เพียงพริบตาเวลาสองชั่วยามก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยการนาทางที่คุ้นเคยของนักพรตชิงอวิ๋น
เขาและเย่ฉางชิงได้พากันเหาะมา ก่อนจะหยุดลงที่ตีนเขาอวิ๋ นชาง
เมื่อเย่ฉางชิงเห็นเขาอวิ๋นชาง ที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก
แม้ใบหน้าจะมิได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ทว่าภายในใจกลับเต็มไป ด้วยความตื่นเต้นยินดี
เมฆหมอกปกคลุมหนาทึบเช่นนี้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการ ฝึกฝนยอดฝีมือ อย่าว่าแต่ส านักเซียนลึกลับอย่างส านักชิงหยางเลย ต่อให้มีเซียนจริง ๆ เร ้นกายอยู่ที่นี่ เขาก็จะมิสงสัยใด ๆ อย่างแน่นอน
‘มิผิด ! ’
‘มิผิดแน่ ! ’
‘สานักชิงหยางแห่งนี้จะต้องเป็ นสานักเซียนลึกลับในตานาน อย่างแน่นอน ! ’
‘อ้า ! ’
‘เมื่อโอกาสมาถึง โชคชะตาก็เปลี่ยนไปจริง ๆ ’
‘ตอนที่ข้าอยู่ที่โลกบาเพ็ญเพียรใบนั้น ต้องทนอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือ อันห่างไกลตั้งหลายปี’
‘สุดท้ายกลับต้องจบลงเพราะความฝันเพียงคราเดียว’
‘ทว่าบัดนี้เมื่อได้มายังโลกบาเพ็ญเพียรอีกใบ ทั้งยังได้พบกับ ยอดฝีมือที่เร ้นกายเช่นนักพรตชิงอวิ๋น’
‘อักทั้งวันนี้ยังจะได้เข้าไปบ าเพ็ญเพียร ในส านักเซียนลึกลับแห่ง นี้อีกด้วย’
‘ยอดเยี่ยม ! ’
‘ยอดเยี่ยมจริง ๆ ! ’
ผ่านไปมินาน เมื่อทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในเมฆหมอก จน มาถึงไหล่เขา
นักพรตชิงอวิ๋นก็หยุดลงฝีเท้าลง หลังจากลอบชาเลืองมองเย่ฉาง ชิงแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที
‘ท่าทางโดดเด่นเช่นนี้’
‘บนกายยังมิมีไอพลังเซียนใด ๆ แผ่ออกมา’
‘มิหนาซ้ายังรู ้สึกตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่’
‘หากนี่มิเรียกว่าความจาเสื่อมแล้วจะเป็ นอะไรกัน ? ’
‘ดี ! ’
‘ดีมาก ! ’
‘ดีจริง ๆ เลย ! ’
ด้วยการนาทางอย่างคล่องแคล่วของนักพรตชิงอวิ๋น
ผ่านไปอีกประมาณครึ่งชั่วยาม
ในที่สุดประตูเก่าแก่ที่สูงตระหง่านและเต็มไปด้วยร่องรอยของ กาลเวลาบานหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตา
มิเพียงเท่านั้น ยังมีบุรุษหนุ่มที่มีลักษณะท่าทางโดดเด่น และมี ใบหน้าหล่อเหลาผู้หนึ่ง กาลังนั่งสมาธิอยู่บนศิลาที่มีลักษณะเรียบ ๆ ก้อนนั้น
เห็นได้ชัดว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็คือศิษย์เอกของสานักชิงหยาง หลี่ซิว หยวน
ก่อนหน้านี้หลังจากนักพรตชิงอวิ๋นเพ่งกระแสจิตหาเขาแล้ว
เขาก็ได้กระตุ้นพลังวิญญาณภายในร่าง และทาท่ามุทราให้กระบี่ หิมะเล่มนั้นปรากฎขึ้นอีกครั้ง และลอยอยู่ด้านบนศีรษะของเขา
เช่นนั้นภาพหลี่ซิวหยวนที่มีแสงลอยวนอยู่รอบกาย ไอหมอกแผ่ ออกมาปกคลุม ด้านบนศีรษะยังมีกระบี่ยาวแหลมคมเล่มหนึ่งลอยอยู่ ยิ่งทาให้ดูราวกับยอดฝีมือผู้ไร ้เทียมทานก็มิปาน
เหมือนกับเซียนกระบี่ตัวจริงกาลังนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้น
ภาพเช่นนี้แม้แต่นักพรตชิงอวิ๋นที่รู ้จักหลี่ซิวหยวนเป็ นอย่างดี ยัง อดมิได้ที่จะตกตะลึง ก่อนจะรู ้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
เพราะนับตั้งแต่หลี่ซิวหยวนขึ้นเขาบาเพ็ญเพียรมาเกือบสิบห้าปี
บัดนี้ก็ยังคงมีตบะบารมีเพียงระดับสร ้างรากฐานปราณขั้นกลาง เท่านั้น
แต่ที่เวลานี้รอบกายของเขามีแสงลอยวนอยู่ มีไอหมอกแผ่ ออกมา อีกทั้งด้านบนศีรษะมีกระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่นั้น
เป็ นเพราะเขาได้กระตุ้นพลังวิญญาณภายในร่างอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน ด้วยความแตกฉานเพียงเล็กน้อยในวิถีกระบี่ของ เขา แต่เวลานี้กลับสาแดงเคล็ดวิชากระบี่ ที่เผยแพร่มาจากนิกาย กระบี่สวรรค์ได้
ทาให้กระบี่ลอยอยู่เหนือศีรษะเช่นนี้ นับว่าถึงขีดจากัดสูงสุด ของหลี่ซิวหยวนแล้ว
ขณะเดียวกันในสายตาของเย่ฉางชิงนั้นกลับต่างออกไป
สิ่งก่อสร ้างโบราณที่ตั้งอยู่ประปราย อีกทั้งยังดูทรุดโทรมเหล่านี้ กลับให้ความรู ้สึกที่เรียบง่าย
อีกทั้งประตูบานนี้
ที่ดูสูงตระหง่านและเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลาเช่นนี้ เห็น ได้ชัดว่าสานักชิงหยางมิมีทางธรรมดาอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ
แต่สิ่งที่ทาให้เย่ฉางชิงมั่นใจว่าสานักชิงหยางคือสานักเซียน ลึกลับที่แท้จริงนั่นก็คือ
หลี่ซิวหยวนที่นั่งสมาธิอยู่ตรงหน้าประตูบานนั้นนั่นเอง
ด้านบนมีเครื่องประดับศีรษะหยกที่ประณีตและเรียบง่าย สวม อาภรณ์เต๋าลายเมฆาลอย ใบหน้าหล่อเหลาไร ้ซึ่งตาหนิใด ๆ
ยิ่งกว่านั้นหมอกแสงอันเจิดจ้ารอบกาย และกระบี่ที่ลอยอยู่บน ศีรษะเล่มนั้น ยิ่งเสริมให้เขาดูเหมือนเซียนกระบี่แห่งยุคที่แท้จริง
ใช่แล้ว !
เซียนกระบี่ !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน