เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 290

สรุปบท ตอนที่ 290 ค่ายกลถูกทำลาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 290 ค่ายกลถูกทำลาย – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนนี้ของ เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายแปลทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 290 ค่ายกลถูกทำลาย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่​ 290 ค่าย​กล​ถูก​ทำลาย​

“ปัง​ ! ”

เสียงดัง​สนั่นหวั่นไหว​เสียง​หนึ่ง​จู่ ๆ ก็​ดัง​ขึ้น​กลางอากาศ​

จากนั้น​กำแพงเมือง​หมื่น​ลี้​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​ทุกคน​พลัน​สั่นสะเทือน​ขึ้น​มา ก่อนที่​บน​ศีรษะ​ของ​พวกเขา​จะปรากฏ​หอก​ด้าม​หนึ่ง​ขึ้น​

เป็น​หอก​ที่​ทั้ง​ด้าม​มีสีดำ​มันปลาบ​ มีหมอก​ขาว​ราวกับ​หิมะ​ลอย​วน​ ทั้ง​ยัง​แผ่​กลิ่นไอ​โบราณ​ออกมา​อีกด้วย​

มินาน​ผู้​แข็งแกร่ง​ทั้งหลาย​ที่อยู่​ใน​ที่​นั้น​ก็​นึก​ขึ้น​มาได้​ว่า​ หอก​ด้าม​นี้​จะต้อง​ตี​ขึ้น​มาจาก​เหล็ก​อุกกาบาต​เหมันต์​ใน​ตำนาน​เป็นแน่​

ส่วน​ไอ​พลัง​ที่​แผ่ออก​มาจาก​ตัว​หอก​สามารถ​บ่งบอก​ได้​ว่า​ หอก​ด้าม​นี้​จะต้อง​เป็น​อาวุธ​เทพ​จำแลง​ใน​ตำนาน​อย่าง​แน่นอน​

และ​ที่​สำคัญ​ก็​คือ​

หอก​ด้าม​นี้​มีอยู่​จริง ๆ​ หา​ใช่เพียง​ภาพลวงตา​ไม่

วินาที​ต่อมา​ ขณะที่​ทุกคน​กำลัง​ตื่นตระหนก​อยู่​นั้น​

หอก​ด้าม​นี้​ก็​เริ่ม​สั่น​น้อย​ ๆ รอบกาย​พลัน​ปรากฏ​สัญลักษณ์​โบราณ​มากมาย​ขึ้น​

ขณะเดียวกัน​ ไอ​สังหาร​อัน​น่าสะพรึงกลัว​กลุ่ม​หนึ่ง​ก็​แผ่​ออกมา​

เพียง​พริบตา​ หอก​ด้าม​นี้​ก็​จำแลง​เป็น​ลำแสง​สาย​หนึ่ง​

เกิด​รอยแยก​ยาว​นับ​ร้อย​จั้งขึ้น​กลางอากาศ​ ก่อนที่​มวล​พลัง​อมตะ​จำนวน​มหาศาล​จะพุ่ง​เข้าไป​สังหาร​ตู๋​กู​ชิงเฟิง

ตอนนั้น​เอง​ ใน​วินาที​ที่​หอก​พุ่ง​ออก​ไป​

ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​ทุกคน​ก็​เกิด​สั่นสะเทือน​ขึ้น​มาอย่าง​รุนแรง​อีกครั้ง​

เพียง​พริบตา​บน​ศีรษะ​ของ​พวกเขา​ก็​ปรากฏ​กระบี่​กระดูก​ขาว​เล่ม​หนึ่ง​ขึ้น​กลางอากาศ​

ตัว​กระบี่​เป็น​สีขาว​เงางามไร้​ซึ่งตำหนิ​ใด​ ๆ แต่กลับ​แผ่​ไอ​พลัง​รุนแรง​จน​ผู้คน​รู้สึก​อกสั่นขวัญแขวน​

นอกจากนั้น​ยังมี​อาวุธ​โบราณ​ที่​มีลักษณะ​แตก​ต่างกัน​ไป​อีก​กว่า​ห้า​ชิ้น​ปรากฏ​ขึ้น​อีกด้วย​

แต่​สิ่งที่​น่า​เหลือเชื่อ​ที่สุด​ก็​คือ​ อาวุธ​โบราณ​ทั้ง​ห้า​ชิ้น​นี้​ ล้วนแต่​เป็น​อาวุธ​เทพ​จำแลง​ใน​ตำนาน​ทั้งสิ้น​

ขณะเดียวกัน​ ตู๋​กู​ชิงเฟิงที่​ยืน​อยู่​กลางอากาศ​เมื่อ​เห็น​หอก​ด้าม​นั้น​ปรากฏ​ขึ้น​ นาง​จึงสะบัด​แขน​เสื้อ​หนึ่ง​ครั้ง​ ก่อนที่​พิณ​โบราณ​ตัว​หนึ่ง​จะปรากฏ​ขึ้น​เบื้องหน้า​ของ​นาง​

“หอก​วิหค​บริสุทธิ์​ ! ”

“ตอนนั้น​นาย​ของ​เจ้ายัง​พ่ายแพ้​ให้​แก่​ข้า​ แล้ว​ลำพัง​ตัว​เจ้าคิด​ว่า​จะสู้ข้า​ได้​เยี่ยง​นั้น​หรือ​?”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงเอ่ย​ขึ้น​พร้อมกับ​แค่น​หัวเราะ​เสียง​เย็น​ออกมา​

ยัง​มิทัน​สิ้น​เสียง​ ขณะที่​หอก​วิหค​บริสุทธิ์​อยู่​ห่าง​จาก​ตู๋​กู​ชิงเฟิงเพียง​มิกี่​จั้ง

ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็ได้​ยื่น​นิ้ว​อัน​เรียว​ยาว​ออกมา​ พร้อมกับ​ดึง​สาย​พิณ​ขึ้น​เบา​ ๆ

“แต๊ง​ ! ”

หลังจาก​เสียง​พิณ​อัน​ดุดัน​เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​

พิณ​โบราณ​ที่​ลอย​อยู่​เบื้องหน้า​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​เปล่งแสง​สว่างไสว​ออกมา​

จากนั้น​ก็​มีคลื่น​พลัง​อัน​รุนแรง​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​ออก​ไป​

ชั่ว​วินาที​นั้น​ ทุกที่​ที่​คลื่น​พลัง​อัน​รุนแรง​พาด​ผ่าน​ บริเวณ​นั้น​จะถูก​แยก​ออก​จน​เป็น​ทาง​ยาว​

ทว่า​ใน​วินาที​ที่​คลื่น​พลัง​นั้น​ปะทะ​กับ​หอก​วิหค​บริสุทธิ์​

เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​ยืน​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ พลัน​รู้สึก​ราวกับ​ถูก​อัสนี​บาตร​ฟาดฟัน​ ทว่า​กลับ​แข็ง​ค้าง​อยู่​อย่างนั้น​

วินาที​ที่​คลื่น​พลัง​ปะทะ​กับ​หอก​วิหค​บริสุทธิ์​ กลับ​มิมีเสียง​ใด​ ๆ เกิด​ดัง​ขึ้น​มา

ทว่า​หอก​วิหค​บริสุทธิ์​กลับ​ถูก​คลื่น​พลัง​นั้น​ตัดออก​เป็น​สอง​ท่อน​ จากนั้น​ก็​กลายเป็น​ผุยผง​ลง​ใน​พริบตา​

แค่​คิด​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​เหตุการณ์​นี้​ จะสร้าง​ความสะเทือนใจ​ให้​แก่​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ของ​ลัทธิ​เต๋า​มาก​เพียงใด​

เพราะ​สิ่งนี้​ถือเป็น​อาวุธ​เทพ​จำแลง​ใน​ตำนาน​

ทว่า​สุดท้าย​กลับ​ถูก​ทำลาย​ลง​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ อีก​ทั้ง​ยัง​มิอาจ​ใช้ข่มขวัญ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​ได้​แม้แต่น้อย​

หลังจาก​หอก​วิหค​บริสุทธิ์​ถูก​ทำลาย​ลง​

จักรพรรดิ​มาร​ตน​นั้น​ก็ได้​ดีด​พิณ​ขึ้น​อีกครั้ง​ และ​อาวุธ​เทพ​จำแลง​ชิ้น​อื่น​ ๆ ก็​ค่อย ๆ​ ถูก​ทำลาย​ลง​ด้วย​เช่นกัน​

ขณะที่​มวล​พลัง​จาก​ทั้งสองฝ่าย​เข้า​ปะทะ​กัน​ กลับ​เงียบกริบ​ไร้​ซึ่งเสียง​ใด​ ๆ

ทว่า​อาวุธ​เทพ​จำแลง​ชิ้น​อื่น​ ๆ ก็​ยัง​ถูก​ตัดออก​เป็น​สอง​ส่วน​ ก่อน​จะกลายเป็น​ผุยผง​ในที่สุด​

แต่​สิ่งที่​ทำให้​รู้สึก​อกสั่นขวัญแขวน​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​

หลังจาก​อาวุธ​เทพ​จำแลง​ทั้ง​ห้า​ชิ้น​ถูก​ทำลาย​ลง​แล้ว​ ตู๋​กู​ชิงเฟิงกลับ​ยังคง​มิมีที​ท่าจะ​หยุด​ดีด​พิณ​แต่อย่างใด​

“ใน​เมื่อ​พวก​เจ้าใสซื่อ​ถึงเพียงนี้​ วันนี้​ข้า​จะทำลาย​ค่าย​กล​สังหาร​และ​ค่าย​กล​ทั้งหมด​ของ​ที่นี่​ลง​ซะ”

ตู๋​กู​ชิงเฟิงแค่น​หัวเราะ​เสียง​เย็น​ ก่อน​จะดีด​พิณ​ต่อ​อีกครั้ง​

“แต๊งแต๊ง…​ แต๊งแต๊งแต๊ง​ ! ”

สิ้น​เสียง​ตู๋​กู​ชิงเฟิงก็​ก้าว​ออกมา​หนึ่ง​ก้าว​ ก่อนที่​ร่าง​ทั้ง​ร่าง​จะค่อย ๆ​ เลือนราง​หาย​ไป​ในทันที​ ราวกับ​ภูติผีปีศาจ​

อึดใจ​ต่อมา​

หลังจากที่​ตู๋​กู​ชิงเฟิงจากไป​แล้ว​ ที่​แห่ง​นี่​ก็​กลับมา​เงียบสงบ​อีกครั้ง​

ทันใดนั้น​ลมหนาว​ที่​พัด​มาจาก​ทางเหนือ​ ก็​ทะลุ​ผ่าน​กำแพงเมือง​ที่​เต็มไปด้วย​รอยแตก​ก่อน​จะโหมกระหน่ำ​เข้าใส่​ดินแดน​จงหยวน​อย่าง​บ้าคลั่ง​

ทว่า​เวลานี้​ เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​มากมาย​ที่​ยืน​อยู่​บน​กำแพงเมือง​กลับ​มีสีหน้า​ซีดเผือด​ และ​ยังคง​ตื่น​ตระหนกตกใจ​สุดขีด​

หลังจาก​เงียบ​อยู่​นาน​

จน​เวลา​ผ่าน​ไป​หนึ่ง​ก้านธูป​เต็ม​ ๆ

ผู้พิทักษ์​ราตรี​ชายแดน​ทางเหนือ​ หลวน​ชิงซู่ ก็​ทอดสายตา​มอง​ไป​ยัง​แดน​เหนือ​อัน​รกร้าง​ว่างเปล่า​ พลาง​ทอดถอนใจ​ออกมา​

“ตอนนี้​ดูท่า​แล้ว​ พวกเรา​คง​ทำได้​เพียง​สู้จนตัวตาย​ใน​วันพรุ่งนี้​แล้ว​สินะ​”

ทันทีที่​สิ้น​เสียง​

“จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​ทำลาย​การป้องกัน​ทุกอย่าง​ของ​แดน​เหนือ​ลง​หมด​แล้ว​ ทว่า​กลับ​มิได้​ลง​มือสังหาร​พวกเรา​”

ผู้เฒ่า​ที่​มีใบหน้า​อิ่มเอิบ​ผู้​หนึ่ง​เอ่ย​ใน​แง่ดี​ว่า​ “ดูเหมือนว่า​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​คง​มิได้​เห็น​พวกเรา​อยู่​ใน​สายตา​เป็นแน่​”

“หาก​ข้า​เดา​มิผิด​ล่ะ​ก็​ พรุ่งนี้​ศึก​ใหญ่​ระหว่าง​มนุษย์​และ​ฝ่าย​มาร​ จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​คง​มิยื่นมือ​เข้า​จัดการ​ด้วยตัวเอง​ เช่นกัน​”

มีคน​เอ่ย​สนับสนุน​ว่า​ “สำหรับ​พวกเรา​แล้ว​ นี่​ยัง​นับว่า​เป็น​ความโชคดี​ใน​โชคร้าย​สินะ​”

“หาก​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​ลงมือ​เข้ามา​จริง​ พวกเรา​คง​มิมีผู้ใด​รอดไป​ได้​ แต่​เยี่ยง​ไร​เสีย​ก็​ควรจะ​เตรียมพร้อม​เอาไว้​ เผื่อ​เกิด​เหตุการณ์​มิคาดฝัน​จะดีกว่า​”

เอ่ยถึง​ตรงนี้​เจ้าสำนัก​จื่อ​ชิง สวี​ฉิงเทียน​ ก็​หันไป​มอง​ทาง​นักพรต​ฉางเสวียน​ที่​มีท่าทาง​เคร่งเครียด​ แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “พี่​เห​อ​ ตอนนี้​ดูท่า​บน​โลก​นี้​คง​มีเพียง​ผู้อาวุโส​เย่​เท่านั้น​ ที่จะ​สามารถ​ต่อกร​กับ​จักรพรรดิ​มาร​ตน​นี้​ได้​”

นักพรต​ฉางเสวียน​ได้ยิน​เช่นนั้น​ก็​ได้สติ​ขึ้น​มาอีกครั้ง​

เขา​กวาดสายตา​มอง​เหล่า​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​หันมา​มอง​เขา​จน​เป็น​ตา​เดียวกัน​ จากนั้น​ก็​ทอดถอนใจ​ออกมา​อย่าง​ห้าม​มิได้​

“พี่​สวี​ พวก​ท่าน​วางใจ​ได้​ หาก​เข้าตาจน​จริง ๆ​ มิว่า​เยี่ยง​ไร​ข้า​ก็​ต้อง​ไป​พบ​ท่าน​บรรพ​จารย์เย่​ให้ได้​”

สวี​ฉิงเทียน​ผงะ​เล็กน้อย​ ก่อน​จะพยักหน้า​รับรู้​

ตอนนั้น​เอง​ ถาน​ไถชิงเสว่​ที่​เหมือน​ตกอยู่ในภวังค์​การ​รู้แจ้ง​บางอย่าง​ ในที่สุด​ก็​ได้สติ​ขึ้น​มา

คิ้ว​เรียว​ยาว​ของ​นาง​ขมวด​เบา​ ๆ พลาง​เอ่ย​อย่าง​ครุ่นคิด​ “เคล็ด​วิชา​สังหาร​ของ​วิถี​ดนตรี​เป็น​เช่นนี้​นี่เอง​”

ได้ยิน​เช่นนั้น​ สวี​ฉิงเทียน​ก็​นิ่งงัน​ไป​ ก่อน​จะหันไป​มอง​ใบ​หน้าด้าน​ข้าง​ของ​ถาน​ไถชิงเสว่​ ก่อน​จะยิ้ม​ออกมา​อย่าง​เศร้าสร้อย​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน