เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 210

ตอนที่ 210 วิถีกระบี่คืออะไร?

หลังจากปรึกษากันแล้ว นักพรตฉางเสวียนก็ตัดสินใจว่าอีกสองวันจะพาซือถูเจิ้นผิงไปเมืองเสี่ยวฉือ เพื่อพบท่านบรรพจารย์เย่

ส่วนท่านบรรพจารย์เย่จะยอมช่วยให้เขาบรรลุในวิถีกระบี่หรือไม่นั้น แน่นอนว่าต้องดูอารมณ์ของท่านบรรพจารย์เย่อีกที

ยามค่ำ

บนยอดเขาอันเป็นที่พำนักของหนานกงเสวียนจี

ซือถูเจิ้นผิงและหนานกงเสวียนจีกำลังนั่งเผชิญหน้ากันอยู่

“พี่หนานกง มิได้พบกันนานคาดมิถึงว่าเวลานี้ท่านจะใกล้ถึงระดับมหายานแล้ว ช่างมีพรสวรรค์จริง ๆ”

ซือถูเจิ้นผิงพูดกับหนานกงเสวียนจี

“มีพรสวรรค์งั้นหรือ ? ”

หนานกงเสวียนจีหัวเราะออกมา ก่อนถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ผู้มีพรสวรรค์ในโลกนี้ไหนเลยจะมีเพียงแค่พวกเราสองคน แม้บัดนี้จะมีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ แต่เพราะเส้นบาง ๆ นี้มิใช่หรือ ที่ขวางกั้นผู้คนมากมายให้มิอาจก้าวข้ามไปได้”

ซือถูเจิ้นผิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว ข้าเองก็ติดอยู่ในระดับนี้มานับพันปีแล้ว เดิมคิดว่าเมื่อวิญญาณกระบี่เป็นอมตะ ก็จะสามารถเข้าสู่ระดับมหายานได้ แต่ใครเลยจะคิดว่าวิถีกระบี่กลับบรรลุได้ยากยิ่ง มิเช่นนั้นข้าคงมิต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าอึดอัดเช่นวันนี้หรอก”

ซือถูเจิ้นผิงเอ่ยถึงตรงนี้ก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พี่หนานกง ท่านคงเคยพบผู้อาวุโสเย่ท่านนั้นมาแล้วใช่หรือไม่ ? ”

หนานกงเสวียนจีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับ

ดวงตาของซือถูเจิ้นผิงมีประกายบางอย่างแวบผ่าน ก่อนถามต่อว่า “ผู้อาวุโสเย่ท่านนั้นเป็นเช่นไรบ้าง ? ”

แม้นักพรตฉางเสวียนจะรับปากซือถูเจิ้นผิงแล้ว แต่ภายในใจของเขากลับยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้

เขาอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของผู้อาวุโสเย่ท่านนี้

“ภายนอกนั้นดูสุภาพอ่อนโยน ทว่าความจริงแล้วกลับมิอาจคาดเดาได้ ทุกคำพูดและการกระทำล้วนแฝงไว้ด้วยสัจธรรมแห่งฟ้าดิน”

หนานกงเสวียนจีเข้าใจความคิดของซือถูเจิ้นผิง จึงเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “ข้ามองว่าการได้พูดคุยกับผู้อาวุโสเย่นั้น ถือเป็นโอกาสและวาสนาอย่างหนึ่งของพวกเราแล้ว”

ซือถูเจิ้นผิงพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกว่า “พี่หนานกง ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้มีข้อห้ามอะไรบ้างหรือไม่ ? ”

“ขอเพียงจริงใจและเปิดเผยก็พอ”

หนานกงเสวียนจีนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “แต่ว่าเจ้าจะต้องระวังต้นหลิวที่บ้านของผู้อาวุโสเย่ให้ดี นั่นคือสิ่งมีชีวิตโบราณที่แข็งแกร่งกว่าข้าอย่างมาก”

“ต้นหลิว ? ”

“สิ่งมีชีวิตโบราณ ? ”

ซือถูเจิ้นผิงมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างอดมิได้

การมีอยู่ของสิ่งนี้หมายความเช่นไร เขาย่อมต้องเคยได้ยินมาบ้างแล้ว

“ขอบคุณพี่หนานกงที่เตือน ข้าทราบแล้ว”

ซือถูเจิ้นผิงคาราวะหนานกงเสวียนจีเล็กน้อย

เวลาสองวันผ่านไปไวราวกับพริบตา

วันนี้ ยามเที่ยง

นักพรตฉางเสวียนและซือถูเจิ้นผิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองเสี่ยวฉือ

เมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังเต๋าที่แผ่ไปทั่วทั้งเมืองเสี่ยวฉือ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

นักพรตฉางเสวียนจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “คาดมิถึงว่ามิได้พบกันเพียงมินาน ตบะบารมีของท่านบรรพจารย์เย่จะก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิมไปอีก ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ”

ซือถูเจิ้นผิงได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

‘ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้เก่งกาจเพียงใดกันแน่’

‘ตบะบารมีล้ำลึกจนยากที่จะคาดเดา อีกทั้งยังสามารถก้าวหน้าขึ้นได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ นี่เกรงว่าจะน่าเหลือเชื่อเกินไปกระมัง’

ตอนนั้นเองนักพรตฉางเสวียนก็ได้หันมาเอ่ยเตือนว่า “ผู้อาวุโสซือถู ท่านบรรพจารย์เย่มิชอบให้ผู้อื่นเรียกเขาว่าผู้อาวุโสเย่อะไรแบบนั้น เมื่อท่านได้พบเขาแล้วก็ให้เรียกเขาว่าท่านเย่ก็พอนะขอรับ”

ซือถูเจิ้นผิงพยักหน้ารับ “เจ้าสำนักไท่เสวียนโปรดวางใจ ข้าจะจำให้ขึ้นใจ”

ยอดฝีมือเช่นนี้ย่อมมีนิสัยที่แปลกประหลาด เรื่องนี้เขาเข้าใจดี

เช่นนั้นเมื่อนักพรตฉางเสวียนกำชับเช่นนี้ ซือถูเจิ้นผิงมิเพียงรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่ากลับเห็นด้วยอีกด้วย

จนเมื่อนักพรตฉางเสวียนและซือถูเจิ้นผิงมาถึงถนนอันเป็นที่พำนักของเย่ฉางชิง

ก็เห็นหน้าร้านขายของชำที่อยู่มิไกลนัก และมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนอนกลางวันอยู่บนเก้าอี้นอนตัวหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน