พูดเล่นไป โจวหยุนกลับมาเซี่ยงไฮ้ ต้องทำเป็นลูกสาวคนดีต่อหน้าพ่อกับแม่
เมื่อส่งบัตรเชิญเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงกลับบ้านทันที
คฤหาสน์โจวอยู่ห่างจากตึกทรัพย์สินของเหลิงหยุนฉีใช้เวลาการเดินทางโดยรถยนต์สามสิบนาที ตอนที่เธอถึงบ้าน พ่อกับแม่ยังไม่เข้านอน
เมื่อเห็นเธอแสดงสีหน้ามีความสุข แม่โจวยิ้มอย่างติดตลก “ส่งบัตรเชิญหมดแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ แม่คงไม่รู้ว่า คุณยายของหยุนฉีโอเว่อร์มาก เพราะยกเพ้นท์เฮาส์ชั้นบนสุดตรงหาดไว่ทันให้เธอทั้งห้องชุด!! เป็นแบบสวนดอกไม้กลางอากาศประเภทนั้น! สวยมากๆ! เดี๋ยวหนูจะเอารูปที่ถ่ายให้แม่ดูนะคะ”
พูดไป ก็นำรูปภาพที่ตนเองถ่ายตรงระเบียงด้านนอกของบ้านของหยุนฉี โชว์ด้านหน้าของมารดา
“ตึกนี้...แม่จำได้ดีเมื่อก่อนเหมือนจะเป็นของตระกูลฉี รักษาไว้ตั้งเป็นร้อยๆ ปี ตระกูลจางไปซื้อมาได้ยังไงเนี่ย? ...” แม่โจวตะลึงทันที ราคาค่างวดของตึกหลังนี้ ไม่เพียงแต่ตัวที่ดิน แทบเป็นประเภทแพงหูฉี่เกินคาดแต่ความต้องการน้อยจึงขายยาก
“ดังนั้นหนูเลยพูดว่าเก่งมาก ยังจัดการบ้านประเภทนี้ได้ อีกทั้งเพื่อให้เธอสะดวกในการไปทำงาน” โจวหยุนโอบไหล่มารดาของเธอ แสร้งตีหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น “ไม่เหมือนลูกสาวของแม่นี่—หนู ก็ไปทำงานเหมือนกัน แถมยังต้องวิ่งไปมาระหว่างใจกลางเมืองหลวงกับกองถ่ายทุกวัน น่าสงสารเหลือเกิน”
แม่โจวยังไม่ได้อ้าปาก โจวอี้หมิงก็หัวเราะและเดินมาหา พร้อมทั้งเคาะศีรษะเธอหนึ่งที
“อ้อนให้มันน้อยๆ หน่อย อยากมีคฤหาสน์หลังเดี่ยวสุดหรูเหรอ? ได้สิ แกก็ต้องทำงานเหมือนเหลิงหยุนฉีแบบนั้น ฉันจะได้อาศัยหน้าตาแก่ๆ นี่แหละ แกอยากได้อะไรจะไปซื้อให้แกหมด”
โจวหยุนตกตะลึงทันที
นี่มัน “ลูกคนอื่นแต่เก่งกว่าตัวเอง” ยังมีเรื่องราวตามหลังมาอีกเหรอเนี่ย?
แม่โจวได้ยินแล้วรู้สึกน่าสนใจดี จึงอดใจไม่ไหวและดึงเขานั่งลงบนโซฟา “ฟังจากน้ำเสียงคุณดูแล้ว เหลิงหยุนฉีมีความสามารถในการทำงานเก่งขนาดนั้นเชียว? เพิ่งเข้าบริษัทได้ไม่กี่วันเองนะเนี่ย”
จะยังไง ก็ควรจะมีช่วงผลัดเปลี่ยนละมั้ง? คงไม่ถึงขั้นราบรื่นไร้รอยต่อแหละ
“คนรุ่นหลังช่างน่าเกรงขาม” โจวอี้หมิงครุ่นคิด จึงพูดความคิดเห็นออกมาประโยคหนึ่ง เมื่อเห็นความสงสัยจากใบหน้าของภรรยาและลูกสาว แต่ไม่ได้ปล่อยให้พวกเธอสองคนสงสัยค้างคาต่อไป พลันกล่าวทันที “สองสามวันนี้ ข่าวคราวของบริษัทจางซื่อแพร่กระจายจนเป็นกระแสไปทั่ว ในแวดวงธุรกิจใครก็คิดไม่ถึง สาวน้อยที่เพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง พอขึ้นมาก็กล้าหาญชาญชัยมาก โดยจัดการลูกน้องเก่าๆ ของคุณตาของเธอให้ว่างงานกลับไปพักผ่อนหย่อนใจทั้งหมด จากนั้นก็ปรับเปลี่ยนกำลังคน โดยให้คนอายุยังน้อยขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับสูง ประเด็นสำคัญก็คือ ทั่วทั้งบริษัทจางซื่อกลับเห็นพ้องต้องกันตามคำขอของเธอทั้งหมด โดยการขับเคลื่อนขึ้นมา กลยุทธ์ที่เธอผลักดัน แทบไม่มีสิ่งใดกีดขวางเลย จึงสามารถดำเนินการได้ทันที เรื่องพรรค์นี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในบริษัทของเราก็ตาม ก็ไม่สามารถปรากฏขึ้นได้ อย่าได้เอ่ยถึง หลายปีที่ผ่านมา การความคืบหน้าของบริษัทจางซื่อชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก”
โจวอี้หมิงส่ายหน้า พร้อมทั้งถอนหายใจและยกเรื่องราวหลายเรื่องของเหลิงหยุนฉีมาบอกเล่าให้พวกเธอฟัง
ตอนแรกที่โจวหยุนได้ยินว่าเหลิงหยุนฉีถูกจับตามองเรื่องโครงการจนมีคนเรียกสินบน กระทั่งชิงทรัพย์และแสดงพฤติกรรมคุกคามขอมีอะไรด้วย แทบอดใจไม่ไหวจนอยากจะแขวนคอคนนั้นและทำร้ายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ยิ่งฟังเบื้องหลังมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจยิ่งเต้นเร็วด้วยความตกใจจนไม่เป็นจังหวะ พักใหญ่ จึงหลุดปากพูดออกมาสองคำ— “เด็กดี!”
ไม่ต้องไปสนโลกของคนรวย หรือว่าโลกของนักธุรกิจ เหลิงหยุนฉี ยังคงเท่สมาร์ทเหมือนเดิม!
แม่โจวแสดงอาการตกใจตามอย่างเห็นได้ชัดเจน พลันหันมองมาที่ลูกสาวของตนเองทันที “ก่อนหน้านี้ลูกพูดว่าเพื่อนสนิทของลูกคนนี้เป็นพวกชอบเที่ยวสนุกเฮฮาไม่ใช่เหรอ?”
โจวหยุนตอบ “อื้อ” กลับมา แสดงสีหน้าแน่วแน่ “เรื่องราวก็ได้พิสูจน์แล้ว อย่าไปคาดเดาในโลกของท่านประธานเอาแต่ใจ การคาดเดาไปมามันก็เป็นการคาดเดาอย่างเปล่าประโยชน์อยู่ดีค่ะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก