เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 256

ตอนที่ 256 ภาพเทพของผู้อาวุโสเย่

หลังจากที่เสวียนเต๋อและพระสงฆ์สามร้อยรูปทะยานจากไปแล้ว

ต้วนฉางเต๋อที่คอยสังเกตการณ์อยู่ที่ตำหนักหยินหยาง ก็รีบพุ่งตัวออกจากตำหนักและเปิดค่ายกลห้วงเวลาลง เพื่อไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนโดยทันที

มินาน

ณ ตำหนักไท่เสวียน บนเขาไท่เสวียน

ทันทีที่ต้วนฉางเต๋อปรากฎตัว พวกนักพรตฉางเสวียนต่างลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที

“พี่ต้วน พวกหลวงจีนเสวียนเต๋อเล่า”

สวีฉิงเทียนขมวดคิ้วแน่นพลางถามต้วนฉางเต๋อที่เดินยิ้มร่าเข้ามา

ต้วนฉางเต๋อกวาดตามองทุกคน ก่อนจะโบกมือให้ยิ้ม ๆ “ทุกท่านอย่าได้ร้อนใจไป พวกเขายังอยู่ระหว่างทางมาที่นี่”

นักพรตไท่หัวขมวดคิ้วเบา ๆ พลางเอ่ยอย่างกังวลออกมา “พี่ต้วน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยางของพวกท่านถ่วงเวลาเอาไว้นานเพียงนี้ พวกเขามิสงสัยเลยงั้นหรือ ? ”

“พี่ไท่หัว ท่านวางใจเถอะ”

ต้วนฉางเต๋อเอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ “ก่อนที่เจ้าโล้นพวกนั้นจะมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยางของข้า ข้าได้วางค่ายกลที่เขาด้านหลังเอาไว้ หลายวันมานี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หยินหยางของข้าจึงมีภาพมายามากมายปกคลุมเอาไว้ และยังบอกพวกเขาไปด้วยว่าผู้อาวุโสระดับสูงที่จะเข้าร่วมการเทศน์นั้นกำลังเข้าฌานอยู่ พวกเขาย่อมเชื่ออย่างมิสงสัยใด ๆ ”

นักพรตไท่หัวผงะไปเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”

ทุกคนสบตากันทันที ก่อนจะทำได้เพียงส่ายหน้ายิ้ม ๆ

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าแห่งจงหยวน เกรงว่าคงมีเพียงเจ้าสำนักหยินหยางคนปัจจุบันเท่านั้นที่คิดวิธีการเช่นนี้ได้

“ทุกท่าน คิดว่าทุกท่านคงทราบดีว่า เจ้าโล้นเหล่านี้เรียกได้ว่าหยิ่งผยองเป็นอย่างมาก”

ดวงตาต้วนฉางเต๋อมีประกายบางอย่างแวบผ่าน พลางถามออกมาอย่างมีเลศนัย “เช่นนั้นก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ ข้าจึงได้เอ่ยประโยคข่มขวัญพวกเขาเอาไว้ด้วย พวกท่านลองทายดูสิว่าข้าพูดว่าอะไร ? ”

ทุกคน “……”

ต้วนฉางเต๋อกวาดตามองทุกคน พร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา “ข้าบอกพวกเขาว่า ผู้อาวุโสเย่ได้กล่าวไว้ว่า ต่อให้พระธรรมของเจ้าจะลึกล้ำ แต่พลังปราณของข้านั้นหาที่เปรียบมิได้”

“ห๊า ? ”

เมื่อทุกคนได้ยินนั้นเช่นนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะยิ้มให้กัน

แม้ว่าคำพูดของเจ้าสำนักหยินหยางท่านนี้จะดูโอ้อวดเกินไปสักหน่อย แต่ต้องยอมรับว่าตอนนี้มิมีใครเป็นคู่ต่อกรของผู้อาวุโสเย่ได้จริง ๆ

เช่นนั้นหลังจากพิจารณาโดยละเอียดแล้ว คำกล่าวนี้ของต้วนฉางเต๋อจึงมินับว่าโอ้อวดเกินจริงแต่อย่างใด

“ตอนที่เอ่ยประโยคนี้ออกไป ข้ายังรู้สึกนับถือความฉลาดของตัวเองอยู่นิด ๆ ด้วยซ้ำ”

ต้วนฉางเต๋อคุยโวต่อ “แต่ว่าพวกเจ้าต้องมิเชื่อแน่ ๆ ตอนที่ข้าเอ่ยประโยคนี้ออกไป เสวียนเต๋อและพระสงฆ์อีกสามร้อยรูป ต่างก็หน้าเสียไปตาม ๆ กัน”

ทุกคนชะงักไปทันที ก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ

ขณะเดียวกัน ณ ยอดเขาสตรีหยกอันเป็นที่พำนักของผู้สืบทอดหญิง ลู่อู๋ซวง

หลังจากนำลูกแก้วผลึกทดสอบรากวิญญาณหนึ่งลูก ไปมอบให้แก่เย่ฉางชิงที่ตำหนักกลางแล้ว

ลู่อู๋ซวงก็รีบถอยออกมาเฝ้าด้านนอก ตามคำสั่งของท่านบรรพจารย์เย่ทันที

‘จู่ ๆ ท่านบรรพจารย์เย่จะเอาลูกแก้วผลึกไปทำอะไรกัน หรือว่าเขาต้องการจะทดสอบรากวิญญาณของใครบางคน ? ’

‘แต่ก็มิน่าใช่ ด้วยตบะบารมีของเขาเพียงแค่ตั้งจิตเพ่งดู ก็สามารถรู้คุณภาพรากวิญญาณได้แล้วนี่นา’

‘จริงด้วย ลูกแก้วผลึกนั้นทำมาจากหินรากวิญญาณที่หายากอย่างมาก มิแน่ว่าเขาอาจเพียงต้องการไอจากรากวิญญาณภายในลูกแก้วผลึกก็เท่านั้น’

‘อืม’

‘คงต้องเป็นเช่นนั้น ! ’

คิดถึงตรงนี้นิ้วเรียวยาวของลู่อู๋ซวงก็ค่อย ๆ คลายออก พร้อมยกยิ้มหวาน

แม้จะมิค่อยเข้าใจ แต่ในสายตาของนางยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานเช่นท่านบรรพจารย์เย่ มิว่าจะทำสิ่งใดล้วนมีเหตุผลของเขาทั้งสิ้น

และเมื่อท่านบรรพจารย์เย่ท่านนี้เลือกยอดเขาสตรีหยกแทนยอดเขาฉางหมิง เรื่องนี้ก็ถือเป็นการอธิบายบางอย่างได้ด้วยเช่นกัน

เวลานี้

ภายในตำหนักกลาง

เย่ฉางชิงมองลูกแก้วผลึกในมือนิ่ง ๆ

ก่อนหน้านี้เขาบังเอิญอ่านเจอประโยชน์ของลูกแก้วผลึกที่ชั้นหนึ่งของหอเก็บตำรามาบ้าง

ตำราบอกเอาไว้ว่า

ผู้ที่มิเคยบำเพ็ญเพียรมาก่อน ตอนทดสอบรากวิญญาณจำเป็นจะต้องให้คนข้าง ๆ ถ่ายทอดพลังวิญญาณให้เสียก่อน จึงจะสามารถทดสอบคุณภาพของรากวิญญาณได้

ส่วนเขาแม้ตอนนี้จะมีตบะบารมีต่ำต้อย แต่เยี่ยงไรเสียก็ถือว่ามีตบะบารมีระดับรวมชีพจรแล้ว ภายในร่างกายอย่างน้อยก็ยังมีพลังวิญญาณสะสมอยู่บ้าง

เช่นนั้นจึงมิจำเป็นต้องอาศัยพลังจากภายนอก ตัวเขาจึงสามารถทดสอบรากวิญญาณเองได้เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน