เช้าวันต่อมา แยนนี่ทราบข่าวเรื่องที่วินสันเป็นโรคหลอดเลือดอุตตัน
เพราะกิจการของตระกูลจาคอปที่กำลังดิ่งลงเหวทำให้เขาตกใจจนเส้นเลือดอุดตันในสมอง ในเช้าวันนั้นเขาได้รับคำวินิฉันว่าเส้นเลือดที่อุดตันแตก ถ้าไม่ใช่เพราะปาฏิหาริย์ เขาต้องพึ่งใครสักคนมาดูแลเขาไปตลอดชีวิต
พอแยนนี่รู้เข้า เธอก็เกิดความรู้สึกสับสน
สะใจไหม? เธอไม่รู้สึกสุขใจเท่าที่คิด
เสียใจเหรอ? เธอก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองจะเห็นใจวินสันขึ้นมาเช่นกัน
เธอแค่รู้สึกว่าเขาสมควรแล้ว แต่หัวใจของเธอยังคงว่างเปล่า
แยนนี่โทรหาผู้ช่วยกีกิ “กีกิ ช่วยยกเลิกนัดหมายวันนี้ของฉันให้หมดเลยนะ ฉันต้องไปเยี่ยมคุณป้าของฉัน”
“ค่ะ บอส”
…
หลังแยนนี่ขับรถมากว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงเมืองลุชเวย์
เธอขับรถบูกัตติสีเงินผ่านไฟจราจรเข้าสู่ทางเข้าของเมือง
ผ่านไปได้ไม่นาน
แยนนี่ก็ลงจากรถเมื่อมาถึงยังจุดหมาย เธอเห็นเฮเธอร์กำลังซักไม้ถูพื้นอยู่
ร่างกายของเธอทรุดโทรมตามวัย แยนนี่นํ้าตารื้นขึ้นมาทันที
“คุณป้า!”
แยนนี่ไม่ได้ตะโกนเรียกซํ้าเมื่อ เธอกำลังยืนอยู่ริมฝั่งแม่นํ้า
พอได้ยินเสียงเรียก เฮเธอร์ค่อย ๆ ลุกขึ้น ด้วยอายุของเธอทำให้การขยับเขยื่อนเชื่องช้าไปตามวัย
เฮเธอร์คิดว่าเธอหูฝาดไปแต่พอหันหลังกลับ เธอเห็นแยนนี่ยืนอยู่ตรงริมฝั่งแม่นํ้ากำลังโบกมือให้
“หนูแยนนี่…โอ้ หนูแยนนี่…”
ด้วยความตื่นเต้นดีใจ เธอทำไม้ถูพื้นในมือหล่นลงพื้นหินอ่อน
แยนนี่รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดเฮเธอร์ “คุณป้าคะ หนูขอโทษ หนูขอโทษ…หนูไม่ได้มาเยี่ยมป้านานเลย…คุณป้า…หนูขอโทษนะคะ”
แยนนี่ร้องได้และเอาแต่พรํ่าคำขอโทษซํ้าไปมา นอกจากคำขอโทษแล้วเธอไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อทดแทนความรู้สึกผิดที่เธอมี
ดวงตาของเฮเธอร์ร้อนชื้นขึ้นมาเช่นกัน เธอลูบเช็ดนํ้าตาที่อยู่บนใบหน้าของแยนนี่ด้วยมือแห้งเหี่ยว ส่งเสียงสะอึกสะอื้นแล้วพูดขึ้นมา “ดีแล้วที่หลานกลับมา…ป้าคิดว่าจะไม่ได้เห็นหลานอีกแล้ว ดีใจที่หลานกลับมานะ”
แยนนี่ช่วยเฮเธอร์ซักไม้ถูพื้นแล้วพูดคุยกับเธอก่อนจะเข้าไปข้างในบ้าน
พอได้พูดคุยกันหอมปากหอมคอ เฮเธอร์ก็เริ่มหั่นผักเตรียมอาหารโดยมีแยนนี่คอยช่วยอยู่ไม่ห่าง
เฮเธอร์มองแยนนี่แล้วถามด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “หลานได้เจอกับพ่อหนุ่มเชนน์ตอนมาที่นี่ไหม?”
มือที่กำลังเด็ดผักของแยนนี่นิ่งชะงักไปชั่วขณะ “เขามานี่ด้วยเหรอคะ?”
“ใช่ ตลอดสองปีเลย พ่อหนุ่มเชนน์มาเยี่ยมยายบ่อยนะ เขาเอาของกินมาให้เยอะเลย ป้ากินไม่ทันหรอกเต็มบ้านไปหมด”
แยนนี่เม้มปากแล้วเลือกที่จะเงียบ เธอก้มหน้าแล้วตั้งใจเด็ดผักต่อไป
แต่เฮเธอร์ดูเหมือนจะจับสังเกตเธอได้ จึงเตือนเธอด้วยนํ้าเสียงสบาย ๆ “นี่หลานแทบจะเด็ดมันทิ้งหมดทุกใบเลยนะ หลานจะกินแต่ก้านมันเหรอ?”
แยนนี่กัดริมฝีปาก เธอลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเก็บกวาด “คุณป้าคะ มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นตลอดสองปีมานี้ หนู…”
“ไม่ต้องบอกป้าก็ได้ ป้าเข้าใจ จากที่พ่อหนุ่มเชนน์มาเยี่ยมป้าคนเดียว ยายถามเขาว่าทำไมหลานถึงไม่มาด้วย เขาก็เอาแต่เปลี่ยนเรื่องตลอด จากนั้น ป้าก็พอรู้สึกได้บ้างว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นแน่ ป้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลาน ป้าพยายามถามเขาว่าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นรึเปล่า ป้าคิด…คิดว่าหลานจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่พ่อหนุ่มเชนน์ก็บอกป้าให้ใจเย็น เขาบอกป้าว่าหลานยังอยู่ดี แค่งานยุ่งและต้องเดินทางไปทำงานนอกประเทศก็เท่านั้นเลยไม่มีเวลามาเจอป้า พอได้ยินแบบนั้น ป้าก็โล่งอก”
แยนนี่รู้สึกขอบคุณที่เธอเคยทำงานที่ฮอลลีวูดเมื่อสองปีก่อน เพราะงั้นเลยทำให้คุณป้าเชื่อคำโกหกของเชนน์ได้ไม่ยาก
“คุณป้าคะ หนูมาอยู่นี่แล้วตรงหน้าคุณป้าแล้ว แถมยังมีชีวิตอยู่ดี เพราะงั้นอย่ากังวลไปเลยนะคะ”
เฮเธออร์มองเธอแล้วส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “บางครั้ง ป้าก็คิดว่าคงมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างหลานกับพ่อหนุ่มเชนน์ หนูแยนนี่ ป้าไม่อยากจะบอกหลานหรอกว่าหลานควรจะอยู่กับใคร แต่ป้าขอแค่ให้หลานมีความสุขและหวังว่าหลานจะไม่พลาดมันเพราะความขุ่นเคืองใจเพียงชั่วคราวหรอกนะ”
“คุณป้าคะ เชนน์กับหนู…”
ก่อนแยนนี่จะทันได้พูดจบ เฮเธอร์ขัดเธอขึ้นมาเสียก่อน “ถึงป้าจะแก่ แต่ตาก็ไม่ได้บอด ป้าเห็นว่าพ่อหนุ่มเชนน์จริงใจกับหลานมากนะ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เทียวมาหาป้าตลอดวันสองวันนี้หรอก หนูแยนนี่ลองกลับไปคิดเรื่องของหลานกับเชนน์อีกหน่อยเถอะนะ ไม่ต้องรีบร้อน หลานลองไตร่ตรองดูทีละนิด ”
คุณป้าของเธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อสองปีก่อนและแยนนี่เองก็ไม่คิดจะบอกเธอเช่นกัน เธอได้แต่พยักหน้าฟังคำแนะนำของเฮเธอร์ และหวังให้เธอหมดห่วงในเรื่องนี้
“ป้าพยายามชวนพ่อหนุ่มเชนน์ให้อยู่กินข้าวด้วยกันแล้วนะ ถ้าเขายังอยู่ เธอสองคนคงจะนั่งลงแล้วได้พูดคุยกัน ใครจะรู้ล่ะว่าคนหนึ่งจะมาหลังอีกคนหนึ่งไป ช่างบังเอิญเสียจริง”
เฮเธอร์ส่ายหัวอมยิ้ม แล้วถอนหายใจ นํ้าเสียงของเธอแฝงไปด้วยความเสียดาย
แยนนี่คิดว่า บางทีพวกเขาควรอยู่กันอย่างนี้แหละ เฉียดกันไปเฉียดกันมาไม่ต้องเจอหน้ากัน
แยนนี่ค้างคืนกับเฮเธอร์ในคืนนั้น แต่เพราะเฮเธอร์อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนเธอตื่นมาล้างหน้าในยามเช้า เธอต้องเอามือยันหลังตัวเอง แยนนี่รู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัยถ้าปล่อยให้เธออยู่ในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง เธอเคี่ยวเข็ญให้เฮเธอร์เก็บกระเป๋าแล้วย้ายไปอยู่ในเมืองกับเธอ
ระหว่างทางกลับ แยนนี่คิดหนักอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจบอกเฮเธอร์ออกไป “คุณป้าคะ วินสันเป็นโรคหลอดเลือดในสมองอุดตัน ข่าวออกมาเมื่อเช้านี้เอง”
“สมนํ้าหน้ามันแล้ว!”
“หนูเป็นคนตัดลูกค้าของเขาออกเอง ทำให้อาการเส้นเลือดในสมองของเขากำเริบ” แยนนี่อธิบายความจริงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่มีสำนึกใด ๆ
เฮเธอร์ผงะไป แล้วมองแยนนี่อย่างเห็นอกเห็นใจก่อนถาม “หนูแยนนี่ แล้วหลายเสียใจไหม?”
แยนนี่ส่ายหน้า แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “หนูไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้สึกสะใจที่ได้แก้แค้นเหมือนกัน”
เฮเธอร์ลูบหลังมือของแยนนี่แล้วกล่าวอย่างอาทรว่า “บางสิ่งบางอย่างหลานคารปล่อยวางมันไปนะ หลานจะดันทุรังกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบางครั้งก็ได้ แต่อย่าให้มันสร้างความลำบากให้ให้หลานโดยไม่จำเป็นเลย ไม่งั้นมันจะทำให้หลานไม่มีความสุข”
ริมฝีปากของแยนนี่ยกยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “คุณป้าคะ มีบางเรื่องที่หนูปล่อยวางมันไปไม่ได้ บางครั้ง ความเกลียดชังในตัวหนูก็ขับเคลื่อนให้หนูไปอยู่บนเส้นทางของการล้างแค้น ถึงหนูจะรู้อยู่แก่ใจว่ามันคงไม่ได้ทำให้หนูรู้สึกดี แต่หนูปล่อยมันไปไม่ได้จริง ๆ ”
เฮเธอร์ปลอบเธอ “เราควบคุมอารมณ์ของตัวเองทั้งหมดไม่ได้หรอก นั่นแหละที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ ถ้าเราสามารถควบคุมทุกอย่างแล้วเลี่ยงความผิดลาดได้ นั่นคงไม่ใช่การใช้ชีวิตแล้วล่ะ ชีวิตน่ะดำเนินไปคู่กับความเสียใจและความเห็นอกเห็นใจ ทำสิ่งที่หลานต้องการเถอะ ป้าอยู่ข้างหลานเสมอนะ”
…
เฮเธอร์รู้แค่ว่าแยนนี่รับเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยงตอนที่เธอกลับมาอยู่ในเมือง เขาเป็นเด็กชายต่างชาตินามว่าฮาจาร์
เฮเธอร์ขบขันกับความเด๋อด๋าของฮาจาร์อยู่ไม่น้อย
เธอสอนฮาจาร์เรียกเธอว่า‘ยาย’ ฮาจาร์ใช้เวลากว่าครึ่งวันในการเลียนเสียงคำแต่การออกเสียงของเขาก็ยังไม่ถูกต้องเสียที จนทำให้เวลาที่เขาพยายามออกเสียงแลดูตลกขบขันยิ่งนัก
ท้องของเฮเธอร์ปวดเกร็งจากการหัวเราะไม่หยุด เธอยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนพูดขึ้น “ช่างเถอะ ไม่ต้องเรียกฉันแล้วก็ได้ เพราะถ้าเธอยังออกเสียงเรียกฉันแบบนั้นอยู่อีก ฉันคงจะหัวเราะจนตะคริวกิน”
บางครั้งฮาจาร์ก็ตามแยนนี่อยู่เงียบ ๆ เธอสอนภาษาจีนกลางให้เขาเล็กน้อย เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขามาถึงบ้าน แยนนี่จะยังคงต้องสาละวนอยู่กับงาน และเพื่อให้ฮาจาร์ไม่รู้สึกเบื่อ เธอจึงจ้างครูสอนภาษาจีนให้กับเขา ช่วงหลายวันมานี้ ฮาจาร์เรียนภาษาจีนไปได้หลายคำทีเดียว เขาสามารถพูดบทสนทนาง่าย ๆ แบบช้า ๆ ได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาเกิดอาการลน เขาจะไม่สามารถพูดคุยได้เลย
เฮเธอร์อยู่ในเมืองมาได้สองวันและกำลังกังวลกับเรื่องบางอย่างอยู่
เธอใช้จังหวะที่แยนนี่ทำงานอยู่ในห้อง เรียกฮาจาร์แล้วแอบวางแผนบางอย่าง ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าฮาจาร์จะเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ
เฮเธอร์ชี้ไปที่ฮาจาร์แล้วพูดว่า “เธอไปบอกแยนนี่ให้ไปซื้อหนังสือกับเธอ”
ฮาจาร์ขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัย “ไปซื้อหนังสือไหน?”
เฮเธอร์จำได้ว่ามีร้านขายหนังสือชื่อป๊อปปูล่า บุ๊ค เปิดตรงใจกลางเมืองอยู่ “ไปร้านป๊อปปูล่า บุ๊ค ที่ใจกลางเมือง ไปบอกป้าแยนนี่ของเธอ ตอนนี้เลย”
ฮาจาร์พยัคหน้าอย่างเป็นการเป็นงาน
พอเห็นฮาจาร์วิ่งไปยังห้องทำงานของแยนนี่ เฮเธอร์ระเบิดหัวเราะไล่หลังแล้วแอบตามเขาไปยังห้องทำงาน เธอยืนอยู่ตรงประตูและพูดกับแยนนี่ “หนูแยนนี่ ป้าอยู่บ้านเบื่อมากเลย ป้าจะออกไปเดินเล่นคนเดียวสักหน่อยนะ”
แยนนี่เป็นกังวลขึ้นมา “คุณป้าคะ หนูจะเสร็จงานแล้ว เดี่ยวหนูไปด้วยนะคะ เมื่อกี้ฮาจาร์เพิ่งบอกว่าอยากซื้อหนังสือพอดี งั้นเดี๋ยวเราออกไปเดินด้วยกันนะคะ”
“เฮอะ หลานไปซื้อหนังสือเถอะ ป้าแกแล้วไม่อ่านหนังสือหรอก ป้าจะไปตลาดแล้วซื้อของใช้สักหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วงป้าหรอก ป้ายังแข็งแรงดีนะ ป้าจะเอามือถือไปด้วยแล้วกันถ้าหลานเป็นห่วงก็ค่อยโทรหาป้าเอาแล้วกัน”
พอเห็นเฮเธอร์พลังเหลือล้นขนาดนั้น แยนนี่จึงอนุญาตและยํ้ากับเธอไปว่า “ระวังตัวด้วยนะคะ อย่ากลับบ้านเย็นเกินไปนะคะ”
หญิงชราฮัมเพลงอารมณ์ดีตรงไปยังประตูทางเข้า เปลี่ยนรองเท้าและเดินออกไป
เฮเธอร์ใช้เวลาพูดคุยกับเพื่อนวัยชราในสวนสาธรณะเล็กน้อย แล้วหยิบโทรศัพท์โทรหาเชนน์
“นี่ พ่อหนุ่มเชนน์ ตอนนี้ฉันอยู่ในนอร์ท ซิตี้นะ อ่า…ฉันอยู่ตรงร้านหนังสือป๊อปปูล่า บุ๊คสาขาใจกลางเมือง ฉันว่าจะหาซื้อตำราทำอาหารสักหน่อยแต่ดันหลงทางในเมืองนี่สิ…พ่อหนุ่มเชนน์ยุ่งอยู่รึเปล่า? พ่อหนุ่มช่วยมารับฉันได้ไหม?”
เชนน์กำลังอยู่ระหว่างการประชุมในขณะรับสาย เขาตอบกลับเฮเธอร์ไป “คุณป้า อยู่แต่ในร้านหนังสือนะครับและอย่าไปไหน ผมจะรีบไปตอนนี้เลย เปิดมือถือไว้ตลอดด้วยนะครับ”
“ได้เลยจ้ะ ขอบคุณมากเลยนะ พ่อหนุ่มเชนน์”
หลังวางสายไป เฮเธอร์โทรออกหาแยนนี่อีกคน “หนูแยนนี่ หลานกับฮาจาร์ถึงร้านหนังสือกันรึยัง?”
“ใกล้ถึงแล้วค่ะคุณป้า เรากำลังเดินทางอยู่เพราะรถติดนิดหน่อยค่ะ คุณป้าอยู่ที่ไหนเหรอคะ?”
“โอ้ ป้าเหรอ? ป้ากำลังคุยเล่นอยู่กับคนแถวนี้ที่สวนสาธารณะน่ะ ไม่ต้องห่วงป้าหรอก พาฮาจาร์ไปร้านหนังสือก็พอ ไม่ต้องรีบกลับกันนะ”
หลังวางสายแยนนี่รู้สึกว่าคุณป้าของเธออารมณ์ดีแปลก ๆ
แยนนี่คิดว่าอาจเพราะคุณป้าของเธอคงจะตื่นเต้นดีใจที่ได้พูดคุยกับคนระแวกนั้นที่สวนสาธรณะ เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย
พอมาถึงร้านหนังสือป๊อปปูล่า บุ๊ค แยนนี่จอดรถแล้วพาฮาจาร์เข้าไปในร้าน
ข้างในร้านหนังสือ มีเด็กคนอื่น ๆ ที่อายุรุ่นคราวเดียวกันกับฮาจาร์อยู่ด้วย พวกเขานั่งกันอยู่บนพื้นไม้อ่านหนังสือการ์ตูนกันเป็นกลุ่ม ๆ
ฮาจาร์อยากเข้าไปร่วมวงด้วย แยนนี่ไม่ได้ห้ามอะไร พอเห็นฮาจาร์เล่นกับพวกเขาอย่างสนุกสนาน แยนนี่จึงขึ้นไปบนชั้นสองของร้านหนังสือเพื่อหาหนังสือคู่มือ
เธอรู้ว่าหลังรับบริษัทมูฟมีเดียเข้ามาดูแล เธอต้องใช้ทักษะมากมายหลายแขนงเพื่อบริหารจัดการบริษัทด้วยตัวเอง ถ้าเธอไม่เรียนรู้เธอจะไม่รู้อะไรเลย แยนนี่หยิบหนังสือคู่มือพื้นฐานการเงินและเศรษฐศาสตร์ออกมา
ผู้คนตรงชั้นล่างพากันแตกตื่น
ฮาจาร์กับพนักงานของร้านกำลังมีปัญหากัน
แยนนี่รีบวิ่งลงไปยังชั้นล่าง
ฮาจาร์กำลังกอดหนังสือเอาไว้แน่นขณะถูกพนักงานในร้านตามไล่จับ เขาพูดเป็นภาษาถิ่นของตัวเองอย่างรัวเหมือนกำลังพยายาามจะอธิบายบางอย่าง แต่พนักงานไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแล้วตะโกนด่าทอ “พ่อแม่เธออยู่ไหน? เธอต้องจ่ายค่าหนังสือก่อนสิ ที่เธอทำอยู่มันเป็นการขโมยนะ!”
ฮาจาร์แตกตื่นและพยายามจะอธิบายเสียงดังขึ้นด้วยภาษาของเขาที่ฟังไม่ได้ความ พนักงานยังคงไล่จับเขาในขณะที่ฮาจาร์ก็วิ่งหนีต่อไป
แยนนี่รีบตามพวกเขาไป
ฮาจาร์วิ่งเข้าไปในชั้นหนังสือใหญ่ของร้าน
ครืนน…
ชั้นหนังสือทั้งหมดล้มลงบนพื้น
ทุกคนในร้านหนังสือพากันจ้องมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด
เชนน์ที่กำลังยืนอยู่อีกฝั่งของชั้นหนังสือและพยายามติดต่อกับเฮเธอร์อยู่ก่อนแล้ว ก็หันมาสนใจกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
แยนนี่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฮาจาร์
เชนน์ที่แนบมือถือกับหูหันมามอง ท่ามกลางหนังสือที่กระจายอยู่บนพื้นและฝูงชนที่มารุมล้อม เขาเห็นใบหน้าที่เขาฝันถึงมาหลายคืนนับครั้งไม่ถ้วน
หนังสือกระจัดกระจายและล้อมด้วยผู้คน
แต่เชนน์กลับไม่เห็นพวกเขาตรงนั้นเลย มือถือที่แนบอยู่เลื่อนออกจากใบหน้า เขาจ้องมองภาพตรงหน้าเหมือนตกอยู่ในภวังค์
ปลายสาย เฮเธอร์เอ่ยถาม “พ่อหนุ่มเชนน์ เธอเจอแยนนี่หรือยัง? ฮัลโหล…”
สายถูกตัดไป
เสียงชุลมุนวุ่นวานปิดกั้นโสตประสาททั้งหมดของเขา
โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบ
นัยตาของเชนน์สะท้อนร่างของแยนนี่เพียงคนเดียว เขากำมือถือด้วยใจลอยล่อง
อารมณ์มากมายพุ่งพล่านข้างในใจราวกับคลื่นลูกใหญ่กำลังซัด
คิ้วและดวงตาของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอบอุ่น
เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา ยังมีชีวิต สบายดี และปลอดภัย
เขายิ้มพร้อมกับดวงตาที่เริ่มแดงระเรื่อและร้อนผ่าว
แยนนี่ยื่นนิ่งชะงัก เธอกำหมัดจนนิ้วทั้งหมดสั่นเทิ้มด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เชนน์ผอมลงกว่าที่เธอคิดไว้ ดวงตาของเขาบวมเป่งกว่าปกติ
เหมือนกับทะเลที่ลึกเกินหยั่งถึง แค่ได้มองครั้งเดียวก็เกินพอจะรั้งเธอให้อยู่ตรงนั้นแล้ว
‘เชนน์ ในที่สุดเราก็ได้เจอกันเสียที พร้อมกับรอยบาปและความชิงชัง’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน