สรุปตอน ตอนที่ 433 ข้าจะต้องคารวะเขาเป็นอาจารย์ให้ได้ – จากเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดย Internet
ตอน ตอนที่ 433 ข้าจะต้องคารวะเขาเป็นอาจารย์ให้ได้ ของนิยายนิยายแปลเรื่องดัง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 433 ข้าจะต้องคารวะเขาเป็นอาจารย์ให้ได้
เมื่อได้ยินดังนั้นหนิงซู่ซู่และขงซิงเจี้ยน ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะหันมาสบตากัน
หนานกงเสวียนจีแม้จะบำเพ็ญเพียรวิถีแห่งหมาก แต่เยี่ยงไรซะเขาก็มีตบะบารมีเพียงระดับมหายานเท่านั้น
ในทางตรงกันข้ามอู๋ไท่เหอ แม้จะมิรู้ว่าได้ตัดทอนวิถีกระบี่ และเปลี่ยนมาบำเพ็ญเพียรวิถีแห่งหมากตั้งแต่เมื่อใด อีกทั้งตบะบารมีก็มีสัญญาณว่าถดถอยลง แต่เยี่ยงไรซะก็ยังถือเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเซียนคนหนึ่งอยู่ดี
เช่นนั้นหนานกงเสวียนจีมองออกได้เยี่ยงไรกัน ว่าอู๋ไท่เหอเพิ่งจะเข้าสู่วิถีแห่งหมากได้มินานนี้ ?
หรือว่าความรู้แจ้งและความแตกฉานในวิถีแห่งหมากของหนานกงเสวียนจี อยู่เหนือกว่าอู๋ไท่เหออีกเยี่ยงนั้นหรือ ?
อืม !
คงจะเป็นเช่นนี้แน่
มิเช่นนั้น เขาจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าอู๋ไท่เหอเพิ่งจะเข้าสู่วิถีแห่งหมากเมื่อมินานมานี้ ?
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ขงซิงเจี้ยนจึงเอ่ยถามด้วยความสนใจว่า “น้องหนานกง หรือว่าความรู้แจ้งในวิถีแห่งหมากของเจ้า อยู่สูงกว่าศิษย์พี่ของข้าอีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
หนานกงเสวียนจีส่ายหน้ายิ้ม ๆ “แม้ว่าตบะบารมีของข้าในตอนนี้จะเป็นเพียงระดับมหายาน แต่เพราะเคยได้รับการชี้แนะจากท่านเย่มาก่อน จึงทำให้ความรู้แจ้งในวิถีหมากของข้าใกล้เคียงกับผู้อาวุโสท่านนี้”
ทันทีที่สิ้นเสียง สีหน้าของหนิงซู่ซู่และขงซิงเจี้ยนก็เปลี่ยนไปอีกครั้งอย่างอดมิได้
ความหมายของหนานกงเสวียนจีก็คือความแตกฉานในวิถีหมากของเขาอยู่ในระดับสูงแล้ว
ขอเพียงได้บำเพ็ญเพียรต่ออีกสักระยะ การบรรลุระดับนั้นก็จะสามารถทำได้ทันที
แต่ปัญหาก็คือ ท่านเย่ที่หนานกงเสวียนจีเอ่ยถึง แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ !
เดาได้มิยากว่าการที่หนานกงเสวียนจีขึ้นมายังสวรรค์บูรพาได้ โดยมิได้รับผลกระทบจากหลักเต๋าฟ้าดิน ตบะบารมีและวิถีเต๋าของเขาจึงยังคงอยู่ ต้องเป็นเพราะท่านเย่ผู้นี้อย่างแน่นอน !
อีกทั้งตอนอยู่ที่โลกเบื้องล่าง ด้วยการชี้แนะของท่านเย่ผู้นี้ ก็สามารถทำให้วิถีหมากสูงถึงระดับเช่นนี้ได้
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า หากสิ่งที่หนานกงเสวียนจีพูดมาเป็นความจริงแล้วล่ะก็ ความเก่งกาจของท่านเย่ผู้นี้ ก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วกระมัง !
หรือว่าจะมีคนที่สามารถเอาชนะกฎไร้เทียมทาน และสามารถข้ามไปมาระหว่างสองโลกได้จริง ๆ ?
เป็นไปมิได้ !
เป็นไปมิได้เด็ดขาด !
ตอนนั้นเอง อู๋ไท่เหอที่อยู่ด้านล่างก็ได้เอ่ยเชื้อเชิญอีกครั้ง “เจ้าหนุ่ม รีบลงมาประลองกับข้าเร็วเข้า”
ทันทีที่สิ้นเสียง ครั้งนี้หนานกงเสวียนจีก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะโรยตัวลงไปเบื้องล่าง
“เจ้าหนุ่ม คิดมิถึงว่าเจ้าอายุยังน้อย แต่กลับมีความแตกฉานในวิถีหมากถึงเพียงนี้ ข้ารู้สึกคาดมิถึงจริง ๆ ! ”
อู๋ไท่เหอตบที่บ่าของหนานกงเสวียนจีเบา ๆ พลางทอดถอนใจออกมา
หนานกงเสวียนจีที่มีท่าทางเรียบนิ่ง ก็ได้โค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ความจริงแล้ว หากมิใช่เพราะผู้น้อยเคยได้รับการชี้แนะจากยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานผู้หนึ่งที่โลกเบื้องล่าง ก็คงยากที่จะมีความแตกฉานในวิถีหมากเช่นวันนี้ได้ขอรับ”
‘โลกเบื้องล่าง ?’
‘ยอดฝีมือที่ไร้เทียมทาน ?’
อู๋ไท่เหอนิ่งงัน ก่อนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างจากกายของหนานกงเสวียนจี
เจ้าหนุ่มที่มีนามว่าหนานกงเสวียนจีผู้นี้ ยังมีไอพลังของทัณฑ์สวรรค์หลงเหลืออยู่บนกายจริง ๆ ด้วยหมายความว่าคนผู้นี้ เพิ่งจะขึ้นมาบนสวรรค์บูรพาได้มินาน
แต่เช่นนี้ก็ดูแปลกไปหน่อยนะ !
การจะขึ้นมายังโลกเบื้องบนจะต้องประสบทัณฑ์สวรรค์เก้าสาย ตบะบารมีและวิถีบำเพ็ญเพียรแทบจะถูกทัณฑ์สวรรค์ทำลายทั้งหมด
เมื่อขึ้นมาถึงสวรรค์บูรพา นอกจากความทรงจำจากโลกเบื้องล่าง รวมทั้งรากปราณที่มีมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว ที่เหลือล้วนแล้วแต่จะถูกทำลายทั้งหมด
ทว่าคนผู้นี้มิเพียงแต่จะสามารถรักษาวิถีบำเพ็ญเพียรของตนเอาไว้ได้ แต่ยังมีตบะบารมีระดับมหายานอีกด้วย
‘แปลก !’
‘แปลกจริง ๆ !’
‘และที่สำคัญที่สุดก็คือ ยอดฝีมือที่ไร้เทียมทานที่คนผู้นี้เอ่ยถึง จะเก่งกาจมากเพียงใดกัน !’
‘ถึงมีความแตกฉานในวิถีหมากที่น่ากลัวเช่นนี้ !’
เมื่อคิดได้ดังนั้น อู๋ไท่เหอก็ลอบสบตากับหนิงซู่ซู่ และขงซิงเจี้ยนเล็กน้อย
เมื่ออีกฝ่ายเห็นความสงสัยในแววตาของอู๋ไท่เหอ ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าให้อย่างจนปัญญาเช่นกัน
หลังจากครุ่นคิดอีกสักพัก อู๋ไท่เหอก็มิได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจอีก เขาเพียงแค่สะบัดมือเพียงเล็กน้อย กระดานหมากกระดานหนึ่งก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา
“เจ้าหนุ่ม พวกเรามาประลองกันดูสักกระดานเถอะ”
อู๋ไท่เหอนั่งลงกลางอากาศ จากนั้นก็หยิบกล่องใส่ตัวหมากสองกล่อง ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะวางลงกลางกระดานหมาก
หนานกงเสวียนจีพยักหน้ารับ ก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
หนานกงเสวียนจีจับหมากขาวตัวหนึ่งเอาไว้ในมือ พลางเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้ทุกคนต้องตกใจอย่างมาก “ผู้อาวุโส ความจริงแล้วกลหมากนี้ของท่าน มีผู้ที่แก้ได้นานแล้วขอรับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น มิเพียงแค่อู๋ไท่เหอเท่านั้นที่รู้สึกตกใจ แม้แต่ขงซิงเจี้ยนและหนิงซู่ซู่ที่ยืนอยู่ดูทั้งสองคนอยู่ก็อดมิได้ที่จะหรี่ตาลงเช่นกัน
‘ถูกคนแก้ได้นานแล้วงั้นหรือ ?’
‘หรือว่าจะเป็นท่านเย่ผู้ลึกลับและไร้เทียมทานผู้นั้น ?’
‘หรือว่าแท้จริงแล้วกลหมากนี้จะเป็นของท่านเย่ผู้นั้น ?’
‘นี่ก็หมายความว่า นักพรตเสวียนจีเองก็เคยได้รับการชี้แนะ จากท่านเย่ผู้นี้มาแล้วเยี่ยงนั้นหรือ?’
‘มิใช่กระมัง !’
‘เป็นไปมิได้ !’
‘ท่านเย่ผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ !’
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก อู๋ไท่เหอก็ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
“เจ้าหนุ่ม หมายความว่าเยี่ยงไรหรือ ? ”
หนานกงเสวียนจีกวาดตามองสถานการณ์บนกระดานอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาน้อย ๆ ราวกลับยอมจำนนในที่สุด
จากนั้นเขาก็ได้อธิบายที่มาที่ไป รวมถึงเรื่องที่เย่ฉางชิงสามารถแก้กลหมากนี้ได้อย่างง่ายดาย ที่เมืองหลวงออกมาทั้งหมด
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป
อู๋ไท่เหอก็ได้ส่งสัญญาณให้
หนานกงเสวียนจีจึงได้ใช้สองนิ้วคีบหมากขาวหนึ่งตัว ค่อย ๆ วางลงบนตำแหน่งดวงดาวที่เป็นจุดสำคัญในการแก้กลหมาก ท่ามกลางการจับตามองของทั้งสามคน
“นี่มัน ! ! ! ”
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของหมากดำถูกทำลาย โดยหมากขาวที่มิได้มีความโดดเด่นใด ๆ เพียงหนึ่งตัว
อู๋ไท่เหอก็ถึงกับดวงตาเบิกโพลงในทันที พร้อมอ้าปากค้าง ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาสามคนเชื่อจนสนิทใจว่า บนโลกนี้มียอดฝีมือที่ไร้เทียมทานอย่างท่านเย่อยู่จริง ๆ
มิกี่อึดใจต่อมา
อู๋ไท่เหอก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ท่านเย่ผู้นี้เวลานี้อยู่ที่ใดกัน มิว่าเยี่ยงไรข้าจะต้องคารวะเขาเป็นอาจารย์ให้ได้ ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน