เล่ม 6 บทที่ 247.1
ตอนที่ 247
ทั้งๆ ที่ทราบดีว่าจะต้องตาย
หน้าอกเจ็บจี๊ดขึ้นมาราวกับโดนคำพูดประโยคนั้นทิ่มแทงลงมากลางใจ
“ตอนที่ชาห์นเลือกจะจากชนเผ่าไป ข้าเองก็ห้ามนางแล้วว่าให้หยุดหากอยากจะเลี่ยงอนาคตอันแสนเลวร้าย แต่เด็กคนนั้นก็ยังยิ้มอย่างร่าเริงแล้วบอกกับข้าว่า ‘บุตรสาวตัวน้อยกับสามีที่ข้ายังไม่ได้พบหน้าช่างแสนน่ารักเหลือเกิน จนข้าไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้มีพวกเขาในชีวิตได้’ ”
ทั้งๆ ที่ท่านแม่ทราบดีอยู่แล้วว่าหากให้กำเนิดเธอแล้วนางจะเป็นเช่นไร แต่ก็ยังเลือกที่จะพบรักกับท่านพ่อ
“ ‘ข้าตัดสินใจที่จะรักในโชคชะตาของข้าค่ะ’ นั่นหรือเปล่านะ คำพูดที่เด็กคนนั้นพูดทิ้งไว้เป็นครั้งสุดท้าย”
ดูเหมือนมันจะเป็นความทรงจำอันแสนเจ็บปวดยิ่งสำหรับท่านยาย
“ข้ายังจำวันที่ชาห์นจากไปได้ดี ผู้เป็นแม่ย่อมไม่มีทางลืมวันที่บุตรสาวจากอ้อมอกตัวเองไปได้อยู่แล้วนี่นะ”
ใบหน้าเปี่ยมด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลามองสบตาเธอนิ่ง
“เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น นางเคยส่งจดหมายกลับมายังหมู่บ้านยามที่มีเจ้าอยู่ในครรภ์ รู้มั้ยว่าตอนนั้นชาห์นเขียนมาบอกว่าอะไร”
เธอส่ายหน้าเบาๆ ท่านยายจึงกล่าวเสียงเรียบ
“ ‘บุตรสาวของข้าจะได้มีชีวิตอย่างเปล่งประกาย’ ”
“อ๊า…”
เกือบจะส่งเสียงอุทานประหลาดๆ เหมือนลูกโป่งฟีบออกไปแล้ว
“เพราะอย่างนั้นข้าถึงได้เลือกมาพบเจ้าในวันนี้ วันที่เจ้ามีความสุขที่สุดยังไงล่ะ บุตรีแห่งชาห์น”
ถึงแม้หัวสมองจะยังมึนตึ้บคิดตามไม่ทัน แต่เธอก็รู้อย่างชัดเจนเรื่องหนึ่ง
ท่านแม่เป็นคนที่มีพลังที่แข็งแกร่งมากจริงๆ
และบางทีเรื่องที่เธอย้อนอดีตกลับมานี่ ก็อาจจะเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้วก็ได้
“ชาห์นเลือกที่จะรักในโชคชะตาของตัวเอง ฟีเรนเทีย นางยอมสละชีวิตเพื่อให้เจ้าได้ถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้ ดังนั้นจงอย่าได้ใช้ชีวิตนั้นอย่างเปล่าประโยชน์เลย”
เปล่าประโยชน์
ชีวิตของเธอทั้งในชีวิตก่อนและในชีวิตนี้ มันต่างจากคำว่าเปล่าประโยชน์เป็นอย่างมาก
เพราะเธอใช้ชีวิตอย่างเต็มที่โดยทุ่มเททุกสิ่งในชีวิตเสมอ
“ไม่ใช่ ตอนนี้เจ้ากำลังใช้ชีวิตไม่เต็มที่”
“ไม่นะคะ ท่านยายคงจะกล่าวเช่นนั้นเพราะไม่รู้จักข้าดี แต่ข้าไม่ใช่คนที่จะใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์แน่ค่ะ”
เธอเผลอเถียงออกไปโดยไม่รู้ตัว การพูดจาเหมือนดูถูกความรักที่เธอมีต่อลอมบาร์เดีย มันเป็นคำดูหมิ่นที่เธอไม่สามารถอดทนได้จริงๆ
“อย่าได้ใช้ชีวิตอย่างชะล่าใจ”
“ข้าไม่ได้ชะล่าใจสักหน่อยนะคะ”
“เพราะอย่างนั้นถึงได้เอาแต่พูดโน่นพูดนี่ถึงชีวิตในชาติหน้าหรือไร”
“…คะ?”
“เจ้าโอ้อวดนักว่าชีวิตนี้ได้เป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียก็พอใจมากแล้วมิใช่หรือ ส่วนเรื่องที่เหลือเอาไว้ค่อยทำมันให้สำเร็จในชีวิตหน้าก็พอ”
“เรื่องนั้น…”
“หรือจะบอกว่ามิใช่”
แย้งอะไรไม่ออก
เพราะมันเป็นความจริงที่เธอมักจะแอบคิดแบบนั้นอยู่บ่อยๆ
บางครั้งยังพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองว่า ชีวิตนี้แค่ได้เป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียก็ควรจะพอได้แล้ว
“ราวกับรู้ว่าในชีวิตหน้าเจ้าจะต้องมีโอกาสแน่ ใช่มั้ยล่ะ”
นัยน์ตาพร่ามัวเหมือนมีหมอกหนาปกคลุมมองหน้าเธออย่างจริงจัง
“เจ้าเป็นเพียงเลือดผสม สำหรับเจ้าที่หลุดพ้นพันธะน่ะ ไม่มีชีวิตหน้าหรอกนะ ฟีเรนเทีย”
ชีวิตที่ใช้ไปอย่างเรื่อยเปื่อยโดยทิ้งเรื่องน่าเสียดายไว้มากมายเพราะคิดว่าอย่างไรก็สามารถย้อนเวลากลับมาได้อีก
ชีวิตที่ไม่ยอมพยายามทำอะไรเลยเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
จะเรียกว่าเป็นชีวิตที่ชะล่าใจก็ถูกต้องแล้ว
“ดังนั้นลงมือเสียเถอะ เพราะชีวิตนี้จะเป็นชีวิตสุดท้ายของเจ้า”
ชีวิตสุดท้าย
ทันทีที่ได้ยินคำนั้น ในหัวสมองก็นึกถึงเพียงแค่คนผู้เดียว
“ขะ…ข้ามีที่ที่ต้องแวะไปสักครู่ค่ะ”
ใจร้อนรนไปหมด ร้อนเสียจนได้รู้ว่า ไอ้คำที่เขาว่ากันว่าใจร้อนจนเท้าไม่ติดพื้นแท้จริงแล้วมันหมายความว่าแบบนี้นี่เอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล [นิยายแปล]
น่าสนุก...