ตอนที่ 280 ที่แท้ข้าก็คือ…
สิ้นเสียง ไอสังหารบนกายของซีเหมินเหลยหู่ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว จากนั้นก็แตะลงไปกลางอากาศ
ทันใดนั้นเบื้องหน้าของเขา ก็มีแสงอันเจิดจ้าจนตาพร่ามัวส่องออกมา
วินาทีต่อมา ช่องว่างระหว่างซีเหมินเหลยหู่และเฉินฉีหลู่ก็เกิดบิดเบี้ยว ก่อนจะพังทลายลง
ขณะที่แสงสายนั้นห่างจากเฉินฉีหลู่เพียงครึ่งเชียะ พลังฟ้าดินมหาศาลพุ่งพล่านขึ้นตรงหน้าของเฉินฉีหลู่
“ปัง ! ”
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังกึกก้องขึ้น
ด้านหลังของเฉินฉีหลู่พลันเกิดหมอกโลหิตกลุ่มใหญ่พุ่งออกมา
จากนั้นเขาก็ร่วงลงมาด้านล่างราวกับว่าวที่สายป่านหลุดลอย
แม้จะเป็นเช่นนั้นซีเหมินเหลยหู่ก็ยังมิมีทีท่าว่าจะยั้งมือ
มือทั้งสองข้างของเขาทำท่ามุทรา พลังเวทย์รอบกายปะทุขึ้น สัญลักษณ์โบราณปรากฏขึ้นอีกครั้ง พลังฟ้าดินอันปั่นป่วนปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น
“สังหาร ! ”
เพียงพริบตาวินาทีที่ซีเหมินเหลยหู่ประสานตราประทับ และคำรามออกมา
ในตอนนั้นเองพลังฟ้าดินมหาศาลก็พวยพุ่งออกมา ปราณวิญญาณฟ้าดินแปรปรวนและคลุ้มคลั่งสุดจะต้านทาน
มินานตราประทับอันแข็งแกร่งดุจภูผา ที่ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังปราณทำลายล้าง ก็พุ่งลงไปทางวังหลวงทันที
ทว่าในตอนนั้นเอง ซีเหมินเหลยหู่ที่มีใบหน้าเย็นชาก็แค่นเสียงเย็นออกมา ก่อนที่จะแปลงเป็นลำแสงสายหนึ่ง พุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
………………………..
อีกด้านหนึ่ง
หลังได้รับหินหุนหยวนหนึ่งล้านก้อนมา
เย่ฉางชิงก็กลับมาบำเพ็ญเพียรอย่างไม่กินไม่นอนอีกครั้ง
แม้จนถึงบัดนี้เขาจะยังมิรู้ว่ารากวิญญาณของตนนั้นแท้จริงแล้วมีคุณสมบัติเช่นไร
อีกทั้งความก้าวหน้าในการบำเพ็ญเพียรจะยังมิพัฒนาขึ้นมากนัก
แต่เขาเข้าใจเหตุผลข้อหนึ่งเป็นอย่างดี
ขอเพียงพยายามมากพอ ก็สามารถฝนทั่งให้กลายเป็นเข็มได้ !
ที่สำคัญที่สุดก็คือ
เขาเองก็มิได้คาดหวังอะไรมากนัก
ขอเพียงหลังจากกลั่นหินหุนหยวนหนึ่งล้านก้อนนี้หมด
ตบะบารมีของตนสามารถเลื่อนขึ้นถึงแดนก่อกำเนิดได้ เท่านี้ก็รับประกันได้แล้วว่าเขาจะสามารถเดินทางไปทั่วดินแดนจงหยวนได้อย่างราบรื่น
เพียงเท่านี้เขาก็พอใจมากแล้ว
ส่วนระดับที่สูงขึ้นไปกว่าแดนก่อกำเนิดนั้น หรือการจะบรรลุเป็นเซียนเช่นในตำนานได้
เขามิได้ร้องขอมากมายถึงเพียงนั้น และมิเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเสียด้วยซ้ำ
ทว่าจนเวลาผ่านไปได้สองเดือน
เย่ฉางชิงก็กลั่นหินหุนหยวนไปแล้วเกือบหมื่นก้อนโดยมิรู้ตัว
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดก็คือ
แม้ความเร็วในการกลั่นหินหุนหยวนจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ตบะบารมีกลับมิได้มีความก้าวหน้าใด ๆ จากระดับรวมชีพจรเลยแม้แต่น้อย
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ’
‘ต่อให้ข้ากลั่นหินหุนหยวนทั้งหนึ่งล้านก้อนจนหมดแล้ว เกรงว่าตบะบารมีก็คงยังมิถึงแดนสร้างแก่น หรือแม้แต่ระดับสร้างรากฐานปราณกระมัง ? ’
‘อย่ากลั่นแกล้งข้าเช่นนี้เลยนะ!’
วันนี้ท้องฟ้าสว่างสดใส มีลมพัดมาอ่อน ๆ ในระหว่างที่เย่ฉางชิงเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าหดหู่ และจำต้องใช้การวาดภาพเป็นการระบายความทุกข์ภายในใจอยู่นั้น
จู่ ๆ ก็มีร่างเล็ก ๆ หลายร่างขี่กระบี่มา ก่อนจะพุ่งลงไปตามที่ต่าง ๆ ของเมืองเสี่ยวฉือ ทว่าจากนั้นก็มิมีสิ่งใด ๆ เกิดขึ้น
หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม
ประตูเรือนของเย่ฉางชิงก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
“ท่านเย่อยู่หรือไม่ ? ”
“ท่านเย่ ข้าหมาน้อย ข้านำไข่ไก่มาให้ขอรับ”
“ท่านเย่ ข้าหมารอง พวกเราลงจากเขามาเยี่ยมท่านแล้วขอรับ”
“……”
เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นพลันชะงักพู่กันในมือค้างไว้ ก่อนจะอึ้งไปเล็กน้อย
พวกหลี่หมาน้อยแม้จะผ่านการทดสอบของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน และได้บำเพ็ญเพียรอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน