ตอนที่ 255 ต่อให้พระธรรมของเจ้าจะล้ำลึก แต่พลังเวทย์ของข้านั้นหาที่เปรียบมิได้
‘เหอฉางเสวียน ? ’
เย่ฉางชิงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก ก่อนที่ใบหน้าจะเผยรอยยิ้มยินดีขึ้นมาในทันที
ก่อนหน้านี้เขากำลังคิดอยู่ว่าจะหาข้ออ้างอะไร เพื่อไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนดี
แต่ว่าสิ่งที่เขาคาดมิถึงก็คือ เจ้าสำนักไท่เสวียนผู้นี้กลับเป็นฝ่ายมาหาเขาเสียเอง
“ท่านเหอ มาหาข้างั้นหรือ”
เมื่อเปิดประตู
ใบหน้าของเย่ฉางชิงยังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มสุภาพอ่อนโยน ขณะเอ่ยกับนักพรตฉางเสวียน
“ศิษย์เหอฉางเสวียนคาราวะท่านเย่ขอรับ”
นักพรตฉางเสวียนโค้งคำนับ พลางเอ่ยกับเย่ฉางชิงอย่างนอบน้อม
“เข้ามาคุยกันข้างในเถอะ”
เย่ฉางชิงชำเลืองมองนักพรตฉางเสวียนเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวมายังหน้าโต๊ะชา
นักพรตฉางเสวียนเดินตามหลังเย่ฉางชิงเข้ามา จากนั้นก็นั่งลงอย่างระมัดระวัง หลังจากเย่ฉางชิงส่งสัญญาณให้
ทว่าในขณะที่เขาเดินผ่านโต๊ะยาวและบังเอิญเหลือบไปเห็นภาพอักษรพู่กันบนโต๊ะภาพนั้น ร่างกายของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
‘มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ท่านบรรพจารย์เย่ จึงกำชับมิให้ผู้ใดมารบกวนความสงบของเขา’
‘เวลาสั้น ๆ เพียงมิกี่เดือน’
‘แค่อักษรพู่กันภาพนี้ก็เพียงพอที่จะอธิบายคำถามมากมายได้แล้ว’
‘เจตนาแท้จริงของกระบี่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น’
‘ระหว่างตัวอักษรแฝงไว้ซึ่งไอกระบี่มากมาย’
‘เจตจำนงแห่งกระบี่รุนแรงราวกับแม่น้ำที่ซัดสาด’
‘น่ากลัว ! ’
‘ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว ! ’
‘อักษรพู่กันเช่นนี้เพียงแค่เหลือบมองแวบเดียว ก็ทำให้คนตื่นตระหนกและหวาดหวั่นขึ้นมาได้แล้ว’
‘คาดมิถึงว่าระดับท่านบรรพจารย์เย่จะสามารถบรรลุได้ง่ายดายเพียงนี้ ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ ! ’
ระหว่างที่นักพรตฉางเสวียนกำลังคร่ำครวญอยู่ภายในใจนั้น
เย่ฉางชิงก็ได้รินชาถ้วยหนึ่ง วางไว้ตรงหน้าของนักพรตฉางเสวียนพลางถามขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ ว่า
“ท่านเหอ มาวันนี้มีเรื่องอันใดงั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนจึงได้สติขึ้นมาอีกครั้ง
เขาลอบชำเลืองมองสีหน้าของท่านบรรพจารย์เย่ก่อน จากนั้นก็ได้เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าขอเรียนท่านเย่ตามตรง ที่ศิษย์มาในครั้งนี้เพราะมีเรื่องจะขอร้องจริง ๆ ขอรับ”
เย่ฉางชิงร้องอ้อเบา ๆ พร้อมเอ่ยต่อว่า “พูดมาเถอะ”
นักพรตฉางเสวียนพยักหน้า ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยออกมา “คิดว่าท่านเย่คงจะทราบอยู่แล้ว ว่าลัทธิเต๋าและศาสนาพุทธมีหลักคำสอนที่ต่างกัน เช่นนั้นทั้งสองจึงมิอาจอยู่ร่วมกันได้”
‘ศาสนาพุทธ ? ’
เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย
ตั้งแต่มายังโลกเซียนแห่งนี้จนถึงบัดนี้
เนื่องจากมิเคยได้ยินข่าวลือใด ๆ เกี่ยวกับศาสนาพุทธเลย และมิเคยเห็นคัมภีร์ใด ๆ ขอศาสนาพุทธ ทำให้เขาคิดว่าโลกเซียนแห่งนี้มิมีศาสนาพุทธเสียด้วยซ้ำไป
แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าสายตาของเขาคงจะตื้นเขินเกินไปหน่อย
เพราะในโลกที่เขาจากมานั้น เขาเคยอ่านคัมภีร์ของศาสนาพุทธมามากมาย
แน่นอนว่าลัทธิเต๋าและศาสนาพุทธนั้นมีหลักคำสอนที่ต่างกัน ในประวัติศาสตร์ของโลกนั้น จึงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพุทธศาสนากับลัทธิเต๋าอยู่มากมาย
อีกทั้งเพราะก่อนหน้านี้ไร้รากวิญญาณ
ตอนนั้นเขาเองก็เคยคิดเอาไว้เหมือนกัน
ลัทธิเต๋าบำเพ็ญเพียรต้องใช้รากวิญญาณ แต่ว่าบางทีการบำเพ็ญเพียรของศาสนาพุทธอาจจะมิเหมือนกัน และอาจจะยอมรับเขาก็เป็นได้
แต่การที่วันนี้นักพรตฉางเสวียนเป็นคนเอ่ยถึงเรื่องศาสนาพุทธกับเขาก่อน หรือว่าต้องการที่จะเชิญเขาไปเทศน์อะไรเยี่ยงนั้นหรือ ?
หลังจากนิ่งอยู่สักพักเย่ฉางชิงก็พยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงลองถามหยั่งเชิงว่า “ท่านเหอ หรือว่ามีหลวงจีนในพุทธศาสนาต้องการที่จะมาเทศนาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ห๊ะ ! ”
นักพรตฉางเสวียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบหัวเราะออกมา “ท่านเย่ช่างมีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก ตอนนี้มีหลวงจีนในพุทธศาสนามาเทศนาจริง ๆ เช่นนั้นที่ศิษย์มาวันนี้ก็เพื่อต้องการที่จะเชิญท่านไปเทศนาประชันกับหลวงจีนผู้นั้น ที่เขาไท่เสวียนขอรับ”
เย่ฉางชิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เขาที่อ่านคัมภีร์ของศาสนาพุทธและลัทธิเต๋ามามากมาย ย่อมเข้าใจสาระสำคัญของความแตกต่างระหว่างศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน