เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

สรุปบท เล่ม 6 บทที่ 236.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอน เล่ม 6 บทที่ 236.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

เล่ม 6 บทที่ 236.2 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เล่ม 6 บทที่ 236.2

เฟเรสกวาดสายตาอ่านเนื้อหาในเอกสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ต้องการให้ข้าทำเช่นไรดีครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

ทันใดนั้นฟีเรนเทียก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ ราวกับเฝ้ารอจังหวะนี้อยู่ก่อนแล้ว

“ให้ทางราชวงศ์ถอนตัวจากสิทธิ์การเก็บหนี้เงินกู้เพคะ”

“เฮือก!”

คราวนี้บรรดาเจ้าหน้าที่ต่างก็สะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัว

และเริ่มลอบสังเกตท่าทีระหว่างฟีเรนเทียกับเฟเรส

ต่อให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกันแค่ไหนก็ตาม แต่ออกคำสั่งราชวงศ์แบบนั้นได้ด้วยหรือ

ไม่สิ เพราะเป็นลอมบาร์เดียงั้นหรือ ถึงได้ไม่เป็นอะไร

แต่ถึงอย่างไรเจ้าชายลำดับที่สองก็กำลังจะกลายเป็นองค์รัชทายาทนะ

หรือเป็นเพราะยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเลยมีตำแหน่งสูงกว่า

ความคิดต่างๆ นานาแวบผ่านหัวสมองของเหล่าเจ้าหน้าที่ราชการทั้งหลาย และเทียก็เริ่มกดดันเฟเรสหนักขึ้น

“เรื่องที่จักรพรรดินีกับตระกูลอังเกนัสกู้หนี้ยืมสินอย่างไร้ซึ่งความรับผิดชอบเช่นนี้เกิดขึ้นได้ ทั้งหมดเป็นเพราะราชวงศ์ไม่เคยห้ามปราม ทั้งยังเอาแต่มองข้ามปล่อยผ่านไปเฉยๆ เพคะ”

ถึงแม้จะฟังดูหยาบคายไปเสียหน่อย แต่คำพูดประโยคนั้นก็ไม่มีจุดผิดเลยแม้แต่จุดเดียว

“ตามกฎอาณาจักรแล้ว ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใด สิทธิ์ในการทวงหนี้นั้นย่อมมอบให้ทางราชวงศ์เป็นอันดับแรก ดังนั้นเจ้าชายโปรดถอนตัวจากสิทธิ์นั่นเถอะเพคะ ทางราชวงศ์ควรที่จะรับผิดชอบความเลินเล่อของตัวเองด้วยมิใช่หรือเพคะ”

ไม่สิ หยาบคายมากทีเดียว

ความเงียบเข้าครอบคลุมไปทั่วห้องทำงานจนหนักอึ้ง แต่ฟีเรนเทียก็ไม่มีสีหน้ายอมถอยเลยสักนิด

ทั้งยังเอาแต่จ้องหน้าเฟเรสนิ่ง ไม่แม้แต่จะกะพริบตาเลยสักครั้ง

ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร จักรพรรดินีก็เคยเป็นคนของราชวงศ์ ดังนั้นเรื่องที่พระนางเป็นผู้ก่อ ทางราชวงศ์ก็สมควรต้องมีส่วนรับผิดชอบก็ถูกต้องแล้ว

เฟเรสพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเทีย ก่อนจะเอ่ยตอบ

“…ได้ตามนั้นครับ”

“แต่เจ้าชายพ่ะย่ะค่ะ!”

ไอ้เด็กใหม่นั่น!

เวเทอร์รีบถลึงตาไปทางเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ยืนอยู่แถวประตูอย่างรวดเร็ว

คนที่ส่งเสียงทักท้วงด้วยความไม่พอใจในการตัดสินใจของเฟเรสคนนั้นคือ สปีโอ้ เจ้าหน้าที่ราชการที่เพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหกเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

สปีโอเพิ่งจะอายุได้ 20 ปีหมาดๆ ปกติก็เป็นพวกคนรุ่นใหม่ที่มีนิสัยเลือดร้อนอยู่แล้ว เลยมักจะมีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบตัวอยู่บ่อยๆ

สุดท้ายเจ้านั่นก็ก่อเรื่องจนได้

ซ้ำร้ายเจ้าชายลำดับที่สองก็กำลังจ้องสปีโอ้ด้วยนัยน์ตาเย็นชา สีหน้าบึ้งตึง

ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ เวเทอร์ก็เป็นเจ้าหน้าที่รุ่นพี่ผู้คอยดูแลรับผิดชอบสปีโอ้ เขาจึงได้แต่หลับตาแน่น

คราวนี้สงสัยเขาคงต้องเขียนจดหมายขออภัยบรรพบุรุษทุกรุ่นแล้วกระมัง

“ไม่พอใจอะไร”

เทียหันไปถามสปีโอ้ มุมปากแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าดูค่อนข้างสนอกสนใจ

“เรื่องนั้น…”

สปีโอ้เหลือบมองเฟเรสเล็กน้อยเพื่อเป็นการขออนุญาต แต่ฟีเรนเทียกลับชิงพูดขึ้นก่อน

“คนที่ถามคือข้า แต่กลับหันไปมองทางอื่นเสียได้ มองหน้าข้าแล้วตอบมาเสีย”

เวเทอร์ที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่เงียบๆ ได้แต่ถอนหายใจเสียงแผ่ว

เพราะยังเป็นเด็กใหม่ ถึงได้ไม่เข้าใจโครงสร้างอำนาจอันแปลกประหลาดระหว่างลอมบาร์เดียกับราชวงศ์

แน่นอนว่าตามกฎหมายแล้ว ในห้องนี้คนที่มีฐานะสูงที่สุดย่อมต้องเป็นเจ้าชาย

แต่รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียมีอำนาจมากพอที่จะสั่งการเจ้าชายที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ

ที่หญิงสาวเอ่ยเช่นนั้นมันมีความหมายแบบนั้น กำลังบอกว่าในห้องนี้นางเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุด

เจ้าหน้าที่เวเทอร์รีบส่งสายตาตำหนิไปทางสปีโอ้ สั่งให้เด็กหนุ่มตอบคำถามของรักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียเร็วๆ

“ข้าต้องขอเสียมารยาทแล้วครับ ในความคิดของข้า…”

“ชื่ออะไร”

“ครับ? …”

“พอดีจู่ๆ ก็รู้สึกอยากรู้นามกับตำแหน่งของเจ้าน่ะ”

“ข้า…เจ้าหน้าที่ระดับ 6 ริคกี้ สปีโอ้ ครับ”

“ถ้าทำแบบนั้น เงินที่จะคืนให้กับตระกูลชั้นสูงตระกูลต่างๆ ก็จะมีเพิ่มขึ้น”

“ร้านค้าเพลเลสถือสิทธิ์ในการเรียกคืนเงินกู้สูงที่สุด ก็คงจะเป็นตามนั้นเพคะ”

เทียเอ่ยพูดอย่างอ้อยอิ่ง ทำท่าราวกับว่าอย่างไรนั่นก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย

เฟเรสกระตุกยิ้มจาง เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่ความจริงในใจของหญิงสาว

“ทำตามที่ต้องการเถอะครับ รักษาการเจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย”

ได้ยินเฟเรสตอบตกลง เทียก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง

ไม่มีธุระอะไรให้ต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก

หญิงสาวเดินตรงออกไปนอกห้องทำงาน ระหว่างทางก็หยุดชะงักหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่สปีโอ้

“ระวังตัวอย่าได้บุ่มบ่ามใจร้อนเกินไป ถึงเจ้าจะน่าชมเชยที่กล้าพูดในเรื่องที่ถูกต้องก็เถอะ”

“ขะ…ขอบคุณครับ”

เจ้าหน้าที่สปีโอ้ก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าแดงก่ำเอาไว้

ฟีเรนเทียออกไปจากห้อง ภายในห้องทำงานเงียบสงัด เจ้าหน้าที่เวเทอร์ลูบใบหน้าตัวเองด้วยความงุนงงเมื่อพบว่าตนกำลังยิ้มอยู่เสียอย่างนั้น

และเมื่อได้เห็นเจ้าชายที่เคยแผ่รัศมีเย็นชาไปทั่วห้องกำลังแย้มรอยยิ้มจาง เวเทอร์ก็ตระหนักได้ว่ารุ่นพี่ไรอันกล่าวถูกต้องแล้ว

เป็นหญิงสาวที่จับเจ้าชายลำดับที่สองผู้น่ากลัวเอาไว้ได้อยู่หมัดจริงๆ

กระทั่งวิธีการคลี่คลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างราชวงศ์กับชนชั้นสูง ก็ยังช่วยหาวิธีให้ได้อย่างชาญฉลาด

และเจ้าหน้าที่เวเทอร์ก็หยุดครุ่นคิด

‘ถ้าท่านนั้นขึ้นเป็นจักรพรรดินีในอนาคตละก็ คงจะเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว’

* * *

หัวสมองเจ็บจี๊ดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง เพราะดื่มเหล้าเมามายตลอดวันตลอดคืน

เบเจอร์พยายามกลืนความรู้สึกคลื่นเหียนกลับลงท้อง ในขณะที่เอื้อมมือไปยกแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มอึกใหญ่

ไม่ได้พบหน้าบิดาเสียตั้งนาน จะมาอาเจียนเอาตอนนี้ได้ยังไง

รูลลักเหม่อมองเบเจอร์ด้วยนัยน์ตาซับซ้อน ก่อนจะเปิดปากอ้าออกอย่างช้าๆ

“ออกไปจากคฤหาสน์ลอมบาร์เดียเสียเถอะ เบเจอร์”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]