เมื่อจอยส์มาถึงกองถ่าย 'อาวเวอ ยูธ' ผู้กำกับก็เรียกเธอไปหา
ดูเหมือนผู้กำกับจะสนใจรูปร่างภายนอกมากกว่าประสบการณ์ จอยส์อาจได้กลายเป็นคนมีชื่อเสียงระดับเอ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า จิน กรุ๊ป โทรมาหาเขา และเสนอจอยส์ให้เป็นตัวประกอบหญิงสาม ผู้กำกับยินดีกับเรื่องนั้นมาก
ลำพังความสามารถของจอยส์นั้นมันคงจะไม่สมเหตุสมผล ถ้าให้เธอรับบทที่สำคัญกว่านักแสดงประกอบสอง
เพียงแค่วันเดียวที่จอยส์ได้เล่นเป็นนักแสดงประกอบ และวันต่อมา ก็มี จิน กรุ๊ป อยู่เบื้องหลัง ผู้กำกับจึงเดาว่าเธอคงมีคนหนุนหลัง เพราะผู้กำกับเคยเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายกันแบบนี้มาก่อน
"จอยส์ใช่ไหม?"
จอยส์พยักหน้า "ใช่ค่ะ"
ผู้กำกับบอกเธอ "เธอจะเล่นบทตัวประกอบห้าชื่อ 'เคลลี่ เทม' ฉันอยากให้เธออ่านบทและทำความเข้าใจตัวละครเคลลี่ เราจะถ่ายฉากเคลลี่ในอีกสองชั่วโมงนะ"
จอยส์ตกใจ เธอรู้สึกแปลกใจ "ผู้กำกับคะ ฉัน..."
ผู้กำกับรู้ว่าเธอจะถามอะไร เขาตอบเธอก่อนที่เธอจะทันได้ถาม "เธอนี่โชคดีจริง จิน กรุ๊ป โทรหาฉันเมื่อเช้านี้ พวกเขาอยากให้เธอเล่นเป็นตัวประกอบห้านะ"
จอยส์บอกเขา "...ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับ"
เธอถือบทละครและหันมาเช็ดเหงื่อ
'โชคดีอะไรกัน? ฉันเพิ่งผ่านความทุกข์มาเมื่อคืนนี้นะ"
ดูเหมือนเชนน์จะตระหนี่กับเธอ เขาให้เธอได้รับบทนักแสดงประกอบห้า
จอยส์ดูบทแล้วคิดในใจ 'ตัวประกอบห้ามีบทด้วยเหรอ?'
จอยส์นั่งอยู่ตรงมุม ใช้เวลาไม่นานเธอก็อ่านบทของเคลลี่เสร็จ ฉากของเคลลี่มีไม่กี่ฉาก บทบาทของเคลลี่ในหนังนั้นมีประโยชน์มาก เธอเป็นเสียงของความมีเหตุผล ที่แก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างนักแสดงนำชายและหญิง ในตอนจบของเรื่อง บทของเธอนั้นง่ายมาก
สรุปแล้ว นักแสดงนำหญิงเป็นเพื่อนในวัยเด็กกับเคลลี่ เคลลี่ต้องย้ายไปต่างประเทศกับครอบครัวของเธอ หลังจากสอบวัดระดับม.ปลายเสร็จแล้ว นักแสดงนำชายจึงถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว หลังจากนั้นนักแสดงนำชาย ก็เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัย เขาได้พบกับนักแสดงนำหญิง และไม่เหลือความรู้สึกให้เคลลี่แล้ว เขาเก็บความรู้สึกที่มีต่อเธอไว้ในใจ
แต่ความชื่นชมและมิตรภาพของนักแสดงนำหญิง ที่มีต่อเคลลี่นั้น ทำให้นักแสดงนำหญิงเกิดความขัดแย้งและความวุ่นวาย แต่ก็แก้ไขความขัดแย้งได้ในสามตอน ซึ่งใช้เวลาแก้ปัญหาไม่นาน
จอยส์จึงได้งานง่าย เธอเป็นคนความจำดี ใช้เวลาไม่นานเธอก็จำบทของตัวเองได้ เพราะบุคลิกของเคลลี่เป็นคนพูดตรง จึงทำได้ไม่ยาก
จอยส์เริ่มถ่ายทำกับนักแสดงชาย ฮิวจ์ บอทเนอร์ หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง
หลังจากเล่นผิดแค่ครั้งเดียว อย่างอื่นก็ถ่ายทำอย่างราบรื่น
ผู้กำกับชมจอยส์หลังจากถ่ายทำเสร็จแล้ว "เธอจับความรู้สึกและจำบทได้ ไม่เลวนี่ จอยส์"
ผู้กำกับไม่คิดว่าจอยส์จะแสดงได้ดี เธอเล่นได้เป็นธรรมชาติ หลังจากให้เวลาเตรียมตัวแค่สองชั่วโมง แม้ท่าทางของเธอจะต้องฝึกบ้าง แต่การแสดงของเธอนั้นเป็นธรรมชาติ และไหลลื่นกว่านักแสดงใหม่คนอื่น
หลังจากจอยส์ถ่ายฉากของเธอเสร็จแล้ว เธอก็นั่งพักตรงมุมและอ่านบทของเธอต่อ ชูการ์นั่งรถเมอร์เซเดสมาถึงกองถ่าย
ทันทีที่ชูการ์มาถึงกองถ่าย เธอก็ถามผู้กำกัย "ถ้าฉันจำไม่ผิดนะ ผู้กำกับ ฉันเชื่อว่าต้องถ่ายฉากจูบกับพระเอกวันนี้ใช่ไหม?"
"ใช่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เดี๋ยวเราก็จะเริ่มถ่ายกันแล้ว"
ชูการ์บอกเขาทันที "ไม่นะ ไม่มีทาง! ฉันมีปัญหาแน่นอนผู้กำกับ ทางบริษัทให้ฉันเป็นนักแสดงใหม่ไร้เดียงสา ที่ให้ฉันถ่ายฉากแบบนั้น ฉันไม่คิดว่ามันจะเหมาะสมที่ให้ฉันถ่ายฉากจูบนะ"
ผู้กำกับเลิกคิ้วและบอกเธอ "มีดาราวัยรุ่นถ่ายฉากจูบตั้งหลายคน มันไม่กระทบกับภาพลักษณ์หรอกนะ อีกอย่าง เธอก็ถ่ายฉากจูบตั้งหลายครั้งกับเอเซเคียล แซคคารี ในเรื่องก่อนไม่ใช่เหรอ?"
'ทำไมมาทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเอาตอนนี้?'
ชูการ์เม้มปากแล้วบ่นอย่างไม่มีเหตุผล "นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต อีกอย่างด้วยชื่อเสียงของฉันตอนนี้ คุณคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอ ที่ให้ฉันจูบกับคนที่ไม่ใช่ดาราดังน่ะ?"
ผู้กำกับหัวเราะออกมา เมื่อเขาเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเธอ
ไม่ใช่เพราะชูการ์ไม่เต็มใจถ่ายทำฉากจูบ แต่เพราะฮิวจ์เป็นนักแสดงใหม่ที่ไม่มีชื่อเสียง ในทางกลับกัน ชูการ์นั้นมีชื่อเสียง จึงไม่ยอมลดตัวลงมาถ่ายทำฉากใกล้ชิดกับนักแสดงชายที่ไม่มีชื่อเสียง
ผู้กำกับถามเธอ "แล้วใครจะถ่ายฉากนี้ล่ะ ถ้าเธอไม่อยากถ่าย? ถ้าเราตัดฉากนี้ออก คนดูจะเรียกร้องถ้าหนังออกอากาศ อันดับหนังก็จะตก อย่าลืมสิชูการ์ เธอไม่ได้แค่เล่นให้ฉันนะ แต่เธอต้องทำเพื่อตัวเองด้วย"
ผู้กำกับเกือบพูดออกไปว่า 'ชื่อเสียงเธอหายไปแล้วล่ะ ชูการ์ ถ้าเธอไม่ตั้งใจทำงานนี้ ได้ถูกปลดออกแน่'
ตอนที่ชูการ์กำลังเล่นเล็บมือ เธอก็พูดอย่างชั่วร้าย "คุณให้คนอื่นแสดงแทนฉัน ตอนที่ถ่ายฉากในตู้แช่แข็งไม่ใช่เหรอ? คนที่เล่นแทนอยู่ไหนล่ะ? ให้เธอเล่นแทนฉันแล้วกัน คุณเคยบอกว่าเธอผอมและขาวกว่าฉันนี่ คนดูจะไม่ชอบมากกว่าเหรอ ถ้าฉากนั้นจูบนั้นเป็นเธอแทนฉัน?"
ผู้กำกับโกรธมากเมื่อชูการ์พูดแบบนั้น แต่เขาก็ระงับความโกรธแล้วกัดฟันพูด "กล้องตัวนี้เป็นกล้องคุณภาพสูง และจอยส์ก็เด่นขึ้นกล้อง คนดูจะรู้ทันทีว่าไม่ใช่เธอ"
ชูการ์พูดด้วยความโมโห "แล้วเธอเป็นใครกัน? ถ้าเธอดีนัก ทำไมไม่ให้เธอเป็นนางเอกเลยล่ะ?"
"ฉันก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน!"
"นี่คุณ!"
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันอยู่นาน ทีมงานคนอื่นเริ่มเครียด พวกเขาเห็นว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป งานคงไม่เสร็จแน่
"ผู้กำกับ เราคิดว่าคุณชูการ์ไม่อยากถ่ายฉากนี้ เราจะไม่ได้ทำอะไรถ้ายังทะเลาะกันแบบนี้ เราต้องถ่ายฉากนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเราใกล้ถึงกำหนดเวลาแล้ว ทำไมเราไม่ถ่ายฉากนี้ซ้ำและแก้ไขทีหลัง ถ้ามันไม่ได้ผลเราค่อยคิดหาทางอื่น"
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ผู้กำกับเห็นว่าคำแนะนำนี้ยอมรับได้ เขาจึงเรียกจอยส์มา "จอยส์ ฉันอยากให้เธอเล่นฉากเดียวกันนี้กับฮิวจ์ทีหลัง เธอจะได้เล่นบทจูบนะ"
จอยส์ถามด้วยความสงสัย "แต่ฉันต้องเล่นบทเคลลี่ไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าคนดูเห็นว่าฮิวจ์จูบเคลลี่ คนดูจะไม่สับสนเหรอคะ?"
ผู้กำกับบอกเธอ "ฉันอยากให้เธออ่านบทก่อน เพื่อทำอารมณ์เหมือนฮิวจ์ ลองทำดูก่อน เราจะคิดอีกทีถ้ามันไม่ได้ผล"
ในบริษัท จิน กรุ๊ป
ตอนที่เชนน์กำลังจะออกไปพบลูกค้า เจคก็เข้ามารายงานเขาในห้องทำงาน "ท่านประธานจิน ทีมงานกองถ่ายบอกผมว่า ชูการ์ไม่อยากถ่ายฉากจูบ และให้คุณแยนนี่เล่นแทนเธอครับ"
เชนน์ตกใจแล้วถาม "แล้วเธอเล่นหรือเปล่า?"
เจคตอบเขา "คุณแยนนี่เชื่อคนง่าย อีกอย่าง ก็ไม่มีใครรู้เรื่องของคุณแยนนี่กับท่านประธาน เธอจึงไม่อยู่ในฐานะที่จะปฏิเสธได้ครับ..."
เชนน์หันมาและเดินเข้าไปในลิฟท์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน