ตอนที่ 215 ภาพจิ้งจอกเหิน
‘หินหุนหยวนขนาดเท่ากำปั้นสิบก้อน ? ’
เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินเช่นนั้น ก็เคร่งเครียดจนเส้นเลือดที่ขมับของพวกเขาปูดโปนขึ้นมาทันที
‘ราชันทมิฬ ! ’
‘นั่นเป็นถึงหินหุนหยวนที่แฝงจิตวิญญาณฟ้าดินเอาไว้ มิใช่ผักปลาที่หาซื้อได้ตามตลาดนะ ! ’
หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่
“ราชันทมิฬ ความจริงแล้ว”
ถูซานเหยายิ้มให้กับราชันทมิฬ “เผ่าจิ้งจอกวิญญาณของข้าเก็บสะสมมาหลายปี ทว่ากลับได้เพียงมิกี่ก้อนเท่านั้น อีกทั้งคราก่อนเจ้าก็ได้เอาไปหมดแล้ว”
ราชันทมิฬแสยะยิ้มออกมา พร้อมเอ่ยอย่างสงสัยว่า “หินหุนหยวนนี่หายากเพียงนั้นเชียวหรือ ? ”
ตอนนั้นเองถูซื่อจึงได้เอ่ยถามราชันทมิฬด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เด็กน้อย นายท่านของเจ้าสามารถกลั่นหินหุนหยวนเพื่อบำเพ็ญเพียรได้จริงหรือ ? ”
“นายท่านของข้ามีตบะบารมีเช่นไร เจ้าสามารถคาดเดาได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ราชันทมิฬปรายตามองถูซื่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างหยิ่งผยองว่า “อีกอย่างพี่ต้นไม้แข็งแกร่งเพียงใด คราก่อนเจ้าก็คงได้รู้ไปแล้ว”
“อีกอย่างหากมิใช่เพราะนายท่านต้องการหินหุนหยวนในการบำเพ็ญเพียร ข้าจะมาปรากฏที่เทือกเขาแดนใต้ทำไมกัน ? ”
สิ้นเสียงถูสือซานก็หันไปทางถูซื่อ แล้วเอ่ยอย่างจริงจังว่า “เรียนท่านบรรพบุรุษ ที่ราชันทมิฬพูดมาเป็นความจริงเจ้าค่ะ อีกอย่างก่อนหน้านี้มินานสือซานยังเคยเห็นผู้อาวุโสเย่กลั่นหินหุนหยวนด้วยตาตัวเองมาแล้วเจ้าค่ะ”
ถูซื่อได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างอดมิได้
คำพูดของราชันทมิฬ นางเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง เพราะเยี่ยงไรเสียก็เป็นคนนอก
ทว่าถูสือซานนั้นนางเห็นมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเคยบำเพ็ญเพียรร่วมกับนางมาช่วงหนึ่งด้วย
จิตใจอันบริสุทธิ์ของถูสือซานนั้น นางย่อมรู้ดีที่สุด
การที่ถูสือซานพูดอย่างหนักแน่นถึงเพียงนี้ นางย่อมมิมีข้อสงสัยใด ๆ อีก
แต่ปัญหาก็คือผู้อาวุโสเย่ท่านนี้แท้จริงแล้วเก่งกาจเพียงใดกันแน่ ถึงสามารถกลั่นหินหุนหยวนเพื่อบำเพ็ญเพียรได้
เพราะแม้แต่ผู้ที่มีตบะบารมีอยู่ในจุดสูงสุดของระดับจ้าวปีศาจเช่นนาง ก็ยังมิอาจทนรับจิตวิญญาณอันรุนแรงที่แฝงอยู่ในหินหุนหยวนนี้ได้
อย่าว่าแต่ผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวปีศาจเลย แม้แต่ผู้ที่เกือบจะเข้าสู่ระดับจอมปีศาจเอง ก็เกรงว่าคงมิอาจกลั่นหินหุนหยวนได้สำเร็จก็เป็นได้
ส่วนระดับจอมปีศาจในตำนานนั้น นางมิอาจคาดเดาได้ รวมทั้งมิอาจจินตนาการได้ด้วย
‘หรือว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้จะเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับจอมปีศาจแล้ว ? ’
‘มิใช่’
‘ผู้แข็งแกร่งระดับจอมปีศาจยังมิอาจผสานจิตแท้แห่งเต๋าเข้าสู่ภาพอักษรพู่กันได้’
‘หรือว่าเขาจะเป็นผู้ไร้เทียมทานที่บรรลุเป็นเซียนตั้งแต่สมัยบรรพกาล และบัดนี้ได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งกัน ? ’
‘อืม ! ’
‘คงจะเป็นเช่นนี้แน่ ! ’
‘มิเช่นนั้นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์พลิกฟ้าเช่นนี้ ก็คงมิมาอยู่บนโลกนี้เป็นแน่’
ถูซื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วก็กวาดตามองเหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ ก่อนจะตัดสินใจบางอย่างลงไป
นั่นก็คือในอนาคตอันใกล้นี้ หากใต้หล้าเกิดความโกลาหลขึ้น
เผ่าจิ้งจอกวิญญาณห้ามเข้าร่วมกลับเผ่าปีศาจต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ เพื่อทำสงครามกับพวกมนุษย์เป็นอันขาด
ผู้อาวุโสเย่ท่านนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
หากคนผู้นี้ลงมือล่ะก็ เกรงว่าปีศาจเผ่าต่าง ๆ แห่งเทือกเขาแดนใต้คงต้องประสบกับภัยพิบัติเป็นแน่
หลังจากชั่งน้ำหนักดูแล้ว ถูซื่อก็ได้เหลือบมองราชันทมิฬ ก่อนออกคำสั่งกับเหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณว่า
“ถูซานเหยา พวกเจ้าจงฟังคำสั่งข้า”
ถูซานเหยารวมทั้งเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินเช่นนั้นจึงลุกขึ้นยืน พร้อมกับประสานมือให้แก่ถูซื่อทันที
“ท่านบรรพบุรุษเชิญกล่าวมาได้เลยขอรับ ! ”
เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณเอ่ยขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน
“สือซานมีสัญญาณว่าสายเลือดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งผู้อาวุโสเย่ยังมอบโอกาสและวาสนาเช่นนี้ให้แก่นาง”
“เช่นนั้นก็เท่ากับว่าผู้อาวุโสเย่ท่านนี้ มีบุญคุณต่อเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของเรา”
ถูซื่อเอ่ยเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วกวาดตามองทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บัดนี้ข้าขอสั่งพวกเจ้า ให้ส่งคนในเผ่าทั้งหมดไปตามที่ต่าง ๆ ในเทือกเขาแดนใต้ เพื่อสืบหาร่องรอยของหินหุนหยวน ! ”
เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจิ้งจอกวิญญาณได้ยินเช่นนั้น ก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ท่านบรรพบุรุษตัดสินใจเช่นนี้ ออกจะวู่วามเกินไปหรือไม่ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน