เฉาหมิงเป็นหัวหน้าห้องของพวกเขา เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่เคยใจแคบ ทว่าบางครั้งเขาก็พูดไม่คิดหน่อย
ดั้งนั้นโดยรวมแล้ว เขาเป็นพี่ใหญ่ที่อบอุ่นและเป็นคนตรงๆที่ไม่รู้จะตรงยังไงได้อีกแล้ว ก็นับว่าเป็นที่นิยมของคนในชั้นเรียน
เหลิงหยุนฉียังคงจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอส่งข้อความในกลุ่มวีแชทของชั้นเรียน คือให้ฉีหลัวซานรอหุ้นที่บ้านต่ำลงถึงขีดสุด ซึ่งหัวหน้าคนนี้เป็นคนแรกที่รีบตรวจสอบดูตลาดหุ้นเลยทันที และ@ฉีหลัวซาน ให้เธอรีบไปดูด้วย ซึ่งเธอในตอนนั้นเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆเลย นี่เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมาจริงๆ! ไม่รู้ว่าใบหน้าของฉีหลัวซานจะบิดเบี้ยวขนาดไหนในตอนนั้น
เฉาหมิงกล่าวทักทายเจ้าของร้าน โดยบอกว่าทั้งสี่คนจะร่วมโต๊ะกัน และขอให้เจ้าของร้านวางหม้อรสเผ็ดจัดตามที่เหลิงหยุนฉีต้องการไว้ที่ด้านข้างพวกเขา แล้วหันหลังกลับเริ่มแนะนำพวกเขาให้รู้จักกัน
“มามามา! ให้ฉันแนะนำพวกเธอ นี่คือแฟนของฉัน ซังยู ส่วนสองคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน เหลิงหยุนฉีและโจวหยุน”
เหลิงหยุนฉีมองไปที่ซังยู และไม่รู้ว่าหัวหน้าห้องพูดอะไรกับเธอ หญิงสาวก็มองมาที่เธอด้วยดวงตาที่เป็นประกายและเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทุกคนทักทายกันสักพัก บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
โจวหยุนยุ่งกับการเติมอาหารและล้อเลียนหัวหน้าห้อง: “ฉันได้ยินมาว่าเธอทำเงินได้มากจากการขายหุ้นเมื่อเร็วๆนี้ ฉันไม่เคยคาดหวังว่ากลุ่มนักเรียนศิลปะในชั้นเรียนของเราจะจบลงด้วยการเป็นเด็กเทพในตลาดหุ้นเลย”
“อย่าอวย! อย่าอวย! นี่อวยจนจะขึ้นฟ้าแล้ว!!”
เฉาหมิงยิ้มอย่างสดใส เขาและแฟนสาวของเขามาจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาๆ ซึ่งที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงซ่อนเร้นไปด้วยเด็กอัจฉริยะ มีภูมิหลังที่ดีมากมาย และเขาก็เข้าใจความจริงนี้มาตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน
ดังนั้นตั้งแต่วันที่เขาเข้ามหาวิทยาลัย เขามักจะบอกตัวเองให้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ค่อยๆไต่ทีละขั้นให้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ พอสะสมประสบการณ์ได้แล้วก็แต่งงานกับแฟนสาว แล้วสร้างบ้านอยู่ที่เมืองหลวง แค่นี้ก็สมบูรณ์แล้ว
“เมื่อพูดถึงตลาดหุ้น ฉันต้องขอบคุณเหลิงหยุนฉีจริงๆ” เขาเทน้ำผลไม้หนึ่งแก้วให้หยุนฉี ส่วนเขาก็ยกเบียร์ขึ้น แล้วชนแก้วกับเธอ
เหลิงหยุนฉีรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ถ้าเป็นตอนก่อนเกิดใหม่ ในเวลาที่เธออยู่ในตลาดหุ้น เธออาจจะให้ข้อมูลวงในบางอย่างแก่เขาบ้าง ทว่าประเด็นสำคัญคือ เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วทำไมถึงถูกขอบคุณแล้วล่ะ?
ซังยูมองดูเธอที่ทำหน้ามึนงง จึงหัวเราะออกมา: “เขาขอบคุณที่ชี้แนะให้เขาไม่ได้ซื้อหุ้นของตระกูลฉีน่ะ ไม่เช่นนั้น เกร่งว่าตอนนี้อาจจะแพ้จนหมดตูดเลยก็ว่าได้”
เฉาหมิงถูกแฟนสาวพูดแบบนี้แล้วก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร แต่กลับพยักหน้า: “ใช่ใช่ใช่! เมื่อไม่นานมานี้ ฉันเห็นหุ้นของตระกูลฉีกำลังเติบโตได้เป็นอย่างดี แล้วก่อนที่ฉันจะลงมือ หากเธอไม่พูดในวันนั้น ฉันเกรงว่าฉันอาจจะหมดตัวไปแล้วแน่ๆเลย”
เหลิงหยุนฉีรู้สึกตลกแล้วดื่มน้ำผลไม้ แต่คิดในใจว่าไม่ใช่เป็นเพราะเธอหรอก ในเวลานั้นเธอเพียงคาดการณ์ได้เลยว่าข่าวลือที่ฉีหลัวซานเผยแพร่นั้นคือเฉียวหยู่โม่ และมันจะไม่จบลงด้วยดีอย่างแน่นอน เพราะคุณชายเฉียวคนนี้เป็นถึงคนใหญ่คนโตในเมืองหลวง!
“ว่าแต่โจวหยุน เธอไม่ใช่กลับบ้านเกิดไปแล้วเหรอ ทำไมจู่ๆถึงกลับมาล่ะ?
เฉาหมิงมองดูเธออย่างน่าสงสัย
เจ้าของร้านบังเอิญกำลังมาเสิร์ฟอาหารพอดี มีสไบนาง เนื้อวัว ไส้เป็ด และเนื้อกรอบก็กินพื้นที่เกือบทั้งโต๊ะในคราวเดียวเลย โจวหยุนโบกตะเกียบของเธออย่างตื่นเต้น: “เห้ย ฉันเคยกลับไปแล้วล่ะ ทว่าที่บ้านขอให้ฉันเริ่มเรียนรู้ทำสิ่งต่างๆ และพอดีว่าฉันคุ้นเคยในเมืองหลวง จึงให้ฉันมาช่วยงานที่นี่”
เฉาหมิงรู้ว่าภูมิหลังของครอบครัวคนนี้ก็ดีมากเช่นกัน ตอนที่เขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาและเหลิงหยุนฉีเคยเช่าบ้านพักตากอากาศในสวนนอกมหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจและไม่ถามอะไรมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่เป็นนางร้าย เอ๊ย! นางเอก