ตอนที่ 207 ความกังวลของฝ่ายมาร
วันต่อมา
เมื่อเย่ฉางชิงตื่นขึ้นมา ด้านนอกหน้าต่างก็สว่างจ้าเสียแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะภาระที่หนักอึ้งในเมืองหลวงช่วงที่ผ่านมา
จึงทำให้คืนแรกที่กลับมายังเมืองเสี่ยวฉือ เย่ฉางชิงจึงหลับลึกเป็นพิเศษ
เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา ก็เกือบจะเลยยามเฉิน1 ไปแล้ว
เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งก้านธูป
เย่ฉางชิงก็เดินออกมาจากภายในห้อง หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แต่ขณะที่เขาเดินออกมาจากห้อง
ก็พบว่าถานไถชิงเสวี่ยได้นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่ใช้วางพิณ ด้านหน้ามีพิณโบราณตัวหนึ่งวางเอาไว้ นางนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นพร้อมกับดวงตาที่ปิดสนิท
เห็นได้ชัดว่าถานไถชิงเสวี่ยรอเขาอยู่นานแล้ว แต่ด้วยกลัวว่าจะเป็นการรบกวนเย่ฉางชิง
เช่นนั้นนางจึงเลือกที่จะนั่งรออยู่ข้างนอกเช่นนี้
เย่ฉางชิงเห็นเช่นนั้นก็เผยรอยยิ้มชื่นชม ก่อนจะเอ่ยกับถานไถชิงเสวี่ยว่า “แม่นางชิงเสวี่ย ต่อไปเจ้ามิต้องกังวลว่าจะรบกวนข้าหรอกนะ หากข้ายังมิตื่น เจ้าก็สามารถฝึกดีดพิณไปได้เลย”
ถานไถชิงเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ลืมตาขึ้นทันที ก่อนจะยิ้มหวานออกมา “ท่านเย่กล่าวเกินไปแล้ว เมื่อครู่ชิงเสวี่ยเพียงแค่กำลังไตร่ตรองเพลงฮั่วฟานอยู่เจ้าค่ะ”
เย่ฉางชิงจึงถามด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “แล้วตอนนี้พอจะคิดออกบ้างหรือยัง ? ”
ถานไถชิงเสวี่ยมีสีหน้าอับอาย ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “ยังมิสามารถดีดได้เช่นเคยเจ้าค่ะ”
“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”
เย่ฉางชิงพยักหน้าให้พร้อมสีหน้าเรียบนิ่ง “ข้าจะไปเก็บกวาดร้านก่อน เจ้าลองดีดเพลงฮั่วฟานดู หากมีปัญหาตรงส่วนไหน รอข้ากลับมาค่อยว่ากัน”
ถานไถชิงเสวี่ยพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะยื่นนิ้วอันเรียวยาวไปสัมผัสสายพิณเบา ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อเย่ฉางชิงก้าวเข้าไปยังโถงด้านหลังของร้านขายของชำ ก็ค่อย ๆ มีเสียงพิณที่ถานไถชิงเสวี่ยเป็นคนดีดลอยมา
แต่สุดท้ายเพียงมิกี่อึดใจ
เสียงพิณก็เริ่มติดขัด เสียงขาด ๆ หาย ๆ มีอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด
ได้ยินเช่นนั้นเย่ฉางชิงที่กำลังทำความสะอาดร้านอยู่ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น
‘มิน่าจะเป็นเช่นนี้ไปได้นี่นา ! ’
‘เพลงฮั่วฟานแม้จะซับซ้อนไปบ้าง แต่ความแตกฉานในดนตรีของถานไถชิงเสวี่ยก็นับว่ามีความสามารถมิน้อย’
‘ทว่าเมื่อดีดเพลงฮั่วฟาน เหตุใดจึงดีดได้ระคายหูเพียงนี้ได้ ? ’
‘หรือว่าจะมีปัญหาที่ตำราเพลง ? ’
จนเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
เย่ฉางชิงก็ได้กลับเข้ามาที่ลานด้านหลังอีกครา
ขณะเดียวกัน เมื่อถานไถชิงเสวี่ยเห็นเย่ฉางชิงกลับมาก็มีสีหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายทันที
“ท่านเย่ ข้า…”
ถานไถชิงเสวี่ยเหลือบมองเย่ฉางชิงด้วยท่าทางอึกอัก
เย่ฉางชิงด้านมาที่หน้าโต๊ะพิณ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่นางชิงเสวี่ย เจ้ายังจำคำที่ข้าพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ กับประโยคที่บอกว่า รู้ก็บอกว่ารู้ มิรู้ก็บอกว่ามิรู้ นั่นจึงถือเป็นผู้รู้ ? ”
ถานไถชิงเสวี่ยผงะไป แล้วจึงพยักหน้าน้อย ๆ
“ต้องบอกว่าเพลงฮั่วฟานนี้มีความซับซ้อนจริง ๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของจังหวะนั้นเรียกได้ว่าพิสดารเลยก็ว่าได้”
เย่ฉางชิงเอ่ยต่อ “ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าชื่นชอบดนตรีถึงเพียงไหน ขอเพียงฝึกฝนให้มากขึ้น ต่อไปจะต้องประสบความสำเร็จเป็นแน่ เช่นนั้นเจ้ามิต้องรีบร้อนไปหรอก”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ในเมื่อเจ้าอยากจะฝึกเพลงฮั่วฟาน เช่นนั้นข้าจะดีดให้เจ้าฟังวันละหนึ่งรอบ เวลาที่เหลือเจ้าก็ฝึกและทำความเข้าใจไปก็แล้วกัน”
ถานไถชิงเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ลุกขึ้นโค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิง พร้อมกับเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ท่านเย่มีเมตตาถึงเพียงนี้ ชิงเสวี่ยมิมีสิ่งใดที่จะตอบแทนได้ ต่อไปข้าจะตั้งใจฝึกฝนมิให้เสียแรงที่ท่านเย่คอยสั่งสอนเจ้าค่ะ”
เย่ฉางชิงหัวเราะอย่างมิใส่ใจอะไร ก่อนจะเอ่ยว่า “เมื่อครู่เจ้าดีดไปแล้วหนึ่งรอบ ต่อไปข้าจะดีดหนึ่งรอบ เจ้าก็ตั้งใจทำความเข้าใจก็แล้วกันนะ”
ถานไถชิงเสวี่ยพยักหน้ารับ จากนั้นจึงสละที่นั่งให้กับเย่ฉางชิง
มินาน
“ตึง… ตึงตึง…”
เสียงพิณอันไพเราะราวกับเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น
มิกี่อึดใจต่อมา เสียงพิณไพเราะจับใจก็ดังไปทั่วทั้งเมืองเสี่ยวฉือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน