เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 215

สรุปบท ตอนที่ 215 ภาพจิ้งจอกเหิน: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

อ่านสรุป ตอนที่ 215 ภาพจิ้งจอกเหิน จาก เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 215 ภาพจิ้งจอกเหิน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายแปล เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 215 ภาพจิ้งจอกเหิน

‘หินหุนหยวนขนาดเท่ากำปั้นสิบก้อน ? ’

เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินเช่นนั้น ก็เคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับของพวกเขาปูดโปนขึ้นมาทันที

‘ราชันทมิฬ ! ’

‘นั่นเป็นถึงหินหุนหยวนที่แฝงจิตวิญญาณฟ้าดินเอาไว้ มิใช่ผักปลาที่หาซื้อได้ตามตลาดนะ ! ’

หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่

“ราชันทมิฬ ความจริงแล้ว”

ถูซานเหยายิ้มให้กับราชันทมิฬ “เผ่าจิ้งจอกวิญญาณของข้าเก็บสะสมมาหลายปี ทว่ากลับได้เพียงมิกี่ก้อนเท่านั้น อีกทั้งคราก่อนเจ้าก็ได้เอาไปหมดแล้ว”

ราชันทมิฬแสยะยิ้มออกมา พร้อมเอ่ยอย่างสงสัยว่า “หินหุนหยวนนี่หายากเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”

ตอนนั้นเองถูซื่อจึงได้เอ่ยถามราชันทมิฬด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เด็กน้อย นายท่านของเจ้าสามารถกลั่นหินหุนหยวนเพื่อบำเพ็ญเพียรได้จริงหรือ ? ”

“นายท่านของข้ามีตบะบารมีเช่นไร เจ้าสามารถคาดเดาได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ราชันทมิฬปรายตามองถูซื่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างหยิ่งผยองว่า “อีกอย่างพี่ต้นไม้แข็งแกร่งเพียงใด คราก่อนเจ้าก็คงได้รู้ไปแล้ว”

“อีกอย่างหากมิใช่เพราะนายท่านต้องการหินหุนหยวนในการบำเพ็ญเพียร ข้าจะมาปรากฏที่เทือกเขาแดนใต้ทำไมกัน ? ”

สิ้นเสียงถูสือซานก็หันไปทางถูซื่อ แล้วเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เรียนท่านบรรพบุรุษ ที่ราชันทมิฬพูดมาเป็นความจริงเจ้าค่ะ อีกอย่างก่อนหน้านี้มินานสือซานยังเคยเห็นผู้อาวุโสเย่กลั่นหินหุนหยวนด้วยตาตัวเองมาแล้วเจ้าค่ะ”

ถูซื่อได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างอดมิได้

คำพูดของราชันทมิฬ นางเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง เพราะเยี่ยงไรเสียก็เป็นคนนอก

ทว่าถูสือซานนั้นนางเห็นมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเคยบำเพ็ญเพียรร่วมกับนางมาช่วงหนึ่งด้วย

จิตใจอันบริสุทธิ์ของถูสือซานนั้น นางย่อมรู้ดีที่สุด

การที่ถูสือซานพูดอย่างหนักแน่นถึงเพียงนี้ นางย่อมมิมีข้อสงสัยใด ๆ อีก

แต่ปัญหาก็คือผู้อาวุโสเย่ท่านนี้แท้จริงแล้วเก่งกาจเพียงใดกันแน่ ถึงสามารถกลั่นหินหุนหยวนเพื่อบำเพ็ญเพียรได้

เพราะแม้แต่ผู้ที่มีตบะบารมีอยู่ในจุดสูงสุดของระดับจ้าวปีศาจเช่นนาง ก็ยังมิอาจทนรับจิตวิญญาณอันรุนแรงที่แฝงอยู่ในหินหุนหยวนนี้ได้

อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวปีศาจเลย แม้แต่ผู้ที่เกือบจะเข้าสู่ระดับจอมปีศาจเอง ก็เกรงว่าคงมิอาจกลั่นหินหุนหยวนได้สำเร็จก็เป็นได้

ส่วนระดับจอมปีศาจในตำนานนั้น นางมิอาจคาดเดาได้ รวมทั้งมิอาจจินตนาการได้ด้วย

‘หรือว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้จะเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับจอมปีศาจแล้ว ? ’

‘มิใช่’

‘ผู้แข็งแกร่งระดับจอมปีศาจยังมิอาจผสานจิตแท้แห่งเต๋าเข้าสู่ภาพอักษรพู่กันได้’

‘หรือว่าเขาจะเป็นผู้ไร้เทียมทานที่บรรลุเป็นเซียนตั้งแต่สมัยบรรพกาล และบัดนี้ได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งกัน ? ’

‘อืม ! ’

‘คงจะเป็นเช่นนี้แน่ ! ’

‘มิเช่นนั้นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์พลิกฟ้าเช่นนี้ ก็คงมิมาอยู่บนโลกนี้เป็นแน่’

ถูซื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วก็กวาดตามองเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างลงไป

นั่นก็คือในอนาคตอันใกล้นี้ หากใต้หล้าเกิดความโกลาหลขึ้น

เผ่าจิ้งจอกวิญญาณห้ามเข้าร่วมกลับเผ่าปีศาจต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ เพื่อทำสงครามกับพวกมนุษย์เป็นอันขาด

ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว

หากคนผู้นี้ลงมือล่ะก็ เกรงว่าปีศาจเผ่าต่าง ๆ แห่งเทือกเขาแดนใต้คงต้องประสบกับภัยพิบัติเป็นแน่

หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ถูซื่อก็ได้เหลือบมองราชันทมิฬ ก่อนออกคำสั่งกับเหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณว่า

“ถูซานเหยา พวกเจ้าจงฟังคำสั่งข้า”

ถูซานเหยารวมทั้งเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินเช่นนั้นจึงลุกขึ้นยืน พร้อมกับประสานมือให้แก่ถูซื่อทันที

“ท่านบรรพบุรุษเชิญกล่าวมาได้เลยขอรับ ! ”

เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเอ่ยขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน

“สือซานมีสัญญาณว่าสายเลือดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งผู้อาวุโสเย่ยังมอบโอกาสและวาสนาเช่นนี้ให้แก่นาง”

“เช่นนั้นก็เท่ากับว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ มีบุญคุณต่อเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเรา”

ถูซื่อเอ่ยเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกวาดตามองทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บัดนี้ข้าขอสั่งพวกเจ้า ให้ส่งคนในเผ่าทั้งหมดไปตามที่ต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ เพื่อสืบหาร่องรอยของหินหุนหยวน ! ”

เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินเช่นนั้น ก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

ท่านบรรพบุรุษตัดสินใจเช่นนี้ ออกจะวู่วามเกินไปหรือไม่ !

จนเมื่อเวลาผ่านไปมิถึงหนึ่งก้านธูป

คนในเผ่าจิ้งจอกวิญญาณนับพัน ก็ได้เดินออกมาจากภายในถ้ำของตนเอง

ก่อนจะออกจากเขาดอกท้อ ไปตามที่ต่าง ๆ ของเทือกเขาแดนใต้ในทันที

ยามค่ำคืนก็ย่ำกรายเข้ามาโดยมิทันรู้ตัว

เวลานี้บรรพบุรุษเผ่าจิ้งจอกวิญญาณอย่างถูซื่อ ก็ได้พาทายาทอย่างถูสือซานเดินทอดน่องไปตามป่าท้อ

“สือซาน เวลานี้เจ้ามีตบะบารมีถึงระดับจักรพรรดิปีศาจแล้ว ทว่าไอปีศาจบนกายกลับลดลง หรือว่าเป็นเพราะเจ้าได้ทำความเข้าใจภาพราชันทมิฬภาพนั้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ถูซื่อเหม่อมองออกไป เหมือนกำลังใจลอยอยู่ ความจริงนางอยากจะถามตั้งนานแล้ว

ถูสือซานได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มหวานออกมา พร้อมกับตอบว่า “ท่านบรรพบุรุษ สือซานมิได้บำเพ็ญเพียรด้วยภาพราชันทมิฬ แต่เป็นเพราะภาพจิ้งจอกเหินที่ผู้อาวุโสมอบให้แก่สือซานเจ้าค่ะ”

“ภาพจิ้งจอกเหิน ? ”

ถูซื่อชะงักฝีเท้าลงทันที พร้อมกับหันไปเอ่ยกับถูสือซานว่า “เจ้าได้นำภาพจิ้งจอกเหินติดกายมาหรือไม่ ? ”

ถูสือซานผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ

ถูซื่อจึงเอ่ยต่ออีกว่า “เช่นนั้น… ข้าขอดูภาพจิ้งจอกเหินของเจ้าหน่อยได้หรือไม่ ? ”

ถูสือซานหัวเราะออกมาอย่างสบายอารมณ์ ก่อนตอบกลับว่า “หากท่านบรรพบุรุษต้องการ ย่อมได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ”

เอ่ยจบถูสือซานก็เพ่งสมาธิ พลันฝ่ามือของนางก็เปล่งแสงออกมา เพียงพริบตาม้วนภาพม้วนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง

ขณะเดียวกันไอพลังเต๋าก็ได้แผ่ออกมาทันที

“ท่านบรรพบุรุษเชิญดูได้เลยเจ้าค่ะ”

ถูสือซานเอ่ยโดยมิได้ระแวงใด ๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังเต๋าอันบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจากม้วนภาพ แม้แต่ปีศาจเฒ่าอย่างถูซื่อที่มีชีวิตมานับล้านปีผู้นี้ ยังอดมิได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ

นางลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะรับม้วนภาพมาจากมือของถูสือซาน

หลังจากนั้นนางก็ค่อย ๆ คลี่ม้วนภาพออก

ทว่าในวินาทีต่อมานางก็ต้องนิ่งค้างราวกับหินไปทันที

สายตาจ้องเขม็งไปยังสตรีงดงามที่สวมหน้ากากสีเงิน และมีรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นในม้วนภาพ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน