เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 250

สรุปบท ตอนที่ 250 วิถีกระบี่สมบูรณ์ขึ้น: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

อ่านสรุป ตอนที่ 250 วิถีกระบี่สมบูรณ์ขึ้น จาก เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 250 วิถีกระบี่สมบูรณ์ขึ้น คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายแปล เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 250 วิถีกระบี่สมบูรณ์ขึ้น

มินานเย่ฉางชิงลุกไปก็หยิบมีดแกะสลักมา จากนั้นก็กลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง

วินาทีต่อมาเขาก็เพ่งสมาธิ พลันแหวนเก็บสมบัติก็มีแสงสีเขียงพุ่งออกมาจากภายใน

เพียงพริบตา ปทุมสูติที่มีอักษรโบราณล้อมรอบ มีหมอกสีเขียวและไอพลังอันปั่นป่วนปกคลุม พร้อมแผ่พลังลึกลับออกมาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

เย่ฉางชิงยกยิ้มออกมา จากนั้นก็จ้องไปยังลวดลายอันซับซ้อนด้านบนปทุมสูติ

เนื่องจากลวดลายบนปทุมสูติมีลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เย่ฉางชิงจึงสำรวจไปมาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใจนำเอาลวดลายทรงกระบี่ชุดหนึ่ง มาสลักบนกระบี่ในมือของเขา

เขาเริ่มจากการสำรวจทิศทางของลวดลายทรงกระบี่ชุดนี้อย่างละเอียด จากนั้นก็ยกมีดขึ้นมาและลงมือแกะสลักบนตัวกระบี่อย่างระมัดระวัง

จึ๊กจึ๊กจึ๊ก !

มินาน ภายในห้องก็เกิดเสียงแหลมแสบแก้วหูขึ้นเป็นระลอก

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอาก็คือ

มิรู้ว่าตอนที่ช่างตีเหล็กซ่งหลอมกระบี่เล่มนี้ เขาใส่วัสดุอะไรลงไปกันแน่

มีดแกะสลักของเขาคมเพียงใดเขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ว่าขณะที่แกะสลักลวดลายลงบนกระบี่กลับกินแรงเป็นอย่างมาก

ทำให้เขาใช้เวลาในการแกะสลักนานกว่าที่คิดเอาไว้

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็ยังคงมิยอมแพ้

เยี่ยงไรเสียนี่ก็เป็นกระบี่เล่มแรกในชีวิตของเขา อีกทั้งเขาได้ตัดสินใจแล้วว่านับแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะแบ่งเวลาส่วนหนึ่งเพื่อใช้ฝึกเคล็ดกระบี่แสงทองอีกด้วย

เช่นนั้นเขาจึงอดทนเป็นอย่างมาก

ทว่าขณะที่เขากำลังสลักลวดลายกระบี่ชุดนี้อยู่นั้น

ด้านบนของเมืองเสี่ยวฉือจู่ ๆ ก็ปรากฏนิมิตขึ้น

ปราณวิญญาณฟ้าดินอันเข้มข้นพลันโหมกระหน่ำมิหยุดราวกับพายุในคืนหิมะ

มินานทั่วทั้งท้องนภาก็สั่นสะเทือน มีแสงไฟสาดส่องขึ้น ไอพลังสุดปั่นป่วนมวลมหาศาลปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง เกิดเป็นปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

ผ่านไปมิกี่อึดใจ

จู่ ๆ ท้องฟ้าพลันมีสัญลักษณ์โบราณปรากฎขึ้นจนแน่นขนัดไปหมด

สัญลักษณ์มากมายนี้มีแสงระยิบระยับเปล่งออกมาด้วย

เมื่อทอดมองไปราวกับหมู่ดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มฟากฟ้า

จากนั้นเมื่อสัญญลักษณ์โบราณเหล่านี้เกิดการสั่นสะเทือน ก็ได้เกิดแสงอันเจิดจ้าสายหนึ่งสะท้อนออกมา

ขณะเดียวกัน เสียงแห่งวิถีเต๋าอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นเป็นระลอก…

วินาทีนี้สำนักบำเพ็ญเพียรทั่วทั้งจงหยวนก็เกิดความโกลาหลขึ้น

ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่อยู่ใกล้เมืองเสี่ยวฉือมากที่สุด

บนยอดเขากระบี่วิญญาณ

นักพรตหยวนเจี้ยนที่เข้าฌานบำเพ็ญเพียรอยู่ถึงกับต้องลืมตาขึ้นทันที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยประดับด้วยรอยยิ้มยินดี

มินานกระบี่แสงที่แผ่ไอพลังวิถีกระบี่ด้านบนศีรษะของเขาก็เริ่มสั่นน้อย ๆ เพียงพริบตาก็หายวับไปในอากาศ

เพียงแวบเดียวนักพรตหยวนเจี้ยนก็แปลงร่างเป็นเงา ๆ หนึ่ง ก่อนจะหายตัวไปจากห้องอย่างไร้ร่องรอย

มิกี่อึดใจต่อมา นักพรตหยวนเจี้ยนปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่หน้าตำหนักไท่เสวียน เจ้ายอดเขาคนอื่น ๆ รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งหลายก็มาถึงแล้วเช่นกัน

นักพรตฉางเสวียนยืนเอามือไพล่หลังด้วยท่าทางเคร่งขรึม ขมวดคิ้วแน่นพลางกล่าวว่า “ตำราโบราณบันทึกเอาไว้ว่า วิถีมากมายบนโลกมนุษย์ยังคงมิครบถ้วน เช่นนั้นจึงเป็นการจำกัดการบำเพ็ญเพียรของพวกเราไปด้วย หากต้องการค้นหาเส้นทาง จำต้องบรรลุเป็นเซียน”

“ทว่าบัดนี้มีเสียงแห่งวิถีเต๋าดังขึ้น นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ? ”

นักพรตฉางเสวียนที่มาถึงเบื้องหน้าของนักพรตหยวนเจี้ยนเป็นคนแรก ลูบหนวดตัวเองพร้อมยกยิ้มออกมา “ศิษย์พี่ฉางเสวียนที่ท่านพูดมานั้นมิผิด แต่ว่าข้ายืนยันกับท่านได้เลยว่า จะต้องมีผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน ต้องการที่จะทำให้วิถีกระบี่บนโลกนี้สมบูรณ์ขึ้น”

“ทำให้วิถีกระบี่สมบูรณ์ ? ”

นักพรตฉางเสวียนมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะมองนักพรตหยวนเจี้ยนด้วยความเหลือเชื่อ

เนื่องด้วยผู้บำเพ็ญเพียรแต่ละคนฝึกฝนหนทางที่แตกต่างกัน ทำให้การรับรู้วิถีแห่งเต๋าตื้นลึกมิเท่ากัน

ยกตัวอย่างเช่นผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ในระดับเขา แม้จะสามารถรับรู้ได้ลาง ๆ ว่าวิถีแห่งเต๋าเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่กลับมิสามารถรู้ได้ว่าวิถีใดกันแน่ที่มีการเปลี่ยนแปลง

หากเป็นวิถีที่ตนบำเพ็ญเพียรมาตลอด เช่นนั้นเขาย่อมสามารถรับรู้ได้อย่างแน่นอน

“ใช่ ตอนนั้นผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ทั้งหลายร่วมมือกันบีบบังคับให้พวกเรามาอยู่ที่นี่ บัดนี้ผ่านไปแล้วมิรู้กี่ปี ข้าว่าตาเฒ่าพวกนั้นคนที่บรรลุเป็นเซียนก็คงเป็นเซียนไปแล้ว คนที่ดับสูญก็คงจะดับสูญไปหมดแล้ว”

“……”

เสียงชรามากมายดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าคำราม กึกก้องไปทั่วมิหยุด จนทำให้คนที่ได้ยินชาไปทั้งตัว

หนานกงเสวียนจีกวาดตามองสิ่งมีชีวิตเก่าแก่มากมาย พลางเอ่ยเสียงเข้มว่า “ทุกท่าน พวกข้าสองคนเพียงแค่ได้รับคำสั่งให้มาตามหาหินหุนหยวนที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียรให้แก่ผู้อาวุโสท่านหนึ่ง ขอทุกท่านได้โปรดหลีกทางให้ด้วย”

“หินหุนหยวน ? ”

เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งเยาะเย้ยขึ้น “ภายในหินหุนหยวนแฝงปราณชีวิตอันรุงแรงอย่างมาก แม้แต่พวกข้ายังมิอาจที่จะกลั่นได้ ยิ่งกว่านั้นพวกเจ้าผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์มีร่างกายอ่อนแอมาแต่กำเนิดแล้วจะกลั่นได้เยี่ยงไร ? ”

มุมปากของซือถูเจิ้นผิงยกขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “เช่นนั้นข้าขอเตือนพวกเจ้าว่าทางที่ดีอย่าได้ก้าวออกจากที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าว มิเช่นนั้นเกรงว่าแม้แต่ตายไปแล้วก็ยังคงมิรู้ว่าตายเพราะอันใดเป็นแน่ ! ”

สิ้นเสียงซือถูเจิ้นผิงและหนานกงเสวียนจีก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปแทบจะทันที

ขณะเดียวกันสิ่งมีชีวิตโบราณมากมายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็เงียบเสียงลง

วินาทีต่อมา ไอพลังบนกายของซือถูเจิ้นผิงพลันปะทุขึ้นจนยุ่งเหยิงไปหมด ขณะเดียวกันร่างของเขาก็แผ่คลื่นพลังเป็นชั้น ๆ ออกมามิหยุด

หนานกงเสวียนเอ่ยด้วยความตื่นตระหนกว่า “พี่ซือถู ท่านจะบรรลุแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

รอบกายของซือถูเจิ้นผิงมีแสงจาง ๆ แผ่ออกมา พลังปราณมหาศาลปะทุขึ้น ด้านบนศีรษะพลันหลอมรวมเกิดเป็นกระบี่แสงขนาดใหญ่เล่มหนึ่ง

“พี่หนานกง ข้าขอเรียนตามตรงว่ามีคนทำให้วิถีกระบี่บนโลกนี้สมบูรณ์ขึ้น นั่นหมายความว่าต่อให้ข้ามิอาจเป็นเซียนได้ ภายภาคหน้าก็สามารถทะลวงพันธนาการของระดับมหายานได้อยู่ดี”

ทันใดนั้น ซือถูเจิ้นผิงก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะ

“เป็นไปมิได้ เป็นไปมิได้เด็ดขาด ! ”

“เหตุใดผู้ที่สามารถเสริมวิถีแห่งเต๋าได้จึงปรากฏบนโลกมนุษย์ได้ ! ”

“ต่อให้มีคนเช่นนั้นจริง พวกเจ้าก็ยังต้องการที่จะโค่นล้มโลกมนุษย์อีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เป็นไปมิได้ การกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ขัดต่อสวรรค์นะ ! ”

“……”

ได้ยินเช่นนั้นซือถูเจิ้นผิงก็หัวเราะเสียงดัง “เช่นนั้นข้าขอเตือนพวกเจ้าว่าทางที่ดีอย่าได้ไปจากที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นแม้แต่ตายไปแล้ว ยังมิรู้ว่าตนเองตายเพราะอะไรเป็นแน่ ! ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน