เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] นิยาย บท 6

สรุปบท เล่ม 6 บทที่ 247.1: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]

สรุปเนื้อหา เล่ม 6 บทที่ 247.1 – เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] โดย Internet

บท เล่ม 6 บทที่ 247.1 ของ เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล] ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เล่ม 6 บทที่ 247.1

ตอนที่ 247

ทั้งๆ ที่ทราบดีว่าจะต้องตาย

หน้าอกเจ็บจี๊ดขึ้นมาราวกับโดนคำพูดประโยคนั้นทิ่มแทงลงมากลางใจ

“ตอนที่ชาห์นเลือกจะจากชนเผ่าไป ข้าเองก็ห้ามนางแล้วว่าให้หยุดหากอยากจะเลี่ยงอนาคตอันแสนเลวร้าย แต่เด็กคนนั้นก็ยังยิ้มอย่างร่าเริงแล้วบอกกับข้าว่า ‘บุตรสาวตัวน้อยกับสามีที่ข้ายังไม่ได้พบหน้าช่างแสนน่ารักเหลือเกิน จนข้าไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้มีพวกเขาในชีวิตได้’ ”

ทั้งๆ ที่ท่านแม่ทราบดีอยู่แล้วว่าหากให้กำเนิดเธอแล้วนางจะเป็นเช่นไร แต่ก็ยังเลือกที่จะพบรักกับท่านพ่อ

“ ‘ข้าตัดสินใจที่จะรักในโชคชะตาของข้าค่ะ’ นั่นหรือเปล่านะ คำพูดที่เด็กคนนั้นพูดทิ้งไว้เป็นครั้งสุดท้าย”

ดูเหมือนมันจะเป็นความทรงจำอันแสนเจ็บปวดยิ่งสำหรับท่านยาย

“ข้ายังจำวันที่ชาห์นจากไปได้ดี ผู้เป็นแม่ย่อมไม่มีทางลืมวันที่บุตรสาวจากอ้อมอกตัวเองไปได้อยู่แล้วนี่นะ”

ใบหน้าเปี่ยมด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลามองสบตาเธอนิ่ง

“เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นางเคยส่งจดหมายกลับมายังหมู่บ้านยามที่มีเจ้าอยู่ในครรภ์ รู้มั้ยว่าตอนนั้นชาห์นเขียนมาบอกว่าอะไร”

เธอส่ายหน้าเบาๆ ท่านยายจึงกล่าวเสียงเรียบ

“ ‘บุตรสาวของข้าจะได้มีชีวิตอย่างเปล่งประกาย’ ”

“อ๊า…”

เกือบจะส่งเสียงอุทานประหลาดๆ เหมือนลูกโป่งฟีบออกไปแล้ว

“เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้เลือกมาพบเจ้าในวันนี้ วันที่เจ้ามีความสุขที่สุดยังไงล่ะ บุตรีแห่งชาห์น”

ถึงแม้หัวสมองจะยังมึนตึ้บคิดตามไม่ทัน แต่เธอก็รู้อย่างชัดเจนเรื่องหนึ่ง

ท่านแม่เป็นคนที่มีพลังที่แข็งแกร่งมากจริงๆ

และบางทีเรื่องที่เธอย้อนอดีตกลับมานี่ ก็อาจจะเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้วก็ได้

“ชาห์นเลือกที่จะรักในโชคชะตาของตัวเอง ฟีเรนเทีย นางยอมสละชีวิตเพื่อให้เจ้าได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้ ดังนั้นจงอย่าได้ใช้ชีวิตนั้นอย่างเปล่าประโยชน์เลย”

เปล่าประโยชน์

ชีวิตของเธอทั้งในชีวิตก่อนและในชีวิตนี้ มันต่างจากคำว่าเปล่าประโยชน์เป็นอย่างมาก

เพราะเธอใช้ชีวิตอย่างเต็มที่โดยทุ่มเททุกสิ่งในชีวิตเสมอ

“ไม่ใช่ ตอนนี้เจ้ากำลังใช้ชีวิตไม่เต็มที่”

“ไม่นะคะ ท่านยายคงจะกล่าวเช่นนั้นเพราะไม่รู้จักข้าดี แต่ข้าไม่ใช่คนที่จะใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่ค่ะ”

เธอเผลอเถียงออกไปโดยไม่รู้ตัว การพูดจาเหมือนดูถูกความรักที่เธอมีต่อลอมบาร์เดีย มันเป็นคำดูหมิ่นที่เธอไม่สามารถอดทนได้จริงๆ

“อย่าได้ใช้ชีวิตอย่างชะล่าใจ”

“ข้าไม่ได้ชะล่าใจสักหน่อยนะคะ”

“เพราะอย่างนั้นถึงได้เอาแต่พูดโน่นพูดนี่ถึงชีวิตในชาติหน้าหรือไร”

“…คะ?”

“เจ้าโอ้อวดนักว่าชีวิตนี้ได้เป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียก็พอใจมากแล้วมิใช่หรือ ส่วนเรื่องที่เหลือเอาไว้ค่อยทำมันให้สำเร็จในชีวิตหน้าก็พอ”

“เรื่องนั้น…”

“หรือจะบอกว่ามิใช่”

แย้งอะไรไม่ออก

เพราะมันเป็นความจริงที่เธอมักจะแอบคิดแบบนั้นอยู่บ่อยๆ

บางครั้งยังพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองว่า ชีวิตนี้แค่ได้เป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียก็ควรจะพอได้แล้ว

“ราวกับรู้ว่าในชีวิตหน้าเจ้าจะต้องมีโอกาสแน่ ใช่มั้ยล่ะ”

นัยน์ตาพร่ามัวเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมมองหน้าเธออย่างจริงจัง

“เจ้าเป็นเพียงเลือดผสม สำหรับเจ้าที่หลุดพ้นพันธะน่ะ ไม่มีชีวิตหน้าหรอกนะ ฟีเรนเทีย”

ชีวิตที่ใช้ไปอย่างเรื่อยเปื่อยโดยทิ้งเรื่องน่าเสียดายไว้มากมายเพราะคิดว่าอย่างไรก็สามารถย้อนเวลากลับมาได้อีก

ชีวิตที่ไม่ยอมพยายามทำอะไรเลยเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ

จะเรียกว่าเป็นชีวิตที่ชะล่าใจก็ถูกต้องแล้ว

“ดังนั้นลงมือเสียเถอะ เพราะชีวิตนี้จะเป็นชีวิตสุดท้ายของเจ้า”

ชีวิตสุดท้าย

ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ในหัวสมองก็นึกถึงเพียงแค่คนผู้เดียว

“ขะ…ข้ามีที่ที่ต้องแวะไปสักครู่ค่ะ”

ใจร้อนรนไปหมด ร้อนเสียจนได้รู้ว่า ไอ้คำที่เขาว่ากันว่าใจร้อนจนเท้าไม่ติดพื้นแท้จริงแล้วมันหมายความว่าแบบนี้นี่เอง

ระหว่างที่นั่งรถม้าเดินทางมา แผนการต่างๆ นานาที่ต้องทำเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังก็ถูกร่ายขึ้นจนกองสุมเต็มหัว

วิธีการที่จะช่วยให้เธอสามารถรักษาตำแหน่งเจ้าตระกูลเอาไว้ได้ โดยที่ไม่ต้องยอมปล่อยมือไปจากเฟเรส

มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก

ไม่สิ ตามกฎหมายในปัจจุบันมันเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเป็นไปได้

แต่ว่า

“ถ้าไม่ได้ ก็แค่ทำให้มันได้”

เธอเป็นใครกันล่ะ

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องมีขั้นมีตอน

ดังนั้นเรื่องแรกที่ต้องทำก็คือ การพูดคุยกับเฟเรสให้รู้เรื่อง

ในตอนนั้นเอง เฟเรสก็เดินออกมาจากวังส่วนกลางที่เธอยืนอยู่พอดี

“อ๊ะ เฟเรส”

เธอเผลอเรียกชื่อเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว ลืมกระทั่งว่ามีเลขาธิการและเหล่าอัศวินคอยอารักขาเขาอยู่รอบกาย

“…เทีย”

เฟเรสเองก็ดูเหมือนจะตกใจที่เห็นเธอสุดๆ นัยน์ตาทั้งสองข้างถึงได้เบิกกว้างแบบนั้น

“ทำไมมาอยู่ที่นี่…”

“คุยกับข้าสักประเดี๋ยวสิ”

เธอเอ่ยพลางคว้าชายแขนเสื้อเฟเรสเอาไว้

“เดิมทีก็ตั้งใจว่าจะรอจนกว่าเจ้าจะมาที่คฤหาสน์ช่วงเย็น แต่ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว งั้นคุยให้มันจบๆ เลยดีกว่า”

เพราะใจร้อนจนอดทนรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“ไม่มีที่ไหนไม่มีคนบ้างเหรอ”

เฟเรสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามเธอ ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา

“ข้ารู้จักที่เหมาะๆ อยู่ที่หนึ่ง”

* * *

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]