูเหมือนที่วังจะเกิดเรื่องนะคะ ท่านปู่”

รอบวังจักรพรรดิดูโกลาหลมาก

มีทั้งพลทหารที่รวมกลุ่มกันเคลื่อนไหวไปทั่ว อัศวินกองกำลังส่วนพระองค์เองก็วิ่งเข้าไปในพระราชวังด้วยความเร่งรีบ

“…ไปที่ห้องนอนของโยบาเนสกันเถอะ”

ท่านปู่พูดกับเธอในขณะที่รีบสาวเท้าก้าวเดิน

ทันทีที่เดินเข้าไปถึงโถงทางเดินซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ พวกเราก็เห็นได้ในทันทีว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่

“หลีกทางเสีย เจ้าชายลำดับที่สอง!”

เสียงตวาดลั่นด้วยความเกรี้ยวกราดของจักรพรรดินีดังก้องไปทั่วโถงทางเดินที่เต็มไปด้วยเหล่าอัศวิน

“น่าดูเสียจริง”

ท่านปู่เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

“อัศวินชี้ดาบใส่กันหน้าห้องบรรทมจักรพรรดิ ปะทะกันอย่างดุเดือดแบบนี้เลย”

จักรพรรดินีกับเฟเรสกำลังยืนประจันหน้ากัน

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]