ตอนที่ 171 เขาคือบุรุษที่เจ้ามิมีวันเอื้อมถึง
หลังจากมู่หรงลี่จูจากไปแล้ว
ใบหน้าที่มักแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของหลิวหรูเยียน ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาภายในพริบตา
ขณะเดียวกันไออันเย็นเหยียบก็แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งชั้นบนสุดในฉับพลัน
“ทุกท่านหากมิอยากสร้างปัญหา ทางที่ดีอย่าได้เเพร่งพรายเรื่องในคืนนี้ออกไปเป็นอันขาด ! ”
หลิวหรูเยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันเย็นเฉียบ พลางกวาดสายตามองทุกคนเล็กน้อย ก่อนจะหายตัวไปราวกับผีสาง
“สูด ! ”
หลังจากที่หลิวหรูเยียนจากไปแล้ว เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป
จูฟู๋และตี๋ซิวหยวนจึงได้สติกลับมา จากนั้นก็อดที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ มิได้
“ท่านตี๋ สตรีเมื่อครู่นี้ท่านว่าดูคุ้นตาหรือไม่ ? ”
จูฟู๋ยกมือขึ้นลูบปาก พลางหันไปถามตี๋ซิวหยวนอย่างอดมิได้
ตี๋ซิวหยวนขมวดคิ้วมุ่น หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “คล้ายกับผู้ดูแลชั้นพิณของหอสายลมจันทราท่านนั้น… หรือว่ามิใช่”
“อืม ข้าก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน”
จูฟู๋พยักหน้าพลางกล่าวว่า “ผู้ดูแลท่านนั้นของหอสายลมจันทราต่างก็สุภาพสง่างาม ข้ารับใช้ก็นุ่มนวลอ่อนโยน”
จูฟู๋ส่ายศีรษะมิหยุดเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ “มิใช่ ต้องมิใช่อย่างแน่นอน”
ตี๋ซิวหยวนพยักหน้าเห็นด้วย “ช่างเรื่องวุ่นวายเหล่านี้เถิด มาเริ่มเข้าม้วนภาพจะดีกว่า”
…………………….
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่มู่หรงลี่จูออกจากหอจุ้ยเซียนแล้ว ก็มิได้กลับไปที่หอสายลมจันทราในทันที
แต่กลับเหาะไปทางวังหลวงของแคว้นต้าเยี่ยนแทน
ทว่าขณะที่นางใกล้จะถึงวังหลวงแล้วนั้น
เงาร่างหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ได้ทะยานขึ้นจากเบื้องล่างอย่างอุกอาจพร้อมกับขวางทางของนางเอาไว้
คนตรงหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นก็คือผู้เฒ่าคนหนึ่ง
หากเย่ฉางชิงอยู่ด้วย ณ ที่นี้ แค่เพียงแวบเดียวก็คงจะจำได้ทันทีว่าผู้เฒ่าคนนี้แท้จริงแล้วเป็นใครกัน
ใช่แล้ว !
เขาก็คือหลิวฉางเหอแห่งจวนผู้กล้านั่นเอง
“ที่นี่เป็นเขตวังหลวงของแคว้นต้าเยี่ยน เชิญท่านถอยกลับไปจะดีกว่า”
แม้การได้รับวาสนามาจากเมืองเสี่ยวฉือ รวมทั้งการบำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบากในช่วงนี้ จะทำให้ตบะบารมีของหลิวฉางเหอนั้นมีการพัฒนาขึ้นอย่างมาก จนเวลานี้เรียกได้ว่าตบะบารมีของเขานั้นอยู่ในจุดสูงสุดของระดับก่อกำเนิดแล้ว
แต่หลังจากที่เขาสัมผัสถึงพลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างของมู่หรงลี่จูแล้ว สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เห็นได้ชัดว่าสตรีลึกลับที่เตรียมจะบุกเข้าวังหลวงผู้นี้ มีตบะบารมีที่สูงส่งกว่าเขามากเพียงใด
มู่หรงลี่จูปรายตามองหลิวฉางเหอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังถึงกับตกตะลึงงันว่า “ให้ฮ่องเต้แคว้นต้าเยี่ยนมาพบข้าเดี๋ยวนี้”
“ที่นี่… เป็นเขตวังหลวงของแคว้นต้าเยี่ยน เชิญท่าน…”
หลิวฉางเหอเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
แต่ขณะที่เขาเอ่ยยังมิทันจบประโยคนั้น กลับมีพลังปราณอันน่ากลัวพุ่งเข้าใส่เขาในทันที
เมื่อสัมผัสถึงอันตรายที่มิเคยพบมาก่อน
หลิวฉางเหอก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบปล่อยพลังออกมาต้านทานอย่างสุดกำลัง และถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
เขาคาดมิถึงว่าสตรีลึกลับผู้มีตบะบารมีลึกล้ำผู้นี้จะลงมือเด็ดขาดเช่นนี้ แม้จะอยู่เหนือวังหลวงก็ยังกล้าลงมือได้
“ให้ฮ่องเต้แคว้นต้าเยี่ยนมาพบข้า ! ”
ตอนนั้นเอง มู่หรงลี่จูก็ได้ตะโกนขึ้นอีกครั้ง
ราวกับคำพิพากษาของเทพธิดา บัดนี้นางได้แผ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาจากร่างอีกครั้ง
“นี่มัน…”
หลิวฉางเหอถึงกับร่นถอยไปหลายสิบจั้ง รู้สึกราวกับมีก้อนบางอย่างติดอยู่ในลำคอ จู่ ๆ ก็มิรู้ว่าตนนั้นควรจะเอ่ยสิ่งใดออกมาดี
บัดนี้เขามีตบะบารมีอยู่ในจุดสูงสุดของระดับก่อกำเนิด แต่ตบะของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขามาก อย่างน้อยคงมีตบะอยู่ในระดับแดนเทวาขึ้นไปแล้ว
เวลานี้เกรงว่าคนที่จะสามารถรับมือกับนางได้ คงมีเพียงท่านบรรพบุรุษของราชวงศ์แต่เพียงผู้เดียวเสียแล้ว
และในตอนนั้นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน