ตอน ตอนที่ 339 เจ้ามิอยากเห็นโลกหลังประตูสวรรค์เยี่ยงนั้น หรือ ? จาก เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 339 เจ้ามิอยากเห็นโลกหลังประตูสวรรค์เยี่ยงนั้น หรือ ? คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายแปล เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หลังผ่านไปมิกี่อึดใจ ด้านหลังของเย่ฉางชิงก็มีพลังอันปั่นป่ วน ปะทุขึ้น อัสนีบาตสีขาวและห่อหุ้มด้วยพลังทาลายล้างอันน่ากลัว พลุ่งพล่านออกมาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเขาที่ยืนอยู่กลางอากาศ กลับยังคงสงบนิ่งและมิได้เผยสี หน้าใด ๆ ออกมา
วินาทีนี้ตัวเขาราวกับกลายเป็ นเทพบรรพบุรุษ ผู้ที่สามารถเบิก ฟ้ าและสร ้างโลกขึ้นมาได้ ด้วยพลังต้องห้ามในตานาน
ขณะเดียวกัน แม้แต่พวกเปาต้าเหมยที่จาอดีตชาติได้ เวลานี้ก็ ยังอดมิได้ที่จะตื่นตระหนกขึ้นมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“น่าเหลือเชื่อ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ! ”
“ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราคงประเมิน พลังของท่านเย่ต่าเกินไปเสียแล้ว”
“ใช่แล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่ผู้ที่เก่งกาจที่สุดในแดนสวรรค์ โบราณ บางทียังมิอาจเทียบเคียงกับท่านเย่ในตอนนี้ได้ด้วยซ้า’’
“หมายความว่า ท่านเย่มาจากโลกในตานานชั้นนั้นหรือ ? ”
“หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็คงจะเป็ นเช่นนั้น’’
“แต่หากมาจากโลกนั้นจริง แล้วเหตุใดท่านเย่ถึงได้มาปรากฏตัว ยังโลกเล็ก ๆ เช่นนี้ได้ ? ”
“เฒ่าหวาง แม้ชาติที่แล้วพวกเราจะถือเป็ นผู้แข็งแกร่งและ เก่งกาจของแดนสวรรค์โบราณ ทว่าสาหรับผู้แข็งแกร่งของโลกชั้น นั้นแล้ว เกรงว่าระดับพวกเราก็ยังมิได้อยู่ในสายตาของเขาอยู่ดี เช่นนั้นเรื่องบางเรื่องหาใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถเข้าใจได้”
“ช่างเถอะ ขอเพียงท่านเย่สามารถช่วยเปิดประตูสวรรค์ให้พวก เรา และกลับไปยังแดนสวรรค์โบราณได้อีกครา พวกเราก็ควรจะ พอใจแล้ว”
ระหว่างที่ทุกคนกาลังถกเถียงกันอยู่นั้น
“เปรี้ยง ! ”
พลังจิตอันน่ากลัวจ านวนมหาศาล พลันกดดันลงมาอย่าง ต่อเนื่อง
ทว่าพลังจิตอันน่ากลัวกลุ่มนี้ กลับพุ่งเข้าไปหาเย่ฉางชิงเพียงผู้ เดียวเท่านั้น
ในขณะนั้นเองกลุ่มคนที่อยู่ใจกลางเมืองเสี่ยวฉือ ราวกับสัมผัส ได้ถึงอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ท่าทางตื่น ตระหนกเมื่อครู่พลันกลายเป็ นหวาดหวั่น
แล้วก็เป็ นดังเช่นที่พวกเขาคาดเดาเอาไว้ก่อนหน้านี้มิมีผิด
ทันทีที่ประตูสวรรค์เปิ ดออก เจตจานงแห่งสวรรค์จะสาแดง ออกมา !
ทว่าแม้เจตจ านงสวรรค์อันน่ากลัวจะปรากฏ แต่กลับมีผลต่อเย่ ฉางชิงเพียงผู้เดียว
ส่วนพวกเขาหากต้องการไปจากโลกใบนี้ กลับไปยังแดนสวรรค์ โบราณอีกครั้ง คงทาได้เพียงอาศัยพลังของท่านเย่ผู้นี้เท่านั้น
คิดถึงตรงนี้ ทุกคนก็สบตากันเล็กน้อย ท่าทางเต็มไปด้วยความ ละอายแก่ใจ
หากท่านเย่สามารถต้านทานเจตจ านงแห่งสวรรค์ และท าให้ ประตูสวรรค์ปรากฏได้ก็คงจะดีมิน้อย
แต่หากล้มเหลวขึ้นมา
เช่นนั้นมิเพียงพวกเขาและโลกใบนี้จะต้องล่มสลายไปพร ้อม ๆ กันในอีกมิช ้า เกรงว่าแม้แต่ท่านเย่เองก็จะต้องถูกวิถีฟ้ าสะท้อนกลับ อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นท่านเย่ยังเป็ นผู้มีพระคุณ และดีกับพวกเขามาโดย ตลอด
หลังจากชั่งใจอยู่ครู่ใหญ่ เปาต้าเหมยก็ก้าวออกมาด้วยท่าทาง สง่างาม ก่อนคุกเข่าลงกับพื้นราวกับสาวกผู้ศรัทธา
คนที่เหลือเมื่อเห็นเช่นนั้นต่างก็สบตากัน และทยอยคุกเข่าลงกับ พื้นด้วยความเลื่อมใสเช่นเดียวกัน
พวกเขารู ้ดีว่าเจตจานงแห่งสวรรค์นั้นเป็ นสิ่งที่น่ากลัวเพียงใด
ในเมื่อพวกเขามิสามารถต้านทานพลานุภาพเจตจานงสวรรค์ได้ เช่นนั้นก็ขอเป็ นสาวกของเย่ฉางชิง และมอบพลังแห่งความศรัทธา ของพวกเขาให้เย่ฉางชิงแทน
เพราะผู้แข็งแกร่งระดับพวกเขานั้น หากยอมเป็ นสาวกของผู้ที่ไร ้ เทียมทานท่านใดแล้ว พลังศรัทธาย่อมแก่กล้ากว่าคนธรรมดาหลาย เท่า
แต่ในทางตรงกันข้าม
หากวันนี้เย่ฉางชิงพ่ายแพ้ให้แก่เจตจ านงสวรรค์ ถูกวิถีฟ้ า สะท้อนกลับ เช่นนั้นพวกเขาผู้อุทิศตัวเป็ นสาวก ก็จะได้รับผลกรรม ส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
ในตอนนั้นเอง เมื่อเย่ฉางชิงที่ยืนอยู่กลางอากาศสัมผัสได้ถึง พลังลึกลับอันรุนแรง และบริสุทธิ์มากมายที่พุ่งเข้ามา ก็อดมิได้ที่จะ หันไปมองทุกคนที่กาลังคุกเข่าอยู่ในเมืองเสี่ยวฉือ
‘พวกเขาคุกเข่าที่พื้นทาไมกัน ? ’
‘หรือเป็ นเพราะประโยคที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ ? ’
‘หากเป็ นเช่นนั้นจริง พวกเขาจะจริงจังเกินไปหรือเปล่า ! ’
‘ประโยคเมื่อครู่ข้าก็แค่เล่นใหญ่ไปหน่อยก็เท่านั้นเอง’
‘หาได้มีความหมายอื่นแอบแฝงไม่’
‘จริงสิ ! ’
‘หรือเป็ นเพราะประตูสวรรค์มิปรากฏขึ้นเสียที พวกเขาเลยคิดว่า ข้าพบกับปัญหาอะไรเข้า จึงตัดสินใจเป็ นสาวกของข้ากระมัง ? ’
‘อืม ! ’
‘คงจะเป็ นเช่นนั้น ! ’
“วันนี้เมื่อไปจากโลกใบนี้แล้ว เกรงว่าด้วยพลังของพวกเรา คง ยากที่จะกลับมายังโลกนี้ได้อีก”
“ใช่แล้ว แต่หากพวกเรามิไปตอนนี้ อีกมินานโลกใบนี้จะต้อง พินาศลงเพราะพวกเราเป็ นแน่”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”
ทุกคนต่างก็อดที่จะทอดถอนใจออกมามิได้ ก่อนจะเผยสีหน้า แน่วแน่ออกมา
วินาทีต่อมาทุกคนก็ได้ทะยานขึ้นไป และเหาะเข้าไปทางประตู สวรรค์ในทันที
เวลาผ่านไปมิถึงหนึ่งก้านธูป
หลังจากที่ทุกคนทยอยเข้าไปในประตูสวรรค์แล้ว
เปาต้าเหมยที่ไปเป็ นคนสุดท้าย จู่ ๆ ก็ชะงักลง ก่อนจะหันกลับมา มองข้างหลัง ด้วยสีหน้าที่จืดเจื่อน “ท่านเย่…”
เย่ฉางชิงเองก็ชะงักไปเช่นกัน อดมิได้ที่จะเผยสีหน้าอาลัย อาวรณ์ออกมา
แม้เรื่องทั้งหมดนี้จะเป็ นเพียงความฝัน แต่เมื่อเห็นชาวเมืองที่ ซื่อสัตย์และใจดีกลุ่มนี้ทยอยจากไป เขาก็ยังอดมิได้ที่จะรู ้สึกความ อาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
‘ช่างเถอะ ! ’
‘แต่ต่อให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็ นความจริง ภายภาคหน้าอาจมีโอกาส ได้พบกันอีกก็เป็ นได้’
เย่ฉางชิงพ่นลมภายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปลอบใจตัวเอง
“ท่านเย่ ไว้พวกเราพบกันบนสวรรค์นะเจ้าคะ”
เปาต้าเหมยเอ่ยด้วยน้าเสียงเศร ้าสร ้อย จากนั้นก็หมุนกายเข้าไป ในประตูสวรรค์ทันที
ตอนนั้นเองร่างสีเขียวร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ที่ด้านนอก ประตูสวรรค์
เห็นเช่นนั้นเย่ฉางชิงก็ได้ชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเพ่งสมาธิ
เพียงพริบตาเขาก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูสวรรค์ พร ้อมประจันหน้า กับผู้ที่ถูกขนานนามว่าท่านเทพฉางชิงแล้ว
แต่ครั้งนี้เย่ฉางชิงยังมิทันได้เอ่ยปาก ทว่าท่านเทพฉางชิงกลับ เอ่ยขึ้น พร ้อมส่งยิ้มให้เสียก่อน “เจ้ามิอยากเห็นโลกด้านหลังประตู สวรรค์เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เย่ฉางชิงขมวดคิ้วมุ่น พลางตอบไปว่า “ข้าทาได้ด้วยหรือ ? ”
ท่านเทพฉางชิงยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง และมียิ้มอ่อนโยนเช่นเคย “ย่อมได้ แต่เมื่อก้าวเข้าประตูสวรรค์ไปแล้ว ความฝันนี้ก็จะจบลง ทันที”
ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็เกิดลังเลขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองตู๋กูชิง เฟิงอย่างอดมิได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน