ความจริงแล้วเวลานี้ในใจของเย่ฉางชิงนั้นรู ้สึกสับสนมิน้อย
บัดนี้แม้เขาจะได้ท่องไปทั่วทั้งจงหยวนตามที่ปรารถนาเอาไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ร่วมเดินทางไปกลับยอดหญิงงามเช่นตู๋กูชิงเฟิงอีก ด้วย
มิว่าเรื่องตรงหน้าทั้งหมดนี้จะเป็ นเพียงความฝัน หรือว่าเกิดขึ้น จริง ๆ
แต่เวลานี้เมื่อประตูสวรรค์อยู่ตรงหน้า เขาควรจะก้าวข้ามประตู สวรรค์เพื่อไปดูโลกหลังประตูบานนั้นมิใช่หรือ ?
เพราะผู้บาเพ็ญเพียรทุกคนบนโลกใบนี้ ต่างก็ทุ่มเททั้งชีวิตเพียง เพื่อก้าวข้ามประตูสวรรค์บานนี้และจะได้หลุดพ้น
เช่นนั้นเย่ฉางชิงเองก็มีความอยากและสงสัยใคร่รู ้เช่นเดียวกัน
หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ เย่ฉางชิงจึงมองไปยังตู๋กูชิงเฟิงอีกครั้ง
ตู๋กูชิงเฟิงจึงเป็ นฝ่ ายเอ่ยขึ้นว่า “ฉางชิง ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้า สามารถอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ได้ทันที เพื่อข้ามประตูสวรรค์ไปพร ้อม กับเจ้า”
ในสายตาของตู๋กูชิงเฟิงนั้น
การที่เย่ฉางชิงหันกลับมามองนางถึงสองครั้ง ก็แสดงว่าครั้งนี้เขา คงต้องการที่จะไปแล้วจริง ๆ
เพียงเท่านี้ก็สามารถอธิบายความรู ้สึกที่เย่ฉางชิงมีต่อนางได้เป็ น อย่างดีแล้ว
บัดนี้ในเมื่อเย่ฉางชิงจาต้องจากไปแล้ว เช่นนั้นนางก็มิมีสิ่งใดที่ ต้องห่วงบนโลกนี้อีกแล้ว
อีกทั้งนางก็ได้สะกดตบะบารมีของตัวเองมาหลายปี ทว่าบัดนี้เมื่อ เจอกระตุ้นบ่อยครั้ง จึงยากที่จะสะกดต่อไปได้อีก
ได้ยินเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็ผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า
ตอนนั้นเองท่านเทพฉางชิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเย่ฉางชิงก็ส่ายหน้า ยิ้ม ๆ พลางเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยนว่า “วันนี้มีเพียงเจ้าคนเดียว เท่านั้น ที่จะสามารถก้าวข้ามประตูสวรรค์บานนี้ไปได้”
“ท าไมกัน ? ”
เย่ฉางชิงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ท่านเทพฉางชิงจึงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เพราะประตู สวรรค์บานนี้เกิดขึ้นจากเจตจานงของเจ้า ส่วนนางนั้นถือกาเนิดมา จากโลกใบนี้”
“หากประตูสวรรค์ถูกเปิดออกพร ้อมกันสองบานในเวลาเดียวกัน ย่อมส่งผลกระทบต่อโลกใบนี้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นหากนางมิ สามารถผ่านบทสดสอบของสวรรค์ไปได้ โลกใบนี้ก็จะตกอยู่ใน อันตราย มีโอกาสสูงที่จะพังพินาศลง”
‘เกิดขึ้นจากเจตจานง ? ’
‘เปิดออกพร ้อมกันสองบาน ! ’
‘ข้ามีความสามารถขนาดนั้นเชียวหรือ ? ’
“หมายความว่าเยี่ยงไร?”
เย่ฉางชิงใจสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะอดถามขึ้นมามิได้ว่า “หรือ ว่าเจตจ านงของข้าสามารถเทียบเคียงกับวิถีฟ้ าได้เยี่ยงนั้นหรือ”
ท่านเทพฉางชิงนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคที่แฝง ความหมายลึกซึ้งว่า “เรื่องบางเรื่องเมื่อถึงเวลาเจ้าย่อมจะรู ้เอง”
เอ่ยเพียงเท่านั้น ผู้ที่ถูกขนานนามว่าท่านเทพฉางชิงก็ค่อย ๆ เลือนลางลง ก่อนจะหายวับไปในอากาศ
เมื่อเห็นเช่นนั้น เย่ฉางชิงก็อดมิได้ที่เม้มริมฝีปากเข้าหากัน
‘ท าไมจู่ ๆ ก็หายไป ? ’
‘หรือว่าเขาได้พูดอะไรที่มิควรพูดเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘เกิดขึ้นจากเจตจานง ! ’
‘ประตูสวรรค์สองบาน…’
หลังจากเงียบอยู่สักพัก เย่ฉางชิงเหมือนกับนึกบางอย่างขึ้นมา ได้ ดวงตาพลันมีประกายบางอย่างแวบผ่าน
“จริงสิ ในเมื่อชิงเฟิงมิสามารถรับการทดสอบจากสวรรค์วันนี้ได้ แต่นางยังต้องการจะไปจากโลกใบนี้พร ้อมกับข้า”
เย่ฉางชิงลูบคางเล็กน้อย พลางเอ่ยอย่างครุ่นคิด “เช่นนั้นข้าก็ แค่หน่วงเวลาทาให้นางเห็นภาพประตูสวรรค์บานนี้หายไปช ้าลง เพื่อ เลี่ยงมิให้นางอัญเชิญทันสวรรค์ในเวลาเดียวกันกับข้า เท่านี้ประตู สวรรค์ทั้งสองบานก็เปิดออกคนละเวลากันแล้ว และจะมิส่งผลกระทบ ต่อโลกนี้ด้วย”
“อืม คงต้องทาเช่นนี้แล้วล่ะ”
คิดได้เช่นนั้น เย่ฉางชิงก็หันไปมองตู๋กูชิงเฟิงอีกครั้ง จากนั้นจึง เพ่งสมาธิ
วินาทีต่อมา เย่ฉางชิงก็ได้เงยหน้าขึ้นมองประตูสวรรค์ จากนั้นก็ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง ก่อนก้าวข้ามประตูสวรรค์บานนั้นไป
เพียงพริบตา หลังจากเย่ฉางชิงหายเข้าไปในล าแสงสีทอง มากมายแล้ว
ประตูสวรรค์บานนั้นก็หายไปในอากาศ ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ อีกครั้ง
ทว่าสิ่งที่ตู๋กูชิงเฟิงมองเห็น หาได้เป็ นเช่นนั้นไม่
สิ่งที่นางเห็นคือเย่ฉางชิงยังคงยืนอยู่หน้าประตูสวรรค์ เหมือนจม ดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด
นิ่งค้างราวกับหินก็มิปาน เขาแค่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น
จนเวลาผ่านไปได้หนึ่งชั่วยาม
เย่ฉางชิงก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูสวรรค์บานนั้นมิขยับเขยื้อน แม้แต่น้อย
‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ’
‘หรือว่าตอนนี้ฉางชิงกาลังตกอยู่ในภวังค์รู ้แจ้งบางอย่างเยี่ยงงั้น หรือ ? ’
‘อืม ! ’
‘คงจะเป็ นเช่นนั้น ! ’
ตอนนั้นเอง ระหว่างที่ตู๋กูชิงเฟิงเกิดความสงสัยขึ้นมานั้น
ถูสือซานและราชันทมิฬที่มีท่าทางเซื่องซึมก็เดินเข้ามาหาอย่าง ระแวดระวัง
เพราะในช่วงที่เย่ฉางชิงและตู๋กูชิงเฟิงไปท่องจงหยวนนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน