ตอนที่ 279 แคว้นของพวกเจ้าสมควรล่มสลายไปซะ !
หลังจากแสงทองที่สงบเยือกเย็นเข้าสู่ศีรษะของเขา และขจัดไอดำที่อยู่บนกายไปหมดแล้ว
ในขณะนั้นซีเหมินเหลยหู่ย่อมรู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
อีกทั้งเวลาที่สาส์นฉบับนั้นของจักรพรรดิไร้ราตรีได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
พร้อมกับมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น
เช่นนี้จึงตีความได้ว่ากรรมที่มาแปดเปื้อนเขาก่อนหน้านี้ มาจากสาส์นฉบับนี้ของจักรพรรดิไร้ราตรีนั่นเอง
นอกจากนี้สาส์นฉบับนี้ยังมาจากบรรพบุรุษแคว้นกู่เฉิน เฉินฉีหลู่
หากไตร่ตรองดูดี ๆ ก็จะรู้ได้ว่ากรรมนี้แท้จริงแล้ว เกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ !
คิดแล้วซีเหมินเหลยหู่ก็คำรามออกมาด้วยความโมโห “เฉินฉีหลู่ แคว้นกู่เฉิน กล้ามอบสานส์นที่แฝงไว้ด้วยกรรมอันหนักหนาถึงเพียงนี้ให้ข้า”
“เดิมข้าคิดจะรับสาส์นฉบับนี้ แล้วหยุดสงครามในครานี้เพื่อแคว้นกู่เฉินของพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับต้องการทำร้ายข้า คิดว่าข้าจะยอมถูกรังแกง่าย ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ! ”
ทันทีที่สิ้นเสียง
ภาพอันแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หมอกสีเลือดที่ดำคล้ำและแปลกประหลาดบนสาส์นฉบับนั้นก็พลุ่งพล่านออกมามิหยุด
เวลาผ่านไปมิกี่อึดใจ
ภายในหมอกเลือดที่เข้มข้นและชั่วร้ายก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งขึ้นมาลาง ๆ
เงาร่างนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เพียงแค่ไอพลังที่แผ่ออกมารอบกายก็ทำให้รอบ ๆ เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมิหยุด
ขณะเดียวกันสัญลักษณ์สีเลือดอันน่าสะพรึงกลัวก็กระพริบขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเปล่งแสงอันน่ากลัวออกมา
“หึ เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับกล้าตัดพลังกรรมนี้เชียวหรือ”
เสียงแหบแห้งและน่ากลัวค่อย ๆ ดังขึ้น
พร้อมกับแผ่พลังปราณที่ชวนให้ขนลุกขนพองสยองเกล้าบางอย่างออกมาด้วย
ทว่าในตอนนั้นเองจู่ ๆ ร่างทองที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องบนกลับเปล่งแสงอันเจิดจ้าและทรงพลังออกมา มีคลื่นแสงมากมายสาดส่องออกมามิหยุด สัญลักษณ์โบราณโปรยปรายลงมาราวกับฝนดาวตกก็มิปาน
ขณะเดียวกันไอพลังมหาศาลที่สงบเยือกเย็นก็ปกคลุมไปทั่วอารามแห่งนี้ รวมทั้งเขาตะวันออกเอาไว้ภายในพริบตา
อีกทั้งยังแผ่ขยายออกไปอย่างมิสิ้นสุด
ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกราวกับร่างทองมีชีวิตขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น และพยายามจะสังหารร่างในหมอกสีเลือดนั้นด้วยตัวเอง
ทว่ายังมิทันที่ร่างทองจะตื่นขึ้นมา
ร่างเงาอันน่ากลัวที่ออกมาจากสาส์นฉบับนั้น เหมือนกับจะรับไอพลังที่สงบเยือกเย็นและปกคลุมฟ้าดินเอาไว้มิไหว จึงเริ่มสั่นเทาขึ้นมา
“แม้ข้าจะมิรู่ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ แต่สักวันพวกเราคงจะได้พบกันอีกคราแน่”
“ถึงตอนนั้นข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ ในสิ่งที่เจ้าทำลงไปในวันนี้อย่างแสนสาหัส…”
เสียงแหบแห้งและน่ากลัวยังเอ่ยมิทันจบประโยค
“เปรี๊ยง ! ”
สายฟ้าทำลายล้างสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะฟาดฟันลงบนร่างสีเลือดในวินาทีต่อมา
ทันทีที่ได้เห็นภาพตรงหน้า ซีเหมินเหลยหู่เหมือนสัมผัสได้ถึงไอพลังต้องห้ามบางอย่าง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยพลันตื่นตระหนกขึ้นมา
ต้องยอมรับว่าร่างลึกลับนั้น ทำให้ข้าหวาดหวั่นมิน้อยจริง ๆ
ทว่าเมื่อเทียบกับไอพลังของสายฟ้าทำลายล้างสายนั้นแล้ว ความหวาดกลัวที่มีต่อร่างลึกลับนั่นถือว่าเทียบมิติดเลยก็ว่าได้
เพราะเขาเคยบั่นทอนตบะบารมีของตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง ย่อมรู้ดีว่าไอพลังนี้แท้จริงแล้วหมายถึงสิ่งใด
‘ใช่แล้ว ! ’
‘ไอพลังนี้ราวกับอสนีบาตพิฆาต ที่ฟาดลงมาตอนทดสอบเพื่อเป็นเซียนมิมีผิด’
‘มิใช่ ! ’
‘มันเป็นคือไอพลังเดียวกันต่างหาก ! ’
‘เช่นนี้ผู้อาวุโสเย่ที่เร้นกาย ณ เมืองเสี่ยวฉือก็ยิ่งลึกลับขึ้นเรื่อย ๆ ’
‘สามารถขจัดหายนะได้โดยง่าย’
‘อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เช่นนี้ ! ’
‘ความประสงค์เช่นนี้ ! ’
‘ต่อให้อยู่บนสวรรค์ ย่อมจะต้องเก่งกาจกว่าผู้อื่นอย่างแน่นอน ! ’
‘เมื่อครู่ตอนที่ผู้อาวุโสเย่และจักรพรรดิไร้ราตรีผู้ชั่วร้ายเผชิญหน้ากัน ทว่ากลับมีแค่จักรพรรดิไร้ราตรีผู้นั้นที่พูดออกมาอยู่ฝ่ายเดียวราวกับคนบ้า’
‘ผู้อาวุโสเย่แม้มิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา ทว่าเพียงสายฟ้าพิฆาตรุนแรงนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้จักรพรรดิไร้ราตรีหุบปากลงได้แล้ว’
‘กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือผู้อาวุโสเย่นั้นรังเกียจที่จะสนทนากับคนเช่นจักรพรรดิไร้ราตรีก็ว่าได้’
‘อำนาจเช่นนี้ ! ’
‘เห็นได้ชัดว่าตบะบารมีของผู้อาวุโสเย่อยู่เหนือกว่าจักรพรรดิไร้ราตรีผู้นี้มากเพียงใด’
‘ส่วนผู้ที่เรียกตัวเองว่าจักรพรรดิไร้ราตรี คาดว่าคงมิได้เก่งกาจกว่าข้า ซีเหมินเหลยหู่ และพวกเยี่ยนเทียนซานมากนัก’
‘ยิ่งในสายตาของผู้อาวุโสเย่แล้ว ก็คงจะอ่อนแอมิต่างอันใดกับมดปลวก’
‘อืม ! ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน