เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 253

สรุปบท ตอนที่ 253 เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

อ่านสรุป ตอนที่ 253 เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง จาก เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 253 เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายแปล เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 253 เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง

“แพ้แล้ว”

หลังจากเงียบอยู่สักพัก เจ้าสำนักต้าหลัวก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“มิเพียงเท่านั้นผู้อาวุโสระดับสูงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวของเราท่านหนึ่ง เนื่องจากเทศน์แพ้ให้กับหลวงจีนเสวียนเต๋อ จนเกิดภาวะจิตใจแตกสลายจนเมื่อครู่นี้เขาก็ได้กระอักเลือดออกมา ในที่สุดก็ได้ละสังขารอยู่ตรงที่นั้น”

นักพรตฉางเสวียนมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเอ่ยถามอย่างมิสบายใจว่า “พี่หลัว ผู้อาวุโสระดับสูงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวท่านนั้น คงมิใช่ผู้อาวุโสชวีใช่หรือไม่ ? ”

“เป็นท่านบรรพจารย์ชวีจริง ๆ ”

หลัวชุนเฟิงถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก “พี่ฉางเสวียน ท่านยังมิได้พบหลวงจีนเสวียนเต๋อผู้นี้”

“คนผู้นี้แม้จะดูอายุยังน้อยและมีใบหน้าเป็นมิตร แต่ต้องยอมรับว่าความแตกฉานในศาสนาพุทธของคนผู้นี้สูงส่งยิ่ง ระหว่างที่เขาและท่านบรรพจารย์ชวีประชันกันนั้น ได้ใช้พุทธธรรมสั่นคลอนจิตแห่งเต๋าของท่านบรรพจารย์ชวี จนสุดท้ายทำให้ท่านบรรพจารย์ชวีใจสลาย”

“อีกทั้งมิว่าจะเป็นเวลาในการบำเพ็ญเพียรหรือว่าตบะบารมี ท่านบรรพจารย์ชวีล้วนถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัว ยากที่ใครจะเทียบเคียงได้ ทว่าบัดนี้กลับแพ้เสียยับเยิน”

หลัวชุนเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างปวดใจ

นักพรตฉางเสวียนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความสับสน

เจ้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเช่นเขา

ย่อมรู้ดีว่าการที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวได้เป็นสำนักเต๋าอันดับหนึ่งแห่งจงหยวน สาเหตุส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผู้อาวุโสระดับสูงท่านนี้

บัดนี้เมื่อผู้อาวุโสระดับสูงท่านนี้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวละสังขารเช่นนี้ เรื่องนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและความเจริญรุ่งเรืองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัว และกลุ่มสำนักบำเพ็ญเพียรแห่งจงหยวนอย่างแน่นอน

และหมายความว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ที่เหลืออีกสี่แห่ง ก็มีโอกาสที่จะขึ้นมาแทนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัว กลายเป็นสำนักเต๋าอันดับหนึ่งแห่งจงหยวนแทนได้

แน่นอนว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนที่ตอนนี้กำลังเจริญรุ่งเรืองราวกับดวงตะวันกลางท้องนภา ย่อมมีความเป็นไปได้มากที่สุด

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น นักพรตฉางเสวียนในเวลานี้กลับดีใจมิออก

การที่หลวงจีนเสวียนเต๋อผู้นั้นสามารถทำให้ผู้อาวุโสระดับสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวพ่ายแพ้จนจิตใจแตกสลาย จนถึงขนาดละสังขารระหว่างการเทศน์ได้

คิดดูก็พอจะรู้แล้วว่าความแตกฉานในพุทธธรรมของคนผู้นี้น่ากลัวเพียงใด !

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ขนาดผู้อาวุโสระดับสูงท่านนี้แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวยังพ่ายแพ้ เช่นนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ที่เหลืออีกสามแห่ง เชื่อว่าก็คงยื้อเอาไว้ได้อีกมินานเท่าไรนัก

ส่วนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

หากมิมีท่านบรรพจารย์เย่ที่เร้นกายอยู่ในเมืองเสี่ยวฉือท่านนั้น เกรงว่าคงจะเลวร้ายกว่าอีกสี่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ก็ว่าได้

อีกทั้งก่อนหน้านี้

ตอนพิธีแต่งตั้งท่านบรรพจารย์เย่ก็ได้สั่งเอาไว้

หากมิอับจนหนทางจริง ๆ อย่าได้ไปรบกวนความสงบของเขาเด็ดขาด

แต่ว่าหากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนมิมีท่านบรรพจารย์เย่ จะมีฐานะเช่นในวันนี้ได้เยี่ยงไรกัน?

หากทำให้ท่านบรรพจารย์เย่โมโหเข้าล่ะก็ เช่นนั้นอนาคตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็เท่ากับตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก

คิดถึงตรงนี้นักพรตฉางเสวียนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

ในตอนนั้นเอง

“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”

เจ้าสำนักต้าหลัวหลัวชุนเฟิงถอนหายใจยาวออกมา “พี่ฉางเสวียน เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของลัทธิเต๋าของเราทั้งหมด ข้าได้แจ้งคนของอีกสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ให้ทราบแล้ว ว่าให้ไปประชุมวางแผนกันที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของพวกท่าน”

สิ้นเสียงยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ลอยอยู่ตรงหน้านักพรตฉางเสวียนก็ค่อย ๆ ดับลง

“ต้องบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของลัทธิเต๋าทั้งหมดจริง ๆ แต่ว่าท่านบรรพจารย์เย่ก็เกี่ยวพันถึงอนาคตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของข้าเช่นกันนะ ! ”

นักพรตฉางเสวียนถึงกับเกาศีรษะตัวเอง พร้อมกับทอดถอนใจออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อนักพรตฉางเสวียนค่อย ๆ ออกมาจากที่ที่เขาเข้าฌาน

ก็พบว่าเจ้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสี่โดยมีหลัวชุนเฟิงเป็นผู้นำ รวมทั้งเจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ต่างก็มารออยู่ที่หน้าประตูอยู่ก่อนแล้ว

“พี่ฉางเสวียน ! ”

“ท่านเจ้าสำนัก ! ”

ทุกคนประสานมือคารวะให้แก่นักพรตฉางเสวียนที่มีท่าทางเคร่งเครียด

อีกอย่างหากเขายอมช่วย ย่อมสามารถทำให้จงหยวนกลายเป็นสระอสนีบาต อันเป็นแดนต้องห้ามของศาสนาพุทธได้

แต่หากเขามิยอมช่วยต่อให้ศาสนาพุทธจะยึดครองจงหยวน เรื่องนี้ก็หาได้เกี่ยวอันใดกับเขาไม่ ?

หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าสำนักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งสี่ก็ลุกขึ้นแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะประสานมือคารวะให้กับนักพรตฉางเสวียน

หลัวชุนเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พี่ฉางเสวียน เยี่ยงไรเสียดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็เป็นสำนักเต๋าสำนักหนึ่ง หากเทศน์แพ้ย่อมกระทบต่ออนาคตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนด้วย ! ”

นักพรตไท่หัวขมวดคิ้วมุ่น “พี่ฉางเสวียน ลัทธิเต๋าของเรารักใคร่กันดั่งพี่น้อง เวลานี้ท่านต้องคิดถึงส่วนรวมนะ ! ”

สวีฉิงเทียนเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียดว่า “พี่เหอ ท่านต้องไตร่ตรองให้ดีนะ ! ”

ตอนนั้นเองนักพรตฉางเสวียนจึงถอนหายใจออกมา พร้อมกับโบกมือไปมา “ทุกท่านอย่าได้ร้อนใจไป เหตุผลที่พวกท่านเอ่ยมานั้น ข้าล้วนเข้าใจดี เพียงแต่…”

เอ่ยถึงตรงนี้

“เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน”

นักพรตฉางเสวียนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ “ช่วงเวลาระหว่างพิธีแต่งตั้งที่ผ่านมากับการเทศน์นั้นใกล้กันเกินไป หากเป็นไปได้ข้าหวังว่าทุกท่านจะคิดหาวิธีเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้อีกสักหน่อย”

“รอจนเมื่อหลวงจีนรูปนั้นมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ข้าค่อยไปเมืองเสี่ยวฉือ ถึงตอนนั้นมิแน่ท่านบรรพจารย์เย่อาจจะยอมออกหน้าก็เป็นได้”

“ถ่วงเวลา ? ”

หลัวชุนเฟิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยออกมา “เสวียนเต๋อผู้นี้มีความแตกฉานในพุทธศาสนาอย่างมาก การเทศน์จึงจบลงอย่างรวดเร็วราวกับลมพัดผ่านไปก็มิปาน แล้วพวกเราจะถ่วงเวลาเอาไว้ได้เยี่ยงไรกัน ? ”

สิ้นเสียง

“บัดซบ ! ”

เจ้าสำนักหยินหยาง ต้วนฉางเต๋อ ที่ก่อนหน้านี้นิ่งเงียบมาตลอดก็แค่นเสียงเย้ยหยันออกมา ก่อนจะเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “พวกท่านวางใจเถอะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ! ”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นต่างก็สบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองต้วนฉางเต๋อที่อยู่ข้าง ๆ

“พี่ต้วน ท่านมีความคิดอะไรดี ๆ งั้นหรือ”

นักพรตไท่หัวขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกว่าเจ้าสำนักหยินหยางผู้นี้มิน่าไว้ใจเอาเสียเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน