เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 172

ตอนที่ 172 มิอยากเห็นหน้าสักคราหรือ?

“เปรี้ยง ! ”

ทันใดนั้น

มู่หรงลี่จูก็ได้ระเบิดพลังปราณมหาศาลและน่าสะพรึงกลัวออกมาจากร่าง พร้อมกับพุ่งเข้าใส่เยี่ยนเทียนซานและเยี่ยนหยางเหนียนในทันที

“แดนเทวาขั้นกลาง ! ”

เยี่ยนเทียนซานมีสีหน้าตื่นตระหนกทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงตบะบารมีในตอนนี้ของมู่หรงลี่จู ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เขารู้ดีว่ามู่หรงลี่จูมีชาติกำเนิดมาจากตระกูลโบราณมู่หรง อาศัยพรสวรรค์ที่มีติดกายมาแต่กำเนิดและสมบัติล้ำค่าในการบำเพ็ญเพียรที่ตระกูลโบราณมู่หรงมี ความสำเร็จในภายภาคหน้าจะต้องมิอาจประเมินได้อย่างแน่นอน

แต่ใครจะไปคิดว่า

มิพบกันสิบกว่าปี

มู่หรงลี่จูที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงแม่นางน้อยที่มีตบะระดับสร้างแก่น บัดนี้กลับมีตบะบารมีระดับแดนเทวาขั้นกลางแล้ว

มิหนำซ้ำมู่หรงลี่จูในเวลานี้ก็มีอายุประมาณ 30 ปีเท่านั้น

อายุน้อยเช่นนี้แต่กลับสามารถเข้าสู่ระดับแดนเทวาขั้นกลางได้ เกรงว่าคงมีเพียงแค่คนที่มีพรสวรรค์ในสมัยบรรพกาลเท่านั้นที่จะสามารถเทียบเคียงได้

ทว่าในยุคนี้บุคคลเช่นนี้นับว่าร้ายกาจราวกับปีศาจเลยก็ว่าได้ !

น่าเหลือเชื่อ !

ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ !

“คุณหนูมู่หรง คาดมิถึงว่ามิได้พบกันสิบกว่าปี บัดนี้เจ้าจะมีตบะบารมีระดับแดนเทวาขั้นกลางแล้ว หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด เจ้าจะต้องบรรลุเป็นเซียนได้อย่างแน่นอน”

เยี่ยนเทียนซานประสานมือให้แก่มู่หรงลี่จู พลางเอ่ยด้วยความตกตะลึง

มู่หรงลี่จูแค่นเสียงเบา ๆ ออกมา แล้วเอ่ยถามเสียงเย็น “เฒ่าเยี่ยน ตอนนี้ยังคิดว่าข้ามิคู่ควรกับเขาอีกหรือไม่ ? ”

เพราะมู่หรงลี่จูบำเพ็ญเพียรเคล็ดวิชาลับของตระกูลมู่หรง จึงยากที่ผู้คนจะสามารถสัมผัสตบะบารมีของนางได้

อีกทั้งเยี่ยนเทียนซานยังมีตบะบารมีต่ำกว่านาง นั่นหมายความว่าเขามิมีทางที่จะคาดเดาตบะบารมีของนางได้

เช่นนั้นนางจึงตั้งใจแสดงความแก่กล้าของตบะบารมีตนเองออกมา

เยี่ยนเทียนซานได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งไป หลังจากชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มออกมาว่า “คุณหนูมู่หรง ด้วยพรสวรรค์ของเจ้ารวมทั้งตบะในตอนนี้ หากเทียบกับผู้คนในยุคนี้แล้ว เรียกว่าเจ้าถือเป็นอันดับหนึ่งก็ว่าได้”

“แต่ว่า… ผู้อาวุโสเย่ท่านนั้น หาใช่คนที่พวกเราจะสามารถคาดเดาได้”

เอ่ยถึงตรงนี้เยี่ยนเทียนซานก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจังว่า “เช่นนั้นเชื่อคำของข้าสักคราเถิด เจ้าควรตัดใจเรื่องนี้เสีย”

มู่หรงลี่จูมองเยี่ยนเทียนซาน พลางขมวดคิ้วมุ่น “เช่นนั้นเจ้าพูดมาให้ละเอียดทีสิ แท้จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่ ? ”

เยี่ยนเทียนซานเม้มริมฝีปากเล็กน้อย มิได้ตอบคำถามของมู่หรงลี่จูในทันที แต่ตั้งคำถามกลับไปว่า “คุณหนูมู่หรง ในเมื่อเจ้ามีสายแฝงตัวอยู่ภายในเมืองหลวง เช่นนั้นคงทราบเรื่องที่ก่อนหน้านี้มินานได้เกิดนิมิตขึ้นบนท้องฟ้าในเมืองหลวงแล้วใช่หรือไม่ ? ”

ดวงตาของมู่หรงลี่จูมีประกายบางอย่างพาดผ่าน ก่อนเอ่ยถามขึ้นตรง ๆ ว่า “หรือว่าเป็นเพราะเขางั้นหรือ ? ”

“เห็นแก่มิตรภาพระหว่างข้ากับพ่อของเจ้า ข้าจะบอกเจ้าตามตรงก็แล้วกัน”

เยี่ยนเทียนซานพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเย่ความจริงแล้วเป็นบรรพจารย์ท่านหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทางแดนเหนือ หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดคงจะมาจากสวรรค์”

“มินานมานี้หลานของข้าคนหนึ่งเดินทางผ่านแดนจิตที่ผู้อาวุโสเร้นกายอยู่ มิเพียงได้รับรากวิญญาณธาตุน้ำแข็งหายากเท่านั้น ยังได้รับภาพอักษรพู่กันที่แฝงจิตแท้แห่งเต๋าจากท่านเย่กลับมาอีกด้วย”

เอ่ยถึงตรงนี้มุมปากของเยี่ยนเทียนซานก็ฉีกยิ้มฝืดเฝื่อนออกมาแล้วเอ่ยต่ออีกว่า

“แน่นอนว่าที่ข้าสามารถบรรลุระดับเทวาได้ ก็เพราะอาศัยความรู้แจ้งจากภาพอักษรพู่กันภาพนั้น เช่นนั้นข้าจึงตัดสินใจสร้างอารามขึ้นในเมืองหลวงแทนผู้อาวุโสเย่ ทว่าสุดท้ายหลังจากที่สร้างอารามเสร็จ เมืองหลวงก็มีนิมิตเกิดขึ้นและแคว้นต้าเยี่ยนของข้าก็ได้รับโชคมากมายช่วยหนุนนำ”

“ที่แท้อารามฉางชิงที่เขาตะวันออกก็คืออารามของเขา”

มู่หรงลี่จูมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พร้อมเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียด “มิน่าเล่า หลายวันมานี้จึงเกิดนิมิตขึ้นติดต่อกันหลายครั้งหลายครา ที่แท้ก็เป็นเพราะเขามาปรากฏตัวที่เมืองหลวง อารามฉางชิงถึงได้ตอบรับเช่นนั้น”

เอ่ยเพียงเท่านั้น จู่ ๆ มู่หรงลี่จูก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

นางเคยบังเอิญอ่านคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งที่หลงเหลือเอาไว้ตั้งแต่สมัยบรรพกาล ที่หอเก็บหนังสือของตระกูลมู่หรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน