เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน นิยาย บท 436

ตอนที่ 436 หนานกงเสวียนจีคารวะผู้อาวุโสทุกท่าน

นักพรตเสวียนจีที่เห็นดวงตาวาวโรจน์ของขงซิงเจี้ยน ก็แค่นเสียงออกมาเบา ๆ พลางถามว่า “ท่านต้องไตร่ตรองให้ดี ว่าจะลงมือกับข้าตรงนี้จริง ๆ น่ะหรือ ? ”

วินาทีต่อมา ระหว่างที่ขงซิงเจี้ยนจะอ้าปากอีกครั้ง

หนิงซู่ซู่ก็ได้เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “หากท่านนักพรตเสวียนจีมาเยือนนิกายกระบี่สวรรค์ของเราวันนี้ เพียงเพื่อต้องการหาคนประลองด้วย ข้าสามารถประลองเป็นเพื่อนท่านได้”

“ระดับเซียนขั้นท้ายงั้นหรือ ? ”

นักพรตเสวียนจีหันไปทางหนิงซู่ซู่ ก่อนจะพิจารณาอย่างคร่าว ๆ

“คุณสมบัติวิถีเซียนของท่านเทพหนิงช่างน่าตกใจจริง ๆ คิดมิถึงว่ามิได้พบกันร้อยปี ท่านจะก้าวสู่ระดับเซียนขั้นท้ายได้แล้ว”

นักพรตเสวียนจีส่ายหน้าไปมา พร้อมกับเอ่ยอย่างมิแยแสว่า “แต่ต่อให้เป็นระดับเซียนขั้นท้าย ทว่าการรู้แจ้งในวิถีของตนต่างหาก จึงเป็นสิ่งที่ใช้กำหนดความแข็งแกร่งที่แท้จริง”

“คิดว่าเจ้าคงได้ยินมาบ้างแล้ว เมื่อมินานมานี้ข้าเพิ่งจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์มา และสิ่งที่พวกเจ้ามิรู้กันก็คือ การลงทัณฑ์ในครั้งนี้แม้ข้าจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังมีความโชคดีอยู่ในความโชคร้าย เพราะมิเพียงข้าจะสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ข้ายังมีความรู้แจ้งในวิถีของตนเองที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย”

“เวลานี้หากข้าต้องการก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับเทพพิภพได้ตลอดเวลา ดังนั้นทางที่ดีท่านเทพหนิงควรจะคิดให้ดีเสียก่อน จะได้มิต้องอับอายขายหน้าผู้คน”

เอ่ยถึงตรงนั้น

“และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผล ที่ว่าเหตุใดวันนี้ข้าต้องเชิญท่านพี่จากอีกสองสำนักเซียนใหญ่มาด้วย”

นักพรตเสวียนจีหัวเราะออกมา ก่อนจะกวาดตามองทุกคนแล้วเอ่ยต่อ “ถูกต้อง ข้าตัดสินใจที่จะไปจากหลิงโจว เพื่อออกเดินทางไปยังเส้นทางโบราณ และค้นหาโอกาสในการไปที่แดนเทพบรรพกาล และก่อนที่ข้าจะจากไปข้าจึงต้องการแก้ไขสัญญาร้อยปีระหว่างนิกายกระบี่สวรรค์กับวังเสวียนจีของข้าเสียก่อน”

เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พลางหันมามองหน้ากัน

ตัดสินใจที่จะไปจากหลิงโจว ?

นี่ก็หมายความว่า ขอเพียงแค่นักพรตเสวียนจีต้องการ ก็สามารถอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ได้ตลอดเวลา เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับเทพพิภพ กลายเป็นผู้ที่น่ากลัวมากที่สุดบนสวรรค์บูรพา

อีกทั้งยังเท่ากับต้องการบอกทุกคนว่า วันนี้การที่เขามาเยือนที่นี่ นับว่าเป็นเกียรติของทั้งสี่สำนักเซียนมากพอแล้ว

และการที่เขาจะแก้ไขสัญญาร้อยปีระหว่างนิกายกระบี่สวรรค์และวังเสวียนจีครั้งนี้ จะมิยอมให้ผู้ใดคัดค้านเขาได้เด็ดขาด

หลังจากนิ่งเงียบอยู่สักพัก

“ศิษย์น้องขง ศิษย์น้องหนิง ในเมื่อนักพรตเสวียนจีเอ่ยออกมาอย่างชัดเจนแล้ว พวกเจ้าสองคนก็อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามไปเลยนะ”

อู๋ไท่เหอส่งกระแสจิตกำชับขงซิงเจี้ยนและหนิงซู่ซู่ ก่อนจะเอ่ยกับนักพรตเสวียนจีที่วางอำนาจบาตรใหญ่ว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลองบอกมาสิว่า ท่านต้องการเปลี่ยนสัญญาร้อยปีเช่นไร ? ”

“มิมีอันใดมาก”

นักพรตเสวียนจีหรี่ตาลง พลางเอ่ยเสียงเรียบว่า “เมื่อพันปีก่อนนิกายกระบี่สวรรค์กับวังเสวียนจีของข้าได้เปิดศึกกัน จนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเพื่อแดนบำเพ็ญเพียรโบราณอย่างภูเขาหยุนหลาน จนสุดท้ายจำต้องทำสัญญาร้อยปีนี้ขึ้นมา แต่บัดนี้ข้าจะจากไปแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะยกเลิกสัญญาร้อยปีนี้เสียนับตั้งแต่วันนี้”

“แน่นอนว่าเป้าหมายที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี”

อู๋ไท่เหอขมวดคิ้วน้อย ๆ ก่อนจะถามขึ้นเรียบ ๆ ว่า “มิทราบว่าท่านนักพรตเสวียนจีต้องการยกเลิกสัญญาร้อยปีนี้เยี่ยงไรหรือ ? ”

“เดิมพันหมาก ! ”

นักพรตเสวียนจีสะบัดแขนหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยตามตรงว่า “สู้กันสามกระดานผู้ใดชนะสองกระดาน ก็จะได้สิทธิ์ครอบครองแดนบำเพ็ญเพียรนั้นในทันที”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสามสำนักเซียนต่างก็เปลี่ยนไป

โดยเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสของนิกายกระบี่สวรรค์ ที่มีสีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างมาก

นี่มันใช้อำนาจมาบีบบังคับกันชัด ๆ !

พันปีมานี้ทุกการแข่งขันในครบรอบร้อยปี นิกายกระบี่สวรรค์ล้วนแล้วแต่พ่ายแพ้ไปครึ่งแต้มเสมอ

นี่ก็เพียงพอที่จะอธิบายแล้วว่า ความแตกฉานในวิถีหมากของนักพรตเสวียนจีนั้นสูงส่งกว่าอู๋ไท่เหอเพียงใด ดังนั้นการที่ทั้งสองคนพนันหมากกัน เดิมทีก็เป็นสิ่งที่อัปยศมากพอแล้ว

วันนี้ยังต้องการที่จะยกเลิกสัญญาร้อยปี และใช้วิธีพนันการด้วยหมากล้อม เพื่อตัดสินผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองแดนบำเพ็ญเพียรโบราณอีกเยี่ยงนั้นหรือ

ยังมีศักดิ์ศรีอยู่หรือไม่ !

นักพรตเสวียนจีทำไมเจ้าถึงมิเอาไปเลยเล่า !

เจ้าเล่ห์ !

ช่างเจ้าเล่ห์จริง ๆ !

วินาทีนี้ คนของสำนักเซียนใหญ่อีกสองสำนัก ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความละอาย

ในตอนแรกเพราะพวกเขามิอยากเห็นนิกายกระบี่สวรรค์และวังเสวียนจีต้องสู้กันจนตายไปข้าง เพื่อแดนบำเพ็ญเพียรโบราณอย่างภูเขาหยุนหลาน

ดังนั้นหลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว จึงได้ตัดสินใจใช้วิธีการเดิมพันด้วยหมากล้อมทุกร้อยปี เพื่อยุติการต่อสู้ที่นองเลือดนี้ลง

แต่กลับมิมีผู้ใดคาดคิดว่า วังเสวียนจีนั้นจะมียอดฝีมือแห่งวิถีหมากอย่างนักพรตเสวียนจีอยู่

ดังนั้นพันปีมานี้ เมื่อเจอกับสหายเก่าเช่นนิกายกระบี่สวรรค์ พวกเขาจึงอดมิได้รู้สึกละอายแก่ใจกับสหายเก่าในนิกายกระบี่สวรรค์

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายร้อยปีมานี้ พวกเขาที่เป็นคนของสองสำนักเซียนใหญ่จึงมิยอมมาปรากฏตัวอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน