เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

สรุปบท เล่ม 6 บทที่ 237.2: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

ตอน เล่ม 6 บทที่ 237.2 จาก เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

เล่ม 6 บทที่ 237.2 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายแฟนตาซี เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เล่ม 6 บทที่ 237.2

เธอกับเครนีย์ร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วยกันตามที่สัญญาเอาไว้

หลังจากได้ข่าว คิลลีวูกับเมโลนที่ได้วันหยุดพอดีก็มาร่วมวงด้วยพวกเราสี่คนเลยร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วยกันหลังจากที่ไม่ได้ทำเช่นนี้มาเสียนาน

“เฟเรสยังมีชื่อเสียงที่อะคาเดมีมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

“แน่นอนสิครับ! เจ้าชายลำดับที่สองเป็นตำนานเชียวนะครับ ตำนาน!”

ขนาดไปเรียนที่อะคาเดมีเครนีย์ก็ยังคงเป็นแฟนคลับตัวยงของเฟเรสเหมือนเดิม

ลืมไปแล้วมั้งว่า เฟเรสเคยสร้างบรรยากาศน่ากลัวขนาดนั้น แถมยังจำตัวเองไม่ได้อีก

“เจ้าชายลำดับที่สองทรงจำชื่อของข้าได้ด้วย!”

ก็เป็นเสียแบบนี้

ได้ ได้ คนเป็นแฟนคลับนี่แค่เขาชายตามองก็ดีใจแล้วใช่มั้ย

เธอลูบศีรษะเครนีย์เหมือนอย่างที่เคยทำประจำตอนเขายังเด็ก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ข้าก็น่าจะไปเรียนที่อะคาเดมีบ้างนะ ท่าทางน่าสนุกดี”

“ถ้าท่านพี่ไปเรียนที่อะคาเดมีละก็…คงเท่น่าดูเลยละครับ”

ไม่รู้ว่าเครนีย์กำลังจินตนาการอะไรอยู่ ถึงได้ยกมือปิดปาก พึมพำเสียงแผ่วออกมาแบบนั้น

เมโลนช่วยรินไวน์แดงลงในแก้วที่วางอยู่ข้างหน้าเครนีย์

“แบบนั้นพวกเราก็น่าจะตามไปด้วยนะ ว่ามั้ย คิลลีวู”

แต่ปริมาณที่เทให้นั่นมันมากเกินควรจนจะล้นแล้วนั่น

ปีนี้เครนีย์เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ ดังนั้นเขาจึงยังคออ่อนอยู่มาก

ดูใบหน้าแดงก่ำนั่นสิ

เธอขยับแก้วเหล้าของเครนีย์ออก

“เมโลน ถ้าเครนีย์เมาเจ้าต้องแบกเขากลับนะ”

“อ่า…งั้นเดี๋ยวข้าดื่มเองก็ได้”

เมโลนหยิบแก้วที่เพิ่งเติมเหล้าให้เครนีย์ออกไป แล้วรินเหล้าปริมาณน้อยนิดไม่ถึงครึ่งของแก้วใส่แก้วใบใหม่วางไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่มแทน

“แหะๆ”

เครนีย์หัวเราะพลางรับแก้วนั้นมาถือไว้ เด็กหนุ่มจิบไวน์เล็กน้อย แล้วเอ่ยถามสองแฝด

“ทั้งสองคนต่อไปก็จะทำงานในกองกำลังอัศวินลอมบาร์เดียไปเรื่อยๆ หรือครับ”

“พวกเราน่ะเหรอ ก็นะ คงเป็นแบบนั้นแหละ”

“เมโลนน่ะข้าไม่รู้หรอก แต่ข้ามีเป้าหมายจะเป็นหัวหน้ากองกำลังอัศวินลอมบาร์เดีย”

“อะไรกัน อ่อนแอกว่าข้าแท้ๆ”

คิลลีวูกับเมโลนเริ่มเถียงกันอีกแล้ว

แต่ใบหน้าของเครนีย์ยามมองทั้งคู่กลับดูแปลกพิกล

เหมือนจะอิจฉา แต่ก็ดูเศร้าหมอง

“มีเรื่องอะไรเหรอ เครนีย์”

“ครับ อ่า…”

เครนีย์จิบไวน์ลงคอหนึ่งจิบ ก่อนจะเอ่ยตอบ

“ก็แค่…อยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ น่ะครับ แต่มันคงจะยากใช่มั้ยล่ะครับ คิดถึงท่านพี่ลาลาเน่ด้วย”

เครนีย์ยิ้มขมขื่น

พอจะเข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงเรื่องอะไร

“ดูเหมือนท่านปู่จะคุยกับท่านลุงแล้วสินะ”

“ทะ…ทราบได้ยังไงครับ…”

เครนีย์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ

และเพียงไม่นานก็เอ่ยพูดต่อเสียงเศร้า

“ท่านพ่อท่านแม่คิดที่จะพาข้ากับท่านพี่ไปอยู่ที่คิเนฟอร์คครับ”

เธอพยักหน้าลง

อย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีบ้านภริยาให้กลับไปพึ่งพิง สำหรับลอเรนซ์แล้วจึงไม่ใช่สถานการณ์ที่เลวร้ายอะไร

เครนีย์เอาแต่ดื่มไวน์ลงคอเสียงดัง อึก อึก อีกครั้ง

“แต่ข้าก็ยังอยากให้ท่านพี่มาร่วมงานจบการศึกษาของข้า…อุ๊บ!”

“เอาแต่ดื่มเหล้าจะปวดท้องเอาได้”

เธอป้อนแครกเกอร์โปะชีสใส่ปากเครนีย์ที่เอาแต่ยิ้มด้วยใบหน้าขมขื่นไม่เหมาะกับเจ้าตัว

“อุ๊บ ขะ…ขอบคุณครับ”

“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่ เครนีย์”

“เปิดอีกขวดเลย!”

สองแฝดเดินไปหยิบเอาไวน์วินเทจขวดใหม่ออกมาราวกับเฝ้ารอจังหวะนี้อยู่ก่อนแล้ว

“ดื่มอะไรก่อนดี”

“ไม่รู้ อะไรก็ได้น่ะ!”

“เดี๋ยว”

สองแฝดที่ตั้งใจจะเปิดจุกไวน์ที่ถือไว้ในมือข้างขวาด้วยความดีใจถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำสั่งของเธอ พวกเขาลอบมองเธอด้วยความเกรงใจ

“ไม่เอาอันนั้น เอานั่นแทน”

เด็กพวกนี้นี่ไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย

“อันโน้นอร่อยกว่าตั้งเยอะ รีบเปิดเร็ว”

“เข้าใจแล้ว!”

ระหว่างที่สองแฝดเปิดไวน์ขวดใหม่ เธอก็พลันฉุกนึกถึงสารที่เพิ่งถูกส่งมาเมื่อเช้า เลยบอกข่าวให้เครนีย์ได้รู้

“เดี๋ยวอีกไม่นานก็ได้พบลาลาเน่แล้วละ”

ได้ยินแบบนั้นแล้วเครนีย์ก็พยักหน้ายิ้มเขิน

และถ้าบอกว่าใบหน้ายิ้มแย้มนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจดจำได้ในค่ำคืนนี้ คงจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าเธอหมายความว่ายังไง เรียกได้ว่าเมามายกันจนสติดับเลยละ

* * *

ณ เวลาเดียวกัน

เฟเรสกำลังก้าวเหยียบขั้นบันไดเดินลงสู่คุกใต้ดิน

ตึก ตึก

เสียงรองเท้าหนักหน่วงดังก้องไปในบรรยากาศอับชื้น

“สะ…เสด็จแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะเจ้าชาย!”

“…คนร้ายล่ะ”

“อยู่ทางด้านนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”

พลทหารที่เฝ้าประตูตอบเสียงดังแข็งขันสมกับเป็นชายชาติทหาร ก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวเท้าเดินนำไปด้านหน้า

เดินไปได้ไม่นาน เฟเรสก็มาหยุดอยู่หน้าคุกเหล็กกรงหนึ่ง และเอ่ยพูดกับคนที่นั่งเชิดหน้าคอตั้งอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่า

“ใช้เวลายามค่ำคืนได้ผ่อนคลายดีมั้ยพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดินี”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]