เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 174

ตอนที่ 174 : ชิงเหลียนจวีซือ

เกือบเที่ยงวัน

ด้วยการป้องกันอย่างเข้มงวดของทหารองครักษ์ ทำให้ถนนอันเป็นที่ตั้งของเรือนจิ่งหลันหยวนยังคงเป็นปกติเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง

เพียงแต่ทุกคราที่มีคนเดินทางผ่าน ล้วนแต่อดมิได้ที่จะเหลือบตามองเข้าไปด้านใน ก่อนจะรีบเดินจากไป

ผ่านไปมินาน เยี่ยนหยางเหนียนและเยี่ยนเทียนซานที่อยู่ในชุดธรรมดา รวมทั้งมู่หรงลี่จูที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีเลือดหงษ์เนื้อดี ดูงดงามอย่างไร้ที่ติก็ปรากฏตัวขึ้นบนถนนเส้นนี้

เพียงเพราะวันนี้จะได้พบท่านเย่ผู้ลึกลับท่านนั้น ทำให้มู่หรงลี่จูที่มิชอบสวมรองเท้าจำต้องสวมรองเท้าผ้าไหมสีทองด้วย

“คุณหนูมู่หรง พวกเรามาถึงแล้ว”

เมื่อมาถึงหน้าประตูของเรือนจิ่งหลันหยวน เยี่ยนหยางเหนียนก็หันมาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

ได้ยินเช่นนั้นมู่หรงลี่จูก็ชะงักไปเล็กน้อย

ความจริงแล้วเวลานี้แม้สีหน้าของนางจะยังคงเรียบนิ่ง ทว่าลึกๆ แล้วกลับอดมิได้ที่จะรู้สึกประหม่า

ทั้งเฝ้ารอ ทั้งเขินอาย และที่สำคัญยังรู้สึกละอายใจอีกด้วย

แน่นอนว่าหากก่อนหน้านี้นางรู้ว่าผู้อาวุโสเย่เป็นถึงยอดบุรุษ นางคงมิคิดอาจเอื้อมเป็นแน่

ในตอนนั้นเอง เยี่ยนเทียนซานก็ส่งยิ้มให้แก่ชายรูปร่างกำยำสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู พลางเอ่ยถามว่า “พวกท่านเย่มิได้ออกไปข้างนอกใช่หรือไม่ ? ”

บุรุษท่าทางแข็งแกร่งสองคนสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะรีบประสานมือพร้อมตอบไปว่า “ก่อนหน้านี้ได้ยินคุณหนูบอกว่า ท่านเย่กำลังวาดภาพอยู่ขอรับ คาดว่าเวลานี้ก็น่าจะยังคงวาดภาพอยู่ขอรับ”

“วาดภาพ ? ”

มู่หรงลี่จูได้สติขึ้นมาทันที นัยน์ตาหงษ์คู่นั้นพลันเปล่งประกายแวววาว

ภาพวาดที่หอจุ้ยเซียนภาพนั้นนางได้เห็นมาแล้ว แต่หากสามารถเห็นยามที่ผู้อาวุโสเย่กำลังวาดภาพด้วยตาตนเอง คงนับเป็นเรื่องที่ดีมิน้อย

มู่หรงลี่จูคิดได้เช่นนั้นจึงเอ่ยเรียบๆ ว่า “พวกเราเข้าไปกันเถอะ”

เยี่ยนเทียนซานพยักหน้ารับ ทว่าอดมิได้ที่จะกำชับขึ้นเบา ๆ ว่า “คุณหนูมู่หรง ผู้อาวุโสเย่มิใช่คนที่จะถือสาเรื่องเล็กน้อย แต่พวกเราที่เป็นผู้น้อยห้ามสามหาวต่อหน้าท่านเด็ดขาดล่ะ”

มู่หรงลี่จูแค่นเสียง หึ ออกมาเบา ๆ “เฒ่าเยี่ยน เจ้ากำลังสั่งสอนข้าอยู่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

เยี่ยนเทียนซานยิ้มออกมาอย่างสบายอารมณ์

มินานเยี่ยนหยางเหนียนก็พาทั้งสองคนมายังนอกเรือน ที่เป็นที่พักของเย่ฉางชิงอย่างคุ้นเคย

ขณะที่พวกเขาสามคนปรากฏตัวที่ประตูทางเข้า

เยี่ยนปิงซินและถานไถชิง เสวี่ย รวมทั้งเยี่ยนจิ่งหงเหมือนจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว

ขณะที่เย่ฉางชิงกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะยาวตัวหนึ่ง มือของเขาถือพู่กันโบราณด้ามนั้นเอาไว้ และกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการวาดภาพ

ส่วนด้านหลังของเขาก็มีนิมิตสุดอัศจรรย์ปรากฎขึ้น มีแสงสว่างไสวและหมอกจางแผ่ออกมา

ทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า

เยี่ยนเทียนซานและเยี่ยนหยางเหนียนที่ดูเหมือนจะพอรับมือได้ แต่ก็ยังอดมิได้ที่จะสั่นสะท้านอยู่ดี

เพราะนิมิตที่ปรากฏอยู่ด้านหลังของเย่ฉางชิงในตอนนี้ เต็มไปด้วยไอเซียนตลบอบอวลมากกว่าคราไหน ๆ

ทิวเขาทอดยาวเชื่อมต่อกัน ต้นไม้เก่าแก่ผลิใบเต็มต้น มีหมอกปกคลุม

ไกลออกไปมีแสงสวรรค์ทะยานสู่ท้องฟ้า จนเกิดเป็นระลอกคลื่น

ใกล้เข้ามามีซากปรักหักพังมากมาย กำแพงที่เกิดเป็นรอยร้าวขึ้น จนตัวอาคารพังถล่มลงมา ไอพลังเก่าแก่แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง ให้ความรู้สึกโศกเศร้าแก่ผู้ที่พบเห็น

ท่ามกลางซากปรักหักพัง

หอคอยโบราณหลังใหญ่หลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น ห้อมล้อมไปด้วยไอพลังราวกับว่ายังมีพลังเวทย์บางอย่าง ที่ทำให้คนใจสั่นสะท้านปนอยู่อีกด้วย…

ทั้งหมดนี้ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ราวกับเคยเกิดขึ้นจริง ๆ ก็มิปาน

เมื่อได้สติขึ้นมา เยี่ยนเทียนซานและเยี่ยนหยางเหนียนก็สูดลมหายใจเข้าอย่างหวาดหวั่นแทบจะพร้อมกัน

บรรยากาศที่โศกเศร้าราวกับเหมือนจริงเช่นนี้ หรือว่าผู้อาวุโสเย่จะเคยประสบเหตุการณ์บางอย่างขณะอยู่บนสวรรค์ ?

หรือผู้อาวุโสเย่เคยพบกับศึกใหญ่จนบาดเจ็บหนัก จึงจำต้องลงมาอยู่บนโลกมนุษย์เงียบ ๆ เช่นนี้

น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก !

ซากปรักหักพังที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ จินตนาการได้ไม่ยากว่าแต่เดิมนั้นเคยยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองมากเพียงใด

ยิ่งไปกว่านั้นความเสียหายร้ายแรงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเคยผ่านการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นไรมา !

ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก !

เวลานี้มู่หรงลี่จูมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ท่าทางของนางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน