ตอนที่ 63 พบยอดปรมาจารย์ท่านหนึ่งโดยบังเอิญ
สีหน้าของสวีฉิงเทียนเข้มขึ้นทันที เมื่อเห็นถานไถชิง เสวี่ยส่ายหน้าด้วยท่าทีลังเลเช่นนั้น
ก่อนเอ่ยถามเสียงเย็นว่า “เพราะเหตุใด หวังว่าเจ้าคงมีเหตุผลให้ข้านะ ? ”
ถานไถชิง เสวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองสีหน้ามิพอใจของสวีฉิงเทียน “ท่านเจ้าสำนักเจ้าคะ ตอนนี้ข้าบรรลุขั้นก่อกำเนิดแล้ว ส่วนผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหลี่ฉางหมิง อีกมินานก็จะบรรลุขั้นก่อกำเนิดด้วยเช่นกัน”
พูดถึงตรงนี้ถานไถชิง เสวี่ยก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองอินฉางเฟิงที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ข้าง ๆ “แต่ผู้สืบทอดกลับพ่ายแพ้ให้กับศิษย์สายตรงที่ยังมิบรรลุขั้นก่อกำเนิดด้วยซ้ำนะเจ้าคะ”
สวีฉิงเทียนมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยิน พลางมองถานไถชิง เสวี่ยอย่างใช้ความคิด แต่มิได้พูดสิ่งใดออกมา
ถานไถชิง เสวี่ยจึงเอ่ยต่อว่า “หลายวันก่อนข้าเองก็ห่างจากการบรรลุขั้นก่อกำเนิดมิมากเช่นกัน แต่พอข้าได้บรรลุขั้นก่อกำเนิดจริง ๆ แล้ว จึงได้เข้าใจว่าความแตกต่างก่อนที่จะบรรลุนั้นมีมากเพียงใด”
“ท่านเจ้าสำนัก ตบะของท่านอยู่สูงกว่าข้ามากนัก ท่านย่อมเข้าใจถึงความแตกต่างของขั้นสร้างแก่นและขั้นก่อกำเนิดได้เป็นอย่างดี เช่นนั้นการประลองครานี้มิว่าจะอย่างไรข้าก็มิควรประลองกับผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน และยิ่งมิควรประลองกับศิษย์สายตรงผู้นั้นด้วยเจ้าค่ะ”
ใบหน้างดงามไร้ซึ่งตำหนิของถานไถชิง เสวี่ยเอ่ยออกมาแน่วแน่
นางรู้ดีมิว่าจะเป็นผู้สืบทอดหญิงเช่นนาง หรือว่าผู้สืบทอดอย่างอินฉางเฟิง
แม้จะบอกว่าเป็นการประลองระหว่างศิษย์ของทั้งสองสำนัก แต่ในการประลองพวกเขาสองคนต่างก็ห้ามพ่ายแพ้เป็นอันขาด
หากพวกเขาพ่ายแพ้ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของเหล่าศิษย์น้องอย่างมาก
อีกทั้งอินฉางเฟิงที่เป็นถึงผู้สืบทอด แต่วันนี้กลับพ่ายแพ้ให้แก่ศิษย์สายตรงผู้หนึ่งอีกด้วย
เช่นนั้นดูก็รู้แล้วว่าความพ่ายแพ้ของอินฉางเฟิงในวันนี้จะส่งผลเช่นไร
มิเพียงแต่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงอับอายขายหน้า แต่ยิ่งเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของเหล่าศิษย์น้องด้วย
กระดาษมิอาจห่อไฟได้1 หลังพวกเขากลับไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิง เรื่องนี้ย่อมสั่นสะเทือนไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงเป็นแน่
นั่นหมายความว่าการพ่ายแพ้ในครั้งนี้จะส่งผลถึงความรุ่งเรืองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงในภายภาคหน้าด้วย
แต่ถึงกระนั้นผู้สืบทอดหญิงอย่างถานไถชิง เสวี่ยก็ยังคงมิอาจประลองกับผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้
ถึงเวลานั้นหากนางแพ้ขึ้นมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งหนักหนากว่าเดิม
แน่นอนว่า ผู้บำเพ็ญเพียรขั้นก่อกำเนิดและขั้นสร้างแก่นนั้นแตกต่างกันมากเพียงใด ย่อมมิมีทางที่จะพ่ายแพ้ได้ง่าย ๆ
แต่หากใช้พลังทั้งหมดบดขยี้คู่ต่อสู้ ชัยชนะที่ได้มาคงมิสง่างามเท่าไรนัก
มิเพียงเท่านั้นอาจมีคนเข้าใจผิดว่าเจ้าสำนักท่านนี้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงมีจิตใจคับแคบ ตั้งใจใช้ผู้สืบทอดหญิงที่อยู่ขั้นก่อกำเนิดมาเหยียบย่ำผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนและศิษย์สายตรงผู้นั้นให้ต้องอับอาย
หากถึงเวลานั้นข่าวลือนี้แพร่กระจายออกไป เจ้าสำนักจื่อชิงก็มิอาจหนีจากคำครหาได้
ดังนั้นถานไถชิง เสวี่ยจึงได้ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนตั้งแต่ตอนที่ถูกเรียกตัวมาแล้ว
การประลองครั้งนี้นางมิสามารถประลองกับศิษย์คนใดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้ เพราะนางมิสามารถชนะ และยิ่งมิอาจแพ้ได้เช่นกัน
หลังจากได้ยินคำพูดจากใจของถานไถชิง เสวี่ยแล้ว ในที่สุดสวีฉิงเทียนก็เข้าใจถึงความซับซ้อนในเรื่องนี้
ท่าทีของเขาดูอ่อนลงมุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าไปมาพลางตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ “น่าละอายยิ่งนัก คาดมิถึงว่าผู้อมตะที่อยู่มาหลายพันปีเช่นข้า วันนี้กลับถูกความโกรธเข้าครอบงำสติปัญญา ช่างน่าขันยิ่งนัก”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเจ้าสำนักจื่อชิงได้เห็นถึงแง่มุมอื่นของเรื่องนี้แล้ว ถานไถชิง เสวี่ยจึงยิ้มออกมา “ท่านเจ้าสำนัก เป็นเพราะหลายปีมานี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จื่อชิงของเราชนะมามาก เช่นนั้นการที่ท่านจะรู้สึกร้อนใจก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
สวีฉิงเทียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะมองถานไถชิง เสวี่ยอย่างชื่นชม พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เด็กน้อย มิเจอกันมิกี่วันมิเพียงแต่การบำเพ็ญเพียรของเจ้าจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จิตใจของเจ้าก็เหมือนจะมีการพัฒนาขึ้นมากทีเดียว ช่างหาได้ยากยิ่งนัก”
ถานไถชิง เสวี่ยยิ้มออกมา แล้วจึงหันไปมองอินฉางเฟิงที่ยังคงคุกเข่าอยู่ที่พื้น “แต่ว่าครั้งนี้ศิษย์พี่อินพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ หากแพ้ต่อหลี่ฉางหมิงก็ว่าไปอย่าง แต่กลับแพ้ให้แก่ศิษย์สายตรงผู้หนึ่งช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน