เช้าวันรุ่งขึ้น ฮีลตันได้ตื่นแล้ว แต่เวอเรียนยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขา
ฮีลตันอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงและจูบลงบนหน้าผากของเธอ เขาค่อย ๆ ดึงแขนออกจากหลังของเธอแล้วลุกขึ้นจากเตียง สายตาของเขามองไปที่อาหารมื้อเย็นที่ยังไม่มีใครแตะต้องบนโต๊ะข้างเตียง
…
ทันทีที่ฮีลตันก้าวออกจากห้องนอน เขาก็เห็นแนนซี่เดินไปเดินมาที่ทางเดินบนชั้นสอง เธอดูเหมือนคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“อรุณสวัสดิ์ ฮีลตัน”
“อรุณสวัสดิ์ครับ พี่สะใภ้”
แนนซี่หันไปมองที่ห้องนอนด้านหลังของฮีลตันโดยไม่รู้ตัว จากนั้นเธอก็ถามว่า “เวอเรียน…ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?”
“ใช่ เธอทานอาหารเย็นเมื่อคืนนี้ และตอนนี้ก็ยังหลับสนิทอยู่ เธอยังไม่ตื่นครับ”
"โอ้ จริงเหรอ?"
แนนซี่นอนพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืน เธอกำลังรอบางสิ่งเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ แม้ว่าจะผ่านเที่ยงคืนไปแล้วก็ตาม
คนขายบอกแนนซี่ว่ายาแรงมาก แม้แต่ทารกในครรภ์อายุเจ็ดถึงแปดเดือนก็ยังอันตรายหลังจากที่แม่เด็กกินยาตัวนี้
หน้าท้องของเวอเรียนยังมองเห็นไม่ค่อยชัด ดังนั้นเธอน่าจะต้องตั้งครรภ์ได้ประมาณแค่สามเดือน ร่างกายของเธอต้องมีปฏิกิริยาทันทีหลังจากที่กินยาเข้าไป
หรือเวอเรียนไม่ได้ท้องจริง ๆ?
“น้องสะใภ้ เธอสบายดีไหม?”
“โอ้ ฉันสบายดี ลงไปกินข้าวเช้ากันเถอะ”
…
ฮีลตันสั่งให้คุชแวะที่โรงพยาบาลระหว่างทางไปที่บริษัทของเขา
เขาติดต่อวิลสัน และยื่นถุงพลาสติกใบเล็ก ๆ ให้เขา
“ช่วยตรวจสอบอาหารให้ฉันหน่อย มีบางอย่างน่าสงสัยเกี่ยวกับอาหารนี้”
วิลสันหยิบถุงพลาสติกที่บรรจุอาหารมื้อเย็นที่เหลือของเวอเรียน จากนั้นเขาก็พูดติดตลกว่า “ใครกล้าวางยาในอาหารของนายงั้นเหรอ? คน ๆ นั้นต้องมีความกล้ามากแน่ ๆ”
ฮีลตันฮัมตอบอย่างเย็นชาว่า “เธอคิดว่าฉันตาบอด ดังนั้นเธอจึงพยายามวางยาใส่อาหารต่อหน้าฉัน”
ตอนนั้นเองที่วิลสันนึกขึ้นได้ในเรื่องของดวงตาของฮีลตัน “ยังไงซะ ดูเหมือนว่านายจะมองเห็นได้อีกครั้งแล้วใช่ไหม?”
"ใช่ ฉันเพิ่งหายดี”
…
เซรีนกำลังตรวจคนไข้ตามปกติของเธอ
ในขณะที่เธอกำลังตรวจคนไข้บนเตียงห้า พยาบาลก็เข้ามาตามหาเซรีน “ดร.ลุดด์ คนไข้ที่เตียง 11 ห้องถัดไปเอาแต่พูดว่าเขาปวดขามาก เขายืนยันจะให้คุณไปตรวจเขาค่ะ”
“เตียง 11งั้นเหรอ? คนไข้ที่นามสกุลเฟน ใช่ไหม?”
"ใช่ค่ะ เจย์เดน เฟน”
เซรีนพลิกดูรายการบันทึกของเธอแล้วพูดว่า “เขาควรจะออกจากโรงพยาบาลไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
เซรีนจำคนไข้ที่ชื่อ เจย์เดน เฟน ได้เป็นอย่างดี เขามีอาการกระดูกสะโพกร้าวที่ไม่ร้ายแรงมากนัก ผู้ป่วยรายนั้นเข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลตอนที่วิลสันยังอยู่ที่อิตาลี เขาอยู่ในโรงพยาบาลสองสามวัน และก่อกวนเธออย่างมาก
"ถูกตัองค่ะ เขาควรจะออกไปจากโรงพยาบาลตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่ยอมออกไปค่ะ เราไม่กล้าไล่เขาไปเพราะมีข่าวลือว่าเขาเป็นหลานชายของรองประธานของเราค่ะ ไม่มีใครกล้าบอกให้เขาออกไปค่ะ”
เซรีนทำหน้าไม่พอใจ และพูดว่า “เอาล่ะ งั้น เดี๋ยวฉันจะไปดูให้”
เซรีนมาถึงห้องคนไข้ถัดไป และมองไปที่ชายที่อยู่บนเตียง 11 เธอถามด้วยสีหน้าเมินเฉยในขณะที่สอดมืออยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ตสีขาวของเธอว่า “เจย์เดน เฟน ฉันพูดถูกไหม? แล้วคราวนี้คุณมีปัญหาอะไรอีกล่ะ?”
เจย์เดนหัวเราะ และพูดว่า “ดร.ลุดด์ คุณหมายความว่าไงที่บอกว่าคราวนี้ผมมีปัญหาอะไร? ผมรู้สึกเหมือนอาการร้าวที่สะโพกของผมมันยังไม่หายเลย ผมยังคงรู้สึกเจ็บที่สะโพกของผมอยู่เลย คุณช่วยดูมันให้ผมหน่อยได้ไหม?”
เซรีนขมวดคิ้ว และจ้องไปที่สะโพกของเขา จากนั้นเธอก็พูดว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้ วันก่อนเราได้โชว์ผลเอกซเรย์ให้คุณดูแล้ว มันเป็นเพียงอาการร้าวของกระดูกสะโพกเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยซ้ำ ตอนนี้มันก็ผ่านมากว่า 10 วันแล้ว ดังนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไงที่มันจะยังเจ็บอยู่?”
เจย์เดนดูเหมือนจะกระตือรือร้นอย่างมาก เขาพับขากางเกงโรงพยาบาลขึ้นแล้วพูดว่า “ทำไมคุณไม่ลองบีบสะโพกของผมดูล่ะ? มันเจ็บจริง ๆ กระดูกของผมมันเสื่อมหรือเปล่า?”
ริมฝีปากของเซรีนกระตุก เธอถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่ต้องกังวล ถ้ากระดูกของคุณเสื่อม คุณจะไม่มีทางพูดได้อย่างกระฉับกระเฉงได้เหมือนตอนนี้หรอก”
“ทำไมคุณไม่ลองบีบมันดูล่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รัก ท่านประธาน